ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 3 ด่าทอเหยาซู

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 3 ด่าทอเหยาซู

เหยาซูพยายามอดทนต่อความเจ็บปวด นางผลักประตูและเดินออกมา แล้วก็ทันเห็นหลินจื้อถูกสตรีที่สวมชุดชาวบ้านผลักล้มลงกับพื้น

หญิงสาวผู้นี้มีใบหน้าธรรมดา ใต้ปากมีไฝสีแดง จมูกไม่โด่งเท่าใดนัก มีลักษณะเฉียบคมและเย้ายวน

เมื่อแม่โจวเห็นเหยาซูเดินออกมา นางก็แค่นเสียงออกมาอย่างไม่พอใจก่อนจะเบือนหน้าหนี

หลินจื้อล้มลงกับพื้น แต่ปากยังคงกล่าวต่อว่าอย่างไม่ยินยอมว่า “ท่านพูดจาเหลวไหล! ท่านพูดเหลวไหล!”

“อาจื้อ!”

เมื่อได้ยินเสียงเรียกที่นุ่มนวล หลินจื้อก็หมุนตัวลุกขึ้นวิ่งไปหามารดาแล้วกอดขานางเอาไว้แน่น

เหยาซูเองเองก็กอดหลินจื้อไว้เช่นกัน นางเงยหน้ามองสตรีที่ยืนอยู่ในลานบ้านพลางยิ้มเยาะ “ในเมื่อน้องสะใภ้รู้ว่าท่านพ่อของอาจื้อไปเป็นทหารยอมเสียสละชีวิตเพื่อชาติ ไฉนยังมีหน้ามารังแกแม่ม่ายอย่างข้าอีกเล่า พ่อแม่สามีก็หาได้สนใจไม่ แล้วยังมายุ่งกับพวกเราอีกหรือ?”

หลินต้าหลางถูกลือว่าตายในสนามรบ ดังนั้นในหมู่บ้านตระกูลหลินจึงเป็นที่เคารพนับถือ ภรรยาและลูกของเขาจะไม่สามารถถูกใครรังแกได้ง่าย ๆ เช่นนี้

เมื่อได้ยินดังนั้นแม่โจวก็แทบสะอึก คาดไม่ถึงว่าเหยาซูที่ปกติจะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้จะออกหน้าแทนหลินจื้อ ตอนแรกคิดจะก่อความวุ่นวาย ทว่าตอนนี้น้ำเสียงของแม่โจวกลับขาดความมั่นใจทันที “ใคร ใครรังแกพวกเจ้ากัน!”

นางคิดกับตัวเองในใจ ‘เหตุใดหลังจากนางคลอดลูกคนนี้ถึงกับเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน’

เหยาซูเมินแม่โจว ก้มหน้าถามบุตรชายคนโตด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อาจื้อ เจ้าว่านางรังแกพวกเราหรือไม่”

หลินจื้อเห็นว่าแม่ของตัวเองยอมออกหน้าให้เขารู้สึกดีใจมาก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมีโทสะแล้วพูดขึ้น “ตั้งแต่ท่านพ่อจากไป อาสะใภ้ก็ไม่เคยทำงานบ้านอีกเลย ในฤดูหนาวก็ให้ท่านแม่เป็นคนผ่าฟืน ฤดูร้อนก็ให้ท่านแม่ตักน้ำ แม้แต่เสี่ยวซือเองก็ต้องตัดหญ้าให้หมูวันละตะกร้า มิฉะนั้นจะไม่ให้ข้าวกิน ทั้ง ๆ ที่นางอายุเพียงสามขวบเท่านั้น…”

‘เสี่ยวซือ’ เป็นคนที่ใจร้ายที่สุดในสามตัวร้ายนี้ แล้วตอนนี้นางอายุเพียงสามขวบเท่านั้น

ในตอนแรกเหยาซูยังคงสงสัยว่า เด็กน้อยวัยสามขวบคนนั้นหายไปไหน?

ทว่าตอนนี้นางก็ได้คำตอบจากคำพูดของลูกชายคนโตแล้ว นางโมโหมาก สีหน้าของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “น้องสะใภ้ได้ยินหรือไม่ วันนี้ข้าจะไปหาหัวหน้าหมู่บ้านให้พวกชาวบ้านมาตัดสิน!”

แม่โจวรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา จึงตะโกนออกมาเสียงดัง “คือ…คือว่า..เสี่ยวซือไปตัดหญ้าให้หมูตามคำสั่งของท่านแม่! ไม่ใช่ข้า!”

ปกติแล้วเรื่องการทะเลาะกันภายในครอบครัว มักจะไม่ค่อยมีชาวบ้านเข้ามายุ่งเกี่ยว

แต่บิดาของเหยาซูนั้นเป็นหัวหน้าหมู่บ้านตระกูลเหยาที่อยู่ใกล้เคียงกัน หากเหยาซูไปแจ้งเรื่องนี้เกรงว่าจะกลายเป็นที่รู้กันทั่วหมู่บ้าน ด้วยฐานะของบิดาเหยาซู นางคงไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน

“ท่านแม่! ท่านแม่!” แม่โจวยิ่งคิดยิ่งลนลาน จึงต้องยกตัวการใหญ่อย่างท่านแม่มาปกป้องตนเอง

“เสียงดังเอะอะอะไรกัน? อาทิตย์จะตกดินอยู่แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงยังไม่จุดไฟแล้วทำอาหาร?”

แม่หวังเป็นแม่สามีของเหยาซู นางกำลังเย็บเสื้อผ้าให้บุตรชายคนเล็กอยู่ในห้อง พอได้ยินเสียงของแม่โจวก็ก่นด่าออกมาทันที

แม่หวังเป็นสตรีร่างเล็ก เห็นได้ชัดว่าแม่โจวสูงกว่านางเกือบหนึ่งช่วงศีรษะ แต่บรรยากาศรอบตัวนางทำให้คนที่อยู่ใกล้ล้วนรู้สึกอึดอัด

เมื่อแม่หวังปรากฏตัวก็มองไปที่สะใภ้ทั้งสองคน “วันนี้เป็นหน้าที่ของใครทำอาหาร!?”

สะใภ้รองรีบตอบทันที “เป็นหน้าที่ของพี่สะใภ้ใหญ่เจ้าค่ะ”

แม่หวังเห็นว่าเหยาซูยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาทั้งสองข้างของนางถลึงจนแทบถลน พร้อมกล่าวเสียงดังว่า “มัวแต่ยืนอึ้งอ้ำอยู่ทำไม? ยังไม่รีบไปอีกหรือ!”

หลินจื้อที่เห็นย่าตัวเองเดินออกมาก็เข้าไปยืนขวางเพื่อปกป้องแม่ตัวเอง “ท่านย่า วันนี้แม่ของข้าเพิ่งให้กำเนิดน้องชาย…”

ไม่รอให้อาจื้อพูดจบ แม่หวังเดินเข้าไปใกล้แล้วตบหน้าเขาทันที จนแก้มขวาของเด็กน้อยบวมเป่ง

“ไอ้เด็กเหลือขอ ใครสั่งให้เจ้าพูด?” แม้นางจะตบหน้าเด็กชายไปแล้วแต่ยังดูรู้สึกไม่พอใจ นางหยิกแขนอาจื้ออย่างแรงแล้วเริ่มด่าทอต่อ “ปกติไม่พูดไม่จา วันนี้หาญกล้ามากแล้วเหรอ วัดเล็ก ๆ จะทนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไหวหรือ?”

เหยาซูผลักแม่สามีให้พ้นทางเพื่อปกป้องบุตรชายของตนเอง “ท่านแม่ ท่านด่าทอยังไม่เท่าไร แต่ท่านทุบตีเด็กได้อย่างไร!”

นางรู้ว่าแม่หวังได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทของพวกนาง ซึ่งเห็นได้ชัดว่านางต้องการด่าทอลูกชายของตนให้นางฟัง

แม่หวังมองลูกสะใภ้ที่ไม่เชื่อฟังด้วยสายตาชั่วร้าย “เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านตระกูลเหยาอย่างนั้นรึ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้านางสวรรค์หรืออย่างไร? ไปทำงานเดี๋ยวนี้! อีกอย่างเด็กคนนี้ก็เป็นลูกหลานตระกูลหลิน ข้าจะทำอะไรกับมันก็ได้ อย่าว่าแต่ทุบตีสองสามครั้ง ต่อให้ข้าบีบคอมันจนตายก็ไม่มีใครกล้ากล่าวหาข้า!”

คำพูดนี้นอกจากจะกล่าวถึงอาจื้อแล้ว ยังกล่าวถึงเหยาซูที่แต่งเข้าตระกูลหลินอีกด้วย ในเมื่อเข้ามาในตระกูลของนางแล้วจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของนางเท่านั้น!

……………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แก่แล้วก็ใช่ว่าจะกดผู้น้อยได้ รอดูคนแก่โดนถอนหงอกเลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท