ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 29 นางต้องพูดกับคนอื่น

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 29 นางต้องพูดกับคนอื่น

ตามที่คาดเดาไว้ ดวงตากลมโตของอาซือเปล่งประกายพลางเอ่ยถามว่า “หมายความว่าถ้าข้ามีกำลังเพียงพอใช่หรือไม่?”

เหยาซูยิ้มพยักหน้าด้วยความชื่นชม “เอ้อเป่าฉลาดจริง ๆ! สิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือสิ่งที่เรามีกำลังหรือมีแรงพอที่จะสามารถทำได้นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ข้าวของปีใหม่ในมือของยายหู เจ้ายังอายุน้อยอยู่ยังถือของหนักไม่ได้ ทว่าสำหรับการถือ ‘ตุ้ยเหลียน’ และ ‘ฝู’ นั้นเบามาก ซานเป่าก็สามารถช่วยท่านยายหูถือได้ บางครั้งผู้ใหญ่ก็ต้องการความช่วยเหลือ เอ้อเป่าเองก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้นะ”

ตอนนี้อาซือเข้าใจแล้วจึงพยักหน้าหงึกหงัก “ท่านแม่พูดถูก ในอนาคตเอ้อเป่าจะช่วยท่านย่าท่านยาย ลุงและป้าทำสิ่งต่าง ๆ ให้มากขึ้น!”

“ใช่แล้วจ้ะ”

เหยาซูพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่อุ้มซานเป่าเดินไปเรื่อย ๆ พร้อมกับเด็กทั้งสองคน นางฟังบทสนทนาของเด็ก ๆ อย่างตั้งใจ ใบหน้างดงามประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ ภายใต้แสงอาทิตย์ในฤดูหนาวยิ่งทำให้รู้สึกอ่อนโยนมากขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานเหยาซูไม่ได้ยินเสียงป้าหูที่พูดเก่งที่สุด นางจึงหันกลับไป พอเห็นท่าทางของนางจึงเอ่ยปากถามขึ้น “ป้าหูท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ถึงได้เหม่อลอยขนาดนั้น”

หญิงชราได้สติกลับมาแล้วยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอกแค่เรื่องวุ่นวายภายในบ้านเท่านั้น น่าโมโหนัก! หวังว่าวันข้างหน้าหลานชายของข้าจะเป็นเหมือนลูก ๆ ของเจ้าที่ทั้งรู้ความและฉลาดเฉลียว”

แม้ว่าปากของป้าหูจะไม่ได้พูดอะไรมากทว่าในใจกลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ลูกสาวของนางแต่งงานไปอยู่หมู่บ้านตระกูลหลินที่อยู่ใกล้เคียงกัน มักจะได้เดินผ่านบ้านตระกูลหลินบ่อย ๆ ในอดีตนางเคยเห็นอาจื้อกับอาซือมาก่อน ไหนเลยจะแต่งตัวเรียบร้อยและสะอาดสะอ้านเช่นนี้ได้อย่างไร?

นางมองท่าทางร่าเริงของอาจื้อและอาซือ แล้วนึกถึงตอนที่พวกเขาอยู่ในตระกูลหลินแต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก จึงอดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ คิดไปคิดมานางก็เอ่ยขึ้นว่า

“อาซู ข้ามีคำพูดประโยคหนึ่งแต่ไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือไม่…”

เหยาซูอุ้มลูกเอาไว้แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะเจ้าค่ะ พวกเราทั้งสองก็พูดคุยกันมานานแล้ว ยังมีสิ่งใดที่ไม่อยากพูดอีกเล่า”

เมื่อเห็นว่าอาจื้อและอาซือกำลังคุยกันอยู่นั้น ป้าหูก็กระซิบบอกเหยาซูว่า

“ได้ยินมาว่าในหมู่บ้านตระกูลหลินมีข่าวลือเกี่ยวกับเจ้ามากมาย… และนั่นก็เป็นตอนที่เจ้าพาลูกน้อยกลับมาบ้านตระกูลเหยาเมื่อปีก่อน”

เหยาซูเข้าใจในทันทีไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน เพียงนางทะลุมิติมายังที่นี่เพียงวันเดียวก็รู้ถึงความโหดร้ายของแม่สามีไปจนถึงการกลั่นแกล้งของน้องสะใภ้ แล้วยังมีลูกชายคนที่สามของตระกูลหลินที่ได้เห็นเพียงครั้งเดียว

กลุ่มคนเหล่านี้จะสามารถถ่ายทอดคำพูดดี ๆ เกี่ยวกับนางได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้นางพาลูก ๆ กลับมาบ้านตระกูลเหยา บิดาและพี่ชายทั้งสองก็ออกหน้าแทนนางจนตระกูลหลินหยุดราวี

หลายเดือนผ่านไป ตอนนี้พวกเขาเริ่มพูดถึงนางอีกครั้งแล้วจะให้ลูก ๆ คิดดีอย่างไรได้?

เหยาซูไม่ได้ฉวยโอกาสพูดเรื่องไม่ดีของตระกูลหลิน แต่กลับกล่าวขอบคุณป้าหูว่า “ขอบคุณท่านป้าที่บอกเจ้าค่ะ วันเวลาของข้ากับลูก ๆ ในตระกูลหลินนั้นยากเกินจะเอ่ยปากบอกกับท่านป้าได้… แต่ในเมื่อตอนนี้ได้กลับบ้านแล้ว บิดาและพี่ชายของข้าได้ทวงความยุติธรรมแทนข้าเช่นกัน ไม่ใช่ว่าตระกูลหลินต้องการข้าแล้วจะสามารถพาข้ากลับไปได้”

เมื่อตระกูลหลินพบเจอกับคนอื่นไม่ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับคนรอบข้างหรือไม่ พวกเขาจะนินทาด่าทอเหยาซูสักสองสามประโยค ตั้งแต่อารมณ์ร้ายชอบทะเลาะกับสามีไปจนถึงความเกียจคร้านไม่ยอมทำงาน แม้แต่คำพูดที่หยาบคายและอกตัญญูก็พูดออกมา

ในทางกลับกัน เหยาซูเองไม่เคยแม้แต่จะพูดเกี่ยวกับบ้านของสามี แม้ว่าตัวนางเองก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างเช่นที่ตระกูลหลินพูด

ผู้มีคุณธรรมจะไม่พูดถึงความชั่วร้ายของคนอื่น

แม้ว่าป้าหูจะไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อนแล้วก็ไม่เข้าใจหลักการใหญ่ ๆ เหล่านี้ ทว่าก็พอจะแยกแยะได้ว่าพฤติกรรมนั้นดีหรือไม่ดี

“ที่รู้แต่แรกช่างต่างจากที่เจ้าพูดนัก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหยาซูจึงขมวดคิ้วแน่น ป้าหูไม่อาจทนความรำคาญใจนั้นได้และปลอบใจนาง “ข้าเคยได้ยินมาก่อนว่าแม่หวังผู้เป็นแม่สามีเจ้าทั้งโลภมากทั้งขี้เหนียว และมักจะใจร้าย แม่ม่ายที่กำพร้าสามีอย่างเจ้าอยู่ภายใต้การดูแลของแม่สามีที่ใจร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร! ตอนนี้กลับมาอยู่บ้านแล้วก็อยู่อย่างสบายใจเถิด อย่าไปสนใจคนว่างงานพวกนั้นเลย!”

เหยาซูยิ้มเจื่อนแล้วพยักหน้า “ท่านป้าพูดถูกแล้วเจ้าค่ะ”

ป้าหูถอนหายใจ “เด็กคนนี้นี่ไม่ยอมบ่นกับผู้อื่น แต่แม่ของเจ้าได้บอกข้าแล้วว่าตระกูลหลินทำกับเจ้าอย่างไร มันเป็นความผิดของเจ้าที่ไหนกัน! ไม่ต้องกังวลไป แม้ว่าเจ้าจะปฏิเสธที่จะแถลงไขให้คนอื่นฟัง แน่นอนว่ายังมีข้าอยู่ ข้าจะแก้ต่างให้แทนเจ้าเอง!”

นางเห็นกับตาว่าเหยาซูปฏิบัติต่อลูกเช่นไรและเห็นเหยาซูช่วยเหลือแม่เฒ่าเหยาทำงานในตระกูลเหยาอย่างไร ได้ยินว่านางนั้นขยันขันแข็งทำการค้าขายของเพื่อเลี้ยงดูลูกทั้งสามคน เหตุใดลูกสะใภ้เช่นนี้ถึงจะไม่ได้รับคำพูดดี ๆ ออกมาจากปากคนตระกูลหลิน?

หลังจากนี้นางจะต้องบอกผู้อื่นเกี่ยวกับตระกูลหลินแทนเสียแล้ว

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีแบคเพิ่มมาอีกหนึ่งแล้ว ถ้าตระกูลหลินมาราวีอีกก็คงยากแล้วล่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท