ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 180 ลงกลอนกรงขังทั้งหมดไว้ดีแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

หลินเหราส่ายหน้า “มันไม่ง่ายเช่นนั้น”

ในขณะที่เจิ้งอันลังเลไม่รู้จะทำอย่างไรดีนั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงที่เคร่งขรึมของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง “เกรงว่าการจุดธูปยาสลบนี้จะไม่ได้จุดเพื่อให้คนเฝ้าสลบ คนที่อยากให้สลบโดยแท้จริงคือคนที่ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินต่างหาก”

ครั้นเจิ้งอันได้ยิน ไม่เพียงแต่จะไม่เข้าใจ ตรงกันข้ามยังมิอาจทำความเข้าใจได้อีกด้วย “ทำให้คนที่อยู่ในคุกใต้ดินสลบ เช่นนั้นจะได้ประโยชน์อะไร?”

“หนูและงูที่อยู่ในคุกใต้ดินไม่เคยเจอเลือดสดมาก่อน ถ้ามีเนื้อสดใหม่ให้พวกมันกิน เกรงว่าไม่ถึงครึ่งวันคงจะกัดกินคนกลุ่มนี้จนตาย การทำให้คนที่ถูกขังสลบนั้นก็เพื่อต้องการให้คนเหล่านั้นไม่รู้สึกถึงการโจมตีใด ๆ”

เสียงของหลินเหราเย็นเฉียบ ในคุกที่เงียบสงัดและเย็นยะเยือกแห่งนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนมีเสียงดังแว่วออกมาจากในส่วนลึกที่มืดสนิทนั้น ครั้นเจิ้งอันได้ยินก็ถึงกับเย็นวาบไปทั่วหลังคอ และขนลุกซู่ในชั่วพริบตา

“นี่ พวกเขา คงไม่…ใครกันที่อยู่เบื้องหลังเรื่องเช่นนี้?” เขาพูดจาติดขัด ด้วยรู้สึกตกใจและเย็นเยียบ “ให้หนูกัดคนในคุกจนตายเนี่ยนะ?!”

หลินเหราสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งเห็นจำนวนของหนูโดยประมาณอย่างชัดเจน จึงยกคบเพลิงขึ้นส่อง เดินเข้าไปในคุกใต้ดิน พลางอธิบายถึงการคาดเดาของตัวเองด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “คุกใต้ดินของหน่วยลาดตระเวนไม่ใช่สถานที่ที่จะเข้าไปได้ง่าย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นพวกหนูจะต้องไปรวมตัวกันในบริเวณที่มีกลิ่นยาฉุนรุนแรงแน่นอน มีแค่คนที่ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินเท่านั้นถึงจะทำเช่นนี้ได้”

เจิ้งอันอยากจะเขกหัวตัวเองที่ไม่เข้าใจว่าเป้าหมายของการทำเช่นนี้คืออะไร “ดึงดูดหนูเข้าไป หรือว่าต้องการให้คนที่อยู่ในคุกใต้ดินตายทั้งหมด?”

หลินเหราส่ายหน้า “แม้ว่าในคุกจะมีเตียง แต่เพราะมีหลายคนต้องเบียดเสียดกันอยู่ในห้องเดียว คนจึงมักจะนอนบนพื้น ถึงเวลาก็สลบไสลไม่ได้สติ กลุ่มแรกที่จะได้รับผลกระทบก็คือคนกลุ่มนั้น ผ่านไปครึ่งวันหรือหนึ่งวัน ขอแค่ให้คนในจวนผู้ตรวจการเข้ามาตรวจสอบ เมื่อพบว่ามีคนตายย่อมทำการเก็บกวาดศพแน่นอน”

และแล้วเจิ้งอันก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัวสมองอย่างช้า ๆ “หรือว่า เป้าหมายของคนที่จุดธูปที่ทำให้มึนงงก็คือการฉวยโอกาสในช่วงชุลมุนหนีออกจากคุก?! แต่นี่มันโหดร้ายเกินไปหน่อย…”

เสียงของหลินเหราเย็นยะเยือกเหมือนกับก้อนน้ำแข็งที่หลอมละลาย “คนที่วางยาต้องกินยาแก้พิษกันไว้ก่อน ไม่มีทางถูกหนูกัดอย่างแน่นอน ยิ่งเหตุการณ์วุ่นวายเท่าใด ก็ยิ่งทำให้แผนการของเขาราบรื่นมากขึ้นเท่านั้น”

เจิ้งอันราวกับจะจินตนาการภาพที่อาจจะเกิดขึ้นได้ออกแล้ว จึงทำให้อดเสียวฟันไม่ได้ “ถ้าเป็นอย่างที่สหายหลินพูดจริง ครึ่งวันที่ไม่มีคนเห็น ภายในคุกก็น่าจะมีคนตายไปแล้วกว่าร้อยศพ….ตอนนั้นทุกคนก็คงจะสลบไสล ไม่ก็ถูกหนูแทะจนจำหน้าไม่ได้ไปแล้ว เกรงว่าแม้แต่การคัดแยกศพก็คงเป็นเรื่องที่ใหญ่มากเรื่องหนึ่งทีเดียว”

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงส่วนที่ลึกที่สุดในคุกใต้ดิน

ส่วนที่ลึกที่สุดในคุกใต้ดินนั้นก็คือกรงขัง หลินเหราใช้คบเพลิงที่อยู่ในมือสาดส่องโดยรอบ ไม่นานสถานที่ที่มืดมิดและเย็นชื้นก็พลันสว่างจ้า

เวลานี้ในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหนูจำนวนมหาศาล มีงูตัวน้อยบางตัวเลื้อยไปมา ดูไปแล้วเหมือนรังหนูรังหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น ทำให้คนที่เห็นอดขนลุกเกรียวไม่ได้

หลินเหรามองไปรอบ ๆ ภายนอกของกรงขังแต่ละห้อง แต่ก็ไม่พบร่องรอยการจุดธูปควันคลุ้งแต่อย่างใด

เขาเอ่ยเตือนเจิ้งอัน “เดินระวังด้วย อีกอย่างอย่าสูดดมกลิ่นธูปเข้าไปมากเกิน เราแยกกันตรวจสอบ ดูว่ากรงขังห้องไหนมีหนูเยอะที่สุด”

เจิ้งอันเข้าใจความหมายของเขาในทันที จากนั้นก็หยิบคบเพลิงบนกำแพงและแยกตามหากับหลินเหรา

ในที่ที่ไม่มีแสงสว่างจากคบเพลิง ยังคงเป็นที่ที่เงียบสงัดและมืดมิด กลิ่นอับชื้นของคุกใต้ดิน กลิ่นเหม็นฉุนจากปัสสาวะของนักโทษ ประกอบกับกลิ่นธูปจาง ๆ ลอยอวลอยู่ที่ปลายจมูกของเจิ้งอัน จนทำให้สมองของเขาแทบจะระเบิด

ในขณะที่เดินไปข้างหน้านั้น ไม่รู้เป็นเพราะความเข้าใจผิดของเขาเองหรือไม่ เจิ้งอันมักจะรู้สึกว่าท่ามกลางความมืดนี้มีดวงตาแฝงแววดูถูกคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็นและเงียบเชียบ

มีแค่แสงไฟสีส้มอันอบอุ่นข้างมือเท่านั้น ที่ยังคงหลงเหลือความรู้สึกปลอดภัยเพียงเล็กน้อยในใจของเจิ้งอัน

ไม่นาน เขาก็พบกรงขังที่มีหนูเยอะที่สุดห้องหนึ่ง เจิ้งอันไม่ได้บุ่มบ่ามเข้าไป แต่จดจำตำแหน่งของกรงขังอยู่เงียบ ๆ จากนั้นก็เดินขึ้นไปสมทบกับหลินเหรา

หลินเหราเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ทันทีว่าเขาพบที่แห่งนั้นแล้ว

ทั้งสองคนไม่มีใครพูดสิ่งใด และไม่ได้ทำอะไรกับหนูที่วิ่งอยู่บนพื้นด้วย เพียงแค่ถือคบเพลิง และถอยกลับมาอย่างเงียบเชียบ

หลังจากที่เดินออกมาได้ระยะหนึ่ง เจิ้งอันจึงพูดขึ้น “ข้าสำรวจรอบหนึ่งแล้ว กรงขังที่ห้าทางสามแยกมีหนูเยอะที่สุด ส่งเสียงร้องจี๊ด ๆ กันยกใหญ่ หรือว่าคนที่วางยาจะถูกขังอยู่ในกรงขังที่ห้าทางสามแยกนั้น?”

หลินเหรามองไปทางเขาแวบหนึ่ง ไม่นานเสียงที่จับอารมณ์ไม่ได้ก็ดังขึ้น “เจ้าจะเอายาวางไว้ในกรงตัวเอง รอให้ตัวเองถูกหนูและงูล้อมไว้งั้นหรือ?”

เจิ้งอันตัวสั่นไปทั้งตัว พลางส่ายหน้า

หลินเหราพูดเสียงเคร่งขรึมว่า “แค่เห็นตำแหน่งที่ชัดเจนก็พอ เพราะคงจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้ เราถอยออกไปก่อนเถอะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจที่บีบรัดของเจิ้งอันก็พลันผ่อนคลายลง พูดตามตรงคือเขารู้สึกกลัวจริง ๆ ว่าหลินเหราจะทำตามอำเภอใจโดยไม่ฟังใคร ดึงดันจะเข้าไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ทั้งสองคนจะจัดการไม่ได้เลย ตรงกันข้ามจะเป็นการพาตัวเองเข้าไปเหนื่อยเสียเปล่า ๆ

เมื่อหลินเหราเอ่ยว่าจะถอย เจิ้งอันก็ย่อมให้การสนับสนุน

แต่คนที่ถูกขังอยู่ในกรงนั้น…

เหมือนจะสังเกตเห็นถึงความลังเลของเขา หลินเหราจึงขมวดคิ้ว “พวกมันไม่กัดจนตายเร็ว ๆ นี้หรอก ควรใช้เวลานี้ไปเรียกกำลังเสริมมาดับธูปที่ทำให้มึนงงดีกว่า เรื่องมันจะได้ไม่เกิดขึ้น”

เจิ้งอันพยักหน้าหงึกหงักเหมือนกับไก่ที่กำลังจิกข้าวเปลือก “แน่นอน แน่นอน!”

ไม่นานทั้งสองคนก็ถอยออกมาจากในคุกใต้ดิน ในที่สุดจิตใจที่เป็นกังวลของเจิ้งอันก็ผ่อนคลายลง

เซวียชางรีบรุดขึ้นหน้าเข้าไปถาม “พี่ใหญ่เจิ้ง พี่ใหญ่หลิน พวกพี่ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

เจิ้งอันสูดดมกลิ่นธูปเข้าไปไม่น้อย แม้ว่าจะยืนอยู่ท่ามกลางกระแสลม ก็ยังรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย เขาส่ายหน้า โดยไม่พูดสิ่งใด

ครั้นหลินเหราเห็นเฉินจิ่นตื่นแล้ว จึงเอ่ยถาม “ตอนเข้าไปตรวจในคุกใต้ดิน พบความผิดปกติอะไรบ้างหรือไม่?”

เฉินจิ่นรู้ว่าตัวเองโดนธูปที่ทำให้มึนงง แต่กลับไม่รู้เรื่องยาที่เรียกงูหรือแมลงพวกนั้นสักนิด ทั้งยังคิดว่าคนในคุกใต้ดินคงจะตั้งใจทำให้พวกเขาสลบแล้วหนีไป เขาแค่พยายามนึกย้อนกลับไป “แรกเริ่มก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ต่อมาสมองก็ค่อย ๆ หนักหน่วงมากขึ้น ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงคิดที่จะออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน ระหว่างที่เดิน จู่ ๆ ก็หมดสติไป… แต่สิ่งที่มั่นใจได้คือ ได้ลงกลอนห้องขังทั้งหมดไว้อย่างดี ไม่มีตัวไหนพังแน่นอน”

ครั้นเห็นภาพที่ทำให้รู้สึกขนลุกซู่ในคุกใต้ดินนั้น ความสนใจของเจิ้งอันก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวกลอนเหล็กของคุกใต้ดินอีกต่อไป

เขาสูดเอาอากาศสดชื่นเข้าปอดไปไม่น้อย กระทั่งรู้สึกว่าสมองไม่ได้วิงเวียนถึงเพียงนั้นแล้ว จึงมองไปทางหลินเหรา “สหายหลิน ข้าจะไปเรียกสหายบางส่วน เข้าไปจับงู แมลงและหนูเหล่านั้นมาจัดการให้สิ้นซาก”

ครั้นเซวียชางและเฉินจิ่นได้ยินดังนั้นก็พากันสับสนงุนงงเข้าไปใหญ่ หนู งูอะไรกัน?

หลินเหราพยักหน้าและกำชับว่า “เตรียมผ้าเปียกไว้ด้วย ถึงตอนนั้นให้เอาอุดจมูกไว้ สูดดมกลิ่นธูปให้น้อยที่สุด แล้วก็เอายากระตุ้นอย่างสงหวง[1] ที่ใช้ขับพยาธิให้งูมาด้วย”

เจิ้งอันตอบรับจากนั้นก็รีบจากไป ถือโอกาสนี้พาเฉินจิ่นที่ยังฟื้นสติกลับมาได้ไม่เต็มที่นักไปด้วย

เหลือเพียงหลินเหราอยู่ตรงข้ามกับเซวียชางที่มีสีหน้าไม่เข้าใจ เขาจึงอธิบายเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบหนึ่งรอบและกำชับว่า “เจ้าเฝ้ารักษาการณ์ที่นี่ไปก่อน ลงกลอนประตูคุกใต้ดินนั้นไว้ รอให้เจิ้งอันพากำลังเสริมมาถึงก่อน”

แค่เซวียชางฟังเรื่องราวเพียงสองสามประโยคของหลินเหรา ก็พาให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัวแล้ว จากนั้นก็รีบลงกลอนประตูใหญ่ของคุกใต้ดินไว้ เพราะกลัวว่าคนร้ายที่วางยาและจุดธูปที่ทำให้มึนงงนี้จะหนีออกจากคุกใต้ดิน ถึงตอนนั้นเขาคงสู้ไม่ไหวจริง ๆ เป็นแน่

เมื่อรู้ว่าหลินเหรายังต้องจัดการเรื่องอื่น เซวียชางจึงพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง “พี่ใหญ่หลินวางใจเถิด ข้าเฝ้าอยู่ตรงนี้คนเดียวได้ พี่ไปก่อนเถอะ”

หลินเหราไม่ได้พูดสิ่งใดมากมาย แค่พยักหน้า “เจ้าต้องระวังตัวด้วย”

พูดจบเขาก็เดินไปยังทิศทางที่จากมา

เรื่องในวันนี้ไม่เล็กเลย นอกจากจะต้องจัดการหนู งู และแมลงในคุกใต้ดินแล้ว ยังต้องปรึกษาหารือถึงแผนการรับมืออื่น ๆ กับท่านผู้ตรวจการอีกด้วย

ปกติแล้วหลินเหราเกลียดความวุ่นวายที่สุด วันนี้ดันต้องอดทนกับการแก้ไขปัญหาความวุ่นวายเหล่านี้

จากนิสัยของเขา โจรภูเขาที่ชั่วช้าสามานย์กลุ่มนี้สมควรจะถูกฆ่าตายไปทีละคนนานแล้ว จะได้ประหยัดแรงพวกเขาไม่ต้องเผาศพ

หากแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำสงคราม โจรกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่คนต่างแดนที่บุกรุกดินแดนใหญ่แห่งเมืองต้าเยี่ยนแต่อย่างใด สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อคนกลุ่มนี้ จึงไม่ได้เลือดเย็นเฉกเช่นที่ปฏิบัติต่อคนต่างแดนที่ชั่วช้าในสนามรบของซีเป่ย

เช้าตรู่วันนี้เขาต้องไปหาเหยาเฉา เพื่อปรึกษาหารือว่าจะทำอย่างไรกับคนกลุ่มนี้ดี…

การคิดแผนการรับมือสักอย่างไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจึงอยากจะปรึกษาหารือกับหัวหน้าผู้ตรวจการด้วย แต่ระหว่างทางกลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเสียก่อน ยิ่งเพิ่มความยุ่งยากมากขึ้นไม่น้อย

ช่างน่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก

…………………………………………………………………………………………………

[1] สงหวง เป็นแร่ชนิดหนึ่งประกอบด้วยกำมะถันและสารหนู สูตรทางเคมีคือ As2s2 คนไทยรู้จักในชื่อว่า “หรดาลแดง” สงหวงมีพิษ และฤทธิ์ขับเสมหะ ถอนพิษงู

สารจากผู้แปล

ใครเป็นคนสร้างสถานการณ์กันนะ และมีจุดประสงค์อะไร

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท