ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 166 พี่รองได้รับบาดเจ็บ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 166 พี่รองได้รับบาดเจ็บ

เด็กหนุ่มชุดดำล้มหน้าขมำอยู่ข้างเท้าของหัวหน้าใหญ่ จากนั้นออกแรงดึงขากางเกงของเขา พลางคร่ำครวญเสียงลากยาว “หัวหน้ารองและฮูหยินอยู่ด้านหลังภูเขาเทียม…ตาย พวกเขาตายแล้ว!”

คำพูดที่ฟังดูกึ่งจริงกึ่งโป้ปดนั้นแยกแยะได้ยากที่สุด

เสี่ยวเว่ยมั่นใจว่าเห็นหัวหน้ารองและผู้หญิงของหัวหน้าใหญ่อยู่ด้วยกัน เมื่อเขาโพล่งประโยคนี้ออกมา ทุกคนก็พากันตะลึงงันไปตาม ๆ กัน

เมื่อหัวหน้าใหญ่ยินข่าวร้ายของผู้เป็นน้องชายแท้ ๆ เขาก็ไม่สนใจแม้ว่าหัวหน้ารองจะสวมเขาให้แก่เขา หากแต่ดวงตากลับเบิกกว้างด้วยโทสะทันใด จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยความเกลียดชังว่า “หญิงคนนั้นเล่า?! ไปเอาตัวหญิงคนนั้นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

เสี่ยวเว่ยยังคงคร่ำครวญและร้องขอชีวิต คนข้างกายฟังไม่ออกว่าเขากำลังพูดสิ่งใด เหยาเฉายังคงก่อกวนอยู่ข้างกาย คว้าข้อมือของหัวหน้าโจรเอาไว้พลางโน้มน้าวว่า “อย่าเพิ่งร้อนใจ รองหัวหน้ายังอ่อนเยาว์และแข็งแรง คิดว่าคงไม่น่าจะตายได้ง่าย ๆ บางทีในช่วงที่ตื่นเต้นเกินไปก็อาจจะแค่เป็นลมไปก็ได้เจ้าค่ะ”

ท่ามกลางความชุลมุนที่เกิดขึ้นนั้น มีดสั้นของหลินเหราก็แทงลงบนคอด้านหลังของหัวหน้าใหญ่อย่างเงียบ ๆ แต่การที่เจ้าตัวสามารถดำรงตำแหน่งนี้มาได้ถึงตอนนี้ ก็แสดงว่ามีความเก่งกล้าพอสมควร เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวจากด้านหลังจึงเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้างในทันที

เขามักจะสวมเสื้อเกราะอ่อน ๆ ที่ทำจากหนังสัตว์อยู่เสมอ เพื่อป้องกันการถูกทำร้าย

หลินเหราออกแรงต่อสู้อย่างสุดแรง มีดสั้นกลับแทงเข้าไปได้แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น ยังไม่สามารถคร่าชีวิตของเขาได้

ทุกคนต่างได้สติกลับมา จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังกึกก้อง “คุ้มกันหัวหน้าใหญ่” พวกมันทยอยกันชักอาวุธของตนออกมา ในตอนที่ผู้เป็นหัวหน้ากำลังจะโจมตีกลับ ขาทั้งสองข้างกลับถูกเสี่ยวเว่ยกอดเอาไว้แน่น

เขากำลังยื่นมือออกไปคว้ามัน แต่มือขวาที่ถือมีดนั้นกลับถูกมืออันแข็งแรงจับไว้ ช่วงพริบตาเดียวที่เขาปรายตามองก็สบเข้ากับดวงตาเรียวดุจดอกท้อที่ฉายแววจะยิ้มก็ไม่ยิ้มนั้นของเหยาเฉาพอดี

ในเวลานี้หัวหน้าใหญ่ไม่มีกะจิตกะใจจะคิดว่าเหตุใดสตรีที่ดูอ่อนแอคนหนึ่ง ถึงได้มีพละกำลังอยู่ในมือมหาศาลเช่นนี้ เขาจึงตะโกนออกไปเสียงดังว่า “แม่นางเหยา ปล่อยข้า!”

สีหน้าของเหยาเฉาดูเย็นยะเยือก มือทั้งสองข้างรวบรวมกำลัง จากนั้นก็บิดข้อมือของหัวหน้าใหญ่จนเกิดเสียง ‘เป๊าะ’

เสียงหัวใจที่เต้นระงม ประกอบกับเหยาเฉาที่ออกแรงบิดอย่างไร้ความปรานี ส่งผลให้หัวหน้าใหญ่ได้สติกลับมาเร็วยิ่งขึ้น จากนั้นก็จ้องจับไปยังมีดสั้นปลายแหลมที่กำลังพุ่งเข้ามาหาบริเวณลำคอที่อ่อนแอที่สุดบนร่างกายของตัวเองอย่างไม่ละสายตา กระทั่งปาดคอของเขาอย่างไร้ความปรานี

ในตอนที่ปลายมีดปาดลงไปบนเนื้อหนังจนเกิดเสียงดัง ‘ฉัวะ’ ตามมาด้วยโลหิตสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมา เขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเยือกไปทั่วทั้งตัว ตนผู้เป็นดั่งราชสีห์แห่งโลก สุดท้ายกลับไม่ได้เห็นแม้แต่ใบหน้าของคนที่สังหารตน ในที่สุดร่างของเขาก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง ไร้ซึ่งพลังชีวิต

คนที่อยู่ข้างกายของหัวหน้าใหญ่ต่างก็นิ่งงัน ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด แค่เพียงไม่กี่อึดใจผู้นำของพวกเขาก็สิ้นลมหายใจทันที

เหยาเฉาและเหล่าทหารที่เหลือไม่เอ่ยเอื้อนอันใดอีก เขารับมีดเล่มหนึ่งมาจากมือของจางเหยียน จากนั้นก็ไล่ตามหลินเหราไป แทงไปที่โจรภูเขาที่ยังยืนอยู่ในที่เกิดเหตุอย่างแม่นยำ รวดเร็ว และฉับไว

ทุกคนคิดว่าเหยาเฉาคือสตรี ท่ามกลางความเคียดแค้นที่มีต่อเขานั้นจึงแฝงไปด้วยความหยาบช้าอยู่ไม่น้อย แต่ในสนามรบกลับมีเหตุการณ์ร้อยแปดพันเก้าเกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตา ไฉนเลยจะกล้าประมาทข้าศึกได้?

โจรภูเขาเหล่านั้นลงมือโจมตีอีกครั้ง หากแต่ทั้งหมดถูกเหยาเฉาขัดขวางไว้ ทั้งยังมีหนึ่งในนั้นถูกเขาฆ่าตายอีกด้วย เวลานี้ทุกคนจึงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล หากแต่ไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด

หลินเหราที่อยู่ด้านข้างลงมืออย่างเฉียบขาดและว่องไว เสี่ยวเว่ยมีความปราดเปรียว จางเหยียนมีความมั่นคงและสุขุม ประกอบกับการบุกโจมตีของเหยาเฉา ไม่นานโจรภูเขาที่เหลือก็ถูกกำจัดทิ้งจนหมด

หลังจากที่เสี่ยวเว่ยลงมือปลิดชีวิตโจรคนสุดท้ายในมือ เขาก็วิ่งไปยังทิศทางของเหยาเฉาอย่างรวดเร็ว “พี่รอง! ท่านบาดเจ็บหรือไม่?!”

ชุดแต่งงานสีแดงบนร่างกายของเขาทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวกนัก ใบหน้าและมือต่างเปื้อนไปด้วยเลือด ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยสีแดง จึงทำให้ให้มองไม่ออกว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง”

การโจมตีของทุกคนเมื่อครู่ต่างมุ่งเป้ามาที่เหยาเฉาที่เดียว ต่อให้เขามีความสามารถมากแค่ไหน ก็ไม่ได้เก่งกาจโดดเด่นเหนือใคร

จางเหยียนและเสี่ยวเว่ยช่วยขวางการโจมตีแทนเขา หลินเหราจัดการโจรสองคน แต่สุดท้ายก็ยังได้รับบาดเจ็บ

เสี่ยวเว่ยยื่นมือข้างหนึ่งออกไปกระชากชุดบนตัวของเขา ส่งผลให้กระโปรงบนตัวของเหยาเฉาขาดแยกออกจากกัน เผยให้เห็นรอยแผลยาวแผลหนึ่งบนเอวแบบบางของเขา

เสี่ยวเว่ยพลันฉุนเฉียว จากนั้นก็โพล่งด่าออกมาทันใด “เหยาเฉา ท่านตาบอดหรือกินยาชาเข้าไปกันแน่?! ไม่เป็นไร? ทำเหมือนกับไม่เป็นไร?! ลึกเข้าไปอีกนิดก็จะตัดถึงสำไส้ของท่านแล้ว!”

เมื่อครู่หลินเหราและจางเหยียนไม่ทันสังเกตเห็นว่าเหยาเฉาได้รับบาดเจ็บ มีแค่เสี่ยวเว่ยเท่านั้นที่สังเกตเห็น นอกจากการรบที่สุดเดือดแล้วก็ยังจำได้ว่าเหยาเฉาในตอนแรกเริ่มนั้นยังบ่นเขาราวกับเป็นเรื่องน่าขบขันอยู่เลย บอกว่าชุดแต่งงานของเจ้าสาวอึดอัดจะตายไป เขาใส่แล้วทำให้เดินเหินไม่สะดวก ถ้าถูกแทงคงจะเสียเปรียบน่าดู

สายตาของเด็กหนุ่มจ้องไปบนร่างกายของเหยาเฉาตลอดเวลา กระทั่งเห็นเขาถูกปลายมีดเล่มหนึ่งฟันไปบนเอวของเขา แต่กลับยังกัดฟันจัดการกับโจรตรงหน้า

กระทั่งถูกเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยโทสะฉีกทำลายชุดกระโปรงนั้น แม้ว่าจะเผยให้เห็นแค่บาดแผล แต่เหยาเฉาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ

เขาพูดอย่างจนปัญญา “เจ้าก็เห็นชัดเจนนี่ว่าบาดแผลมันไม่ลึกมาก แค่ยาวเล็กน้อยเท่านั้น ไฉนเลยจะตัดสำไล้ข้าได้? พูดพาให้เสียขวัญหมด!”

จางเหยียนเห็นบาดแผลที่สร้างความตื่นตกใจให้แก่ทุกคนบนร่างกายของเหยาเฉา ก็พลันตำหนิตัวเองด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง “พี่รอง เรื่องนี้เป็นความผิดข้าเอง! พี่ใหญ่หลินกำชับนักกำชับหนาว่าให้ข้าดูแลพี่ดี ๆ แต่ข้าสนใจแต่ตัวเอง…”

เหยาเฉาตัดบทเขา “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้า?”

หลินเหราขมวดคิ้วพร้อมกับก้าวขึ้นหน้าตรวจสอบบาดแผลของเหยาเฉาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ฉีกกระโปรงที่ขาดรุ่งริ่งแล้วของเขาออกมาเป็นเศษผ้าสองสามชิ้น ก่อนเริ่มพันบาดแผลเอาไว้

ในตอนที่เหยาเฉาถูกมีดด้ามหนึ่งฟันนั้นกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บเท่ากับที่หลินเหรากำลังพันแผลให้เขา ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าพลางเอ่ยว่า “กระโปรงตัวนี้ยังต้องนำกลับไปคืน บริเวณเอวที่ขาดจนเป็นรูยังสามารถเย็บปะได้ แต่ชายกระโปรงที่ฉีกจนขาดรุ่งริ่งนี้ จะให้ข้าทำอย่างไร?”

เสี่ยวเว่ยค้อนใส่หลินเหราพลางตะโกนใส่เขา “เจ้าเบามือหน่อยสิ! ไม่เห็นหรือว่าพี่รองเจ็บจนหน้าซีดหมดแล้ว?”

หลินเหรามีสีหน้านิ่งเฉยราวกับแม่น้ำที่นิ่งสงบ ไม่ส่งเสียงใดออกมา การเคลื่อนไหวบนมือที่แม้ว่าจะหนักไปบ้างแต่กลับคล่องแคล่วอย่างมาก ไม่ทำให้เหยาเฉาเจ็บปวดนานเกินไป

เหยาเฉาเห็นท่าทางของหลินเหรา ก็รู้ว่าต้องเกิดปัญหาขึ้นเป็นแน่

ตอนที่หลินเหราออกจากบ้าน เหยาซูได้กำชับแล้วกำชับอีกว่าให้เขาดูแลพี่รองให้ดี หลินเหราได้ให้สัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บ

เขานึกถึงท่าทางโกรธเกรี้ยวของน้องสาวได้ เวลานี้จึงรู้สึกผิดกับน้องเขยไม่น้อย

แต่ตอนนี้มีคนอยู่มากเกินไป เหยาเฉารู้สึกละอายใจที่ต้องพูดปลอบใจหลินเหราจึงทำได้แค่พูดกับเสี่ยวเว่ยว่า “ไม่เป็นไร ข้าไม่เจ็บ โอ๊ย แค่พันแผลให้แน่น ห้ามเลือดไม่ให้ไหลมากขึ้น…”

หลินเหราลงมือทำอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็พันเสร็จ สุดท้ายมัดปมบนเศษผ้านั้นอย่างแน่นหนา และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “แต่มันคงอยู่ได้ไม่นาน เสี่ยวเว่ยพาพี่รองลงเขาไป ห้ามหยุดพักแม้แต่นิดเดียว! ส่วนจางเหยียนไปกับข้า”

เหยาเฉายังอยากจะพูดบางอย่าง แต่กลับถูกสายตาอันเย็นยะเยือกของหลินเหราห้ามปรามไว้

เสี่ยวเว่ยอยากจะพาเหยาเฉาไปเสียแต่ตอนนี้

ที่เขาตามขึ้นเขามาเดิมทีแค่อยากช่วยเหยาเฉาออกมา ชีวิตของหลินเหราและคนเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแม้แต่นิดเดียว

จางเหยียนตอบรับและตามหลินเหราไป แต่กลับเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าที่เดิมทีเย็นเยือกดุจน้ำแข็งอยู่แล้วก็ยิ่งคล้ายกับหิมะขนาดใหญ่กองหนึ่ง บนผืนดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ นอกจากความหนาวเหน็บแล้วก็ไม่เห็นสิ่งใดอีก

ระหว่างที่ทั้งสองคนเดินอยู่นั้น จางเหยียนก็ได้เอ่ยถามอย่างลังเลว่า “พี่ใหญ่หลิน ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าที่ชะล่าใจเกินไป วันนี้พี่รองจึงได้รับบาดเจ็บ…”

หลินเหราตัดบทเขา “ข้าบอกแล้วว่าหน้าที่ของเจ้าคือปกป้องพี่รองให้ดี เรื่องฆ่าศัตรูไม่เกี่ยวกับเจ้า! วันนี้พี่รองเคลื่อนไหวไม่สะดวก เจ้าเมินเฉยต่อคำสั่งของข้าหรือคิดว่าชีวิตของพี่รองไม่มีค่ากันแน่?”

จางเหยียนเป็นชายฉกรรจ์ผู้ห้าวหาญคนหนึ่ง บัดนี้ถูกหลินเหราโพล่งประโยคนี้ออกมา ดวงตาก็พลันแดงก่ำ

ชายหนุ่มกลับไม่อยากพูดสิ่งใดให้มากความ ทำได้แค่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “กลับไปโดนเฆี่ยนสามสิบครั้ง ข้าจะตีเอง”

จางเหยียนรีบพยักหน้า แต่พบว่าหลินเหราไม่เห็นจึงตอบรับกลับไป “จางเหยียนยินดีจะรับโทษ!”

จวนตรวจการไม่มีการลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีเช่นนี้ ทหารในจวนที่ตามหลินเหราไปฝึกฝนอยู่ในค่ายของจวนตรวจการเป็นเวลาหลายวัน ถ้าเขาลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาก็มักจะใช้วิธีการเฆี่ยนตี ซึ่งทุกคนต่างเคยชินกันหมดแล้ว

เพียงแต่การที่หลินเหราลงมือเฆี่ยนตีด้วยตนเอง กับคนภายนอกเฆี่ยนตี ย่อมไม่ใช่ระดับเดียวกัน

การเฆี่ยนตีสามสิบครั้ง เกรงว่าเขาจะต้องนอนติดเตียงเป็นเวลาหนึ่งถึงสองเดือนเลยทีเดียว

แต่ที่หลินเหราพูดก็ถูกต้อง ในฐานะทหารจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างละเอียดรอบคอบ วันนี้พี่รองได้รับบาดเจ็บ ความรับผิดชอบทั้งหมดตกอยู่ที่เขา

โชคดีที่เหยาเฉาไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องยากในการขอโทษที่ทำให้เขาถูกสังหาร

………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เจ้าเด็กนี่ตัวติดกับพี่เฉาตลอดเลย เป็นห่วงก็บอก

โชคดีที่บาดเจ็บกันไม่มาก แต่กลับไปคงโดนอาซูงอนใส่แน่ ๆ ทั้งพี่ชายทั้งสามี

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท