ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 309 เปิดเผยในสิ่งที่ตู้เหิงทำ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 309 เปิดเผยในสิ่งที่ตู้เหิงทำ

บทที่ 309 เปิดเผยในสิ่งที่ตู้เหิงทำ

เหมิงฉิงได้รับพระราชโองการให้สืบคดีของคุณหนูใหญ่แห่งจวนตู้

เพียงแต่ติดที่พระสนมกุ้ยเฟย คดีนี้จึงต้องดำเนินการอย่างเงียบ ๆ

เหมิงฉิงคำนึงถึงมิตรภาพที่เติบโตมาพร้อมกับลู่หัว รู้ว่าตอนนี้เขากำลังตามจีบตู้เหิง จึงหาทางเรียกลู่หัวออกมาเพื่อเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนกับเขาล่วงหน้า

ครั้นลู่หัวได้ยินก็ส่ายหน้าทันที “เป็นไปไม่ได้! ท่านอ๋องน้อย แม่นางตู้ไม่ใช่คนเช่นนี้”

ท่านอ๋องน้อยทอดถอนใจเสียงเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “รู้หน้าไม่รู้ใจ อาหัว เจ้ากับแม่นางตู้มีความเข้าใจกันแค่ไหนเชียว?”

หัวคิ้วของลู่หัวค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน จากนั้นก็พูดกับเหมิงฉิงว่า “ท่านอ๋องน้อย เมื่อครั้นยังเยาว์วัย ท่านเองก็เคยเห็นนิสัยใจคอของแม่นางตู้มาแล้ว แม้ว่านางจะดูหยิ่งทระนงไปบ้าง แต่จิตใจช่างไร้เดียงสายิ่งนัก เหตุใดจะต้องไปทำร้ายผู้อื่นถึงขั้นเอาชีวิตด้วย…เรื่องนี้ต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่นอน มันคือการเข้าใจผิด”

เหมิงฉิงมองลู่หัวด้วยท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วพูดว่า “เซี่ยเชียนได้ถวายคำสารภาพแด่ฝ่าบาทในท้องพระโรงตั้งแต่เช้า คำสารภาพนั้นถูกเขียนด้วยหมึกดำบนกระดาษสีขาว และยังมีการประทับรอยนิ้วมือคนสนิทของตู้เหิงด้วย เจ้าคิดว่าเซี่ยเชียนสร้างหลักฐานปลอมเรื่องนี้ขึ้นมา หรือคิดว่าลูกน้องของตู้เหิงทรยศผู้เป็นนาย ตั้งใจทำร้ายนางกันเล่า?”

ลู่หัวอ้าปาก แต่กลับไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมา

เหมิงฉิงพูดอีกครั้ง “อาหัว ผู้ทำการใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรจะไม่ข้องแวะกับความรักของหนุ่มสาว นี่คือข้อห้าม”

ลู่หัวคิดตามคำพูดของเหมิงฉิง หลังจากนั้นไม่นาน มือที่กำหมัดมาตลอดก็คลายออก

น้ำเสียงของเขาดูเป็นกังวลไม่น้อย จากนั้นก็พูดเสียงต่ำว่า “ท่านอ๋องน้อย ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”

เหมิงฉิงยิ้ม แล้วยกมือตบไหล่ของลู่หัวด้วยความชื่นชม พร้อมกล่าว “ถ้าชอบจริง ๆ ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ยังมีกุ้ยเฟย ฝ่าบาทไม่มีทางให้ชื่อเสียงของตระกูลตู้มีมลทินเช่นนี้หรอก…ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คือการจัดการตู้เหิงอย่างลับ ๆ ถึงตอนนั้นเจ้าก็รับนางกลับบ้านไปเงียบ ๆ สร้างเรื่องโป้ปดว่านางสิ้นใจแล้วก็จบ”

ลู่หัวพยักหน้า ความเสียใจในแววตาได้ฉายชัดออกมาแวบหนึ่ง ไม่นานก็ถูกความเด็ดเดี่ยวเข้ามาแทนที่

เขากล่าวถามเสียงต่ำ “ท่านอ๋องน้อย หรือข้าน้อยจะสั่งคนไปเรียกตัวแม่นางตู้มาดีหรือไม่?”

เหมิงฉิงกล่าว “ถ้าอยากไต่สวน ก็จงไปหอเล็กที่เรามักไปบ่อย ๆ แล้วกัน เจ้านัดนางออกมาในโอกาสอยากพบปะก็ได้ ถ้านางไม่ยอมก็ไปหาเจ้าอาลักษณ์ตู้”

ลู่หัวตอบรับ แล้วหมุนตัวไปจัดการทันที

ในจวนตู้อีกด้านหนึ่งได้เกิดความโกลาหลดั่งพายุเข้าตั้งแต่เช้า

หลังจากเจ้าอาลักษณ์ตู้กลับจากว่าราชกิจ เขาก็รีบตรงกลับจวนทันที สีหน้าของเขาเคร่งเครียดเสียจนเด็กรับใช้ที่ติดไปด้วยตลอดทางไม่มีใครกล้าปริปากส่งเสียงสักคน

ถือโอกาสตอนที่ตู้จงขึ้นรถม้าแล้ว คนรับใช้จึงรีบเข้ามาถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ? เหตุใดสีหน้าของใต้เท้าถึงดูไม่สบอารมณ์เพียงนั้น?”

เด็กรับใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายตู้จงส่ายหน้า แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “อย่าเพิ่งถาม เมื่อใดที่เจ้าเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของใต้เท้า คาดว่าคงเป็นเรื่องในราชสำนัก ซึ่งไม่เกี่ยวกับพวกเรา สองสามวันนี้ชั้นผู้น้อยต้องละเอียดหน่อยแล้วกัน! อย่าได้สร้างความเดือดร้อนเด็ดขาด”

รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนไปข้างหน้า จวนตู้อยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง ห่างจากราชวังเพียงหนึ่งถ้วยชาอุ่น ไม่นานก็มาถึง

ตู้จงลงจากรถม้า แต่สีหน้ากลับไม่มีความอ่อนโยนและสนใจสิ่งรอบด้านแต่อย่างใด ก่อนออกคำสั่ง “ไปเชิญคุณหนูใหญ่ให้ไปพบข้าที่ห้องหนังสือ”

ครั้นเห็นว่าเขากำลังข่มโทสะ เด็กรับใช้ที่รับคำสั่งก็วิ่งหายวับไปจากจวนด้านหลังทันที ด้วยกลัวว่าความโชคร้ายจะมาเยือนตน

ตู้จงสาวเท้าก้าวใหญ่ เปลี่ยนเสื้อคลุมแล้วตรงไปยังห้องหนังสือ

ยังไม่ทันได้นั่งดี ก็ได้ยินเสียงหญิงสาวดังมาจากด้านนอก “พี่ใหญ่กลับมาแล้วหรือ? เวลาราชกิจในเช้าวันนี้ก็ไม่ใช่น้อย อยากกินขนมเสียหน่อยไหมเจ้าคะ หิวแล้วหรือยัง? อยากดื่มชาร้อน ๆ หรือไม่เจ้าคะ? จวนเราเพิ่งได้ชาเขียวปี้หลัวชุนมาสด ๆ ร้อน ๆ พี่ใหญ่ยังไม่ได้ลิ้มลองเลยว่าจะเป็นอย่างไร…”

ผู้มาเยือนก็คือแม่กู่ในจวนรองนั้นเอง

สองสามวันนี้ฮูหยินใหญ่ป่วยหนักจึงไม่ได้ดูแลงานบ้าน ทุกอย่างในจวนจึงต้องยกให้แม่กู่เป็นผู้จัดการ

แม่กู่มาจากตระกูลเล็ก ๆ ไม่ง่ายเลยที่จะได้ดูแลเรื่องอาหารในจวนเจ้าอาลักษณ์ทั้งหลัง หางที่เต็มไปด้วยความลำพองกระดกขึ้น กลัวว่าผู้อื่นจะไม่รู้ถึงประโยชน์ในการดูแลของนาง

หัวคิ้วของตู้จงเลิกสูงขึ้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “น้องสะใภ้ ข้าบอกแล้วว่าทั้งเรือนและห้องหนังสือของข้า ผู้อื่นห้ามเข้าตามอำเภอใจ”

ตู้จงเป็นเจ้าของบ้าน เป็นผู้ควบคุมจวนเจ้าอาลักษณ์โดยแท้จริง แม่กู่ไม่อยากยั่วโมโหเขา ได้แต่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไอหยา ข้าก็แค่หวังดี กลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่เสร็จภารกิจแล้วจะหิวและกระหาย! ไม่อยากรบกวนพี่ใหญ่ ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าจะจำไว้ เช่นนั้นก็ขอตัว”

นางพูดคำสวยหรูสองสามประโยค ครั้นเห็นสีหน้าของตู้จงดูไม่สู้ดี จึงกล่าวลาอย่างเข้าใจ เพียงแต่หลังจากก้าวเท้าออกจากห้องหนังสือได้ไม่นาน กลับเห็นตู้เหิงที่มีสีหน้าซีดเผือดเดินเข้ามา

แม่กู่กล่าวทักทาย “อาเหิง! มาหาพ่อเจ้าหรือ?”

แล้วนางก็กระซิบด้วยเสียงเบา “พ่อเจ้าอารมณ์ไม่ดี ระวังคำพูดด้วย”

ตู้เหิงไม่มีอารมณ์จะสนใจแม่นางผู้นี้ แค่พยักหน้าขอไปทีอย่างกระวนกระวายใจ จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องหนังสือ

แม่กู่สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นของสองพ่อลูกตู้ จึงเกิดความกังวลใจขึ้นในใจ นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ข่มความโกรธที่ไร้สาเหตุไว้

นางด่าทอเงียบ ๆ ในใจ ขณะที่จะเดินจากไป แต่กลับได้ยินตู้จงตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมาจากในห้องหนังสือเสียงหนึ่ง “คุกเข่า!”

แม่กู่อกสั่นขวัญแขวนทันใด

เกิดอะไรขึ้น?

นางมองไปรอบๆ แวบหนึ่ง กระทั่งเห็นเด็กรับใช้นอกห้องหนังสือต่างพากันก้มหน้าก้มตา ในใจพลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะโอ้เอ้ที่นี่ต่อได้ครู่หนึ่งเพื่อสอบถามข้อมูล

ประตูห้องหนังสือยังคงแย้มเปิด แม่กู่ชำเลืองมองเล็กน้อย พลันเห็นตู้เหิงในชุดคลุมยาวสีขาวกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผู้เป็นพ่อ

ตู้จงพลิกฝ่ามือแล้วตบใบหน้าตู้เหิงฉาดหนึ่ง ทำให้นางล้มไปกองกับพื้น

เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กระทั่งล้มโต๊ะแล้วด่ากราดเสียงดัง “นังลูกเนรคุณ! ปกติข้าก็ไม่ได้สั่งสอนเจ้ามากมายนัก เพียงให้วางตัวอย่างระมัดระวัง ระมัดระวัง และระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม! ตอนนี้ทั่วทั้งราชสำนัก ใครบ้างเล่าจะไม่จับจ้องตำแหน่งที่ข้านั่ง? เจ้าคิดว่าเจ้าอาลักษณ์กรมคลังมันเป็นง่ายนักหรือ?”

ตู้เหิงเย็นสะท้านไปทั่วทั้งหัวใจ

นางเดาออกนานแล้ว เรื่องการหายตัวไปของโจวหลายจะต้องถูกเปิดเผยไม่ช้าก็เร็ว

น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวของตู้จงยังคงดังก้องอยู่ในหู “เจ้าจะทำสิ่งใด เหตุใดถึงไม่นึกถึงความถูกต้องบ้าง?! ทั้งยังปล่อยให้ผู้อื่นชักจูงเข้าไปพัวพันกับราชสำนัก แล้วสะบัดตัวเองออกมาหน้าพระพักตร์! หน้าตาของตระกูลตู้ถูกเจ้าทำลายป่นปี้หมดแล้ว!”

ตู้เหิงกุมหน้าแล้วคุกเข่าอยู่บนพื้น หมดคำพูดไปทันที หลังจากนั้น นางได้แต่น้ำตาตกอยู่เงียบ ๆ แล้วยื่นหน้าตะโกนเสียงดัง “ท่านพ่อ ….ท่านพ่อช่วยข้าด้วย”

ตู้จงโกรธจนหน้าแดงเถือก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง หายใจถี่ขึ้นลง

“ให้ช่วยเจ้า? ไฉนข้าจะมีความสามารถเพียงนั้น จะช่วยเจ้าได้หรือ? อย่าว่าแต่เจ้าจะรอดเลย แม้แต่ตำแหน่งพ่อของเจ้าก็ยังไม่รู้ว่าจะรักษาไว้ได้หรือไม่? จวนแห่งนี้ ไม่ต้องรักษาแล้วเช่นนั้นสิ!”

แม่กู่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นความบาดหมางระหว่างสองพ่อลูก แต่เมื่อได้ยินตรงนี้ จึงอดกระวนกระวายใจไม่ได้

ตู้เหิงทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมอะไร? จะให้ฝ่าบาททรงทราบได้อย่างไร?

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตำแหน่งของพี่ใหญ่คงจะรักษาไว้ไม่ได้? เหนียงเหนียงในวังไม่มีสิ่งใดจะเอ่ยแล้วใช่หรือไม่?

ไม่ได้!

นางรีบคิดหาทางทันที

ฮูหยินใหญ่เล่า? ใช่ จะต้องรีบไปหาฮูหยินใหญ่!

……………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เป็นไงล่ะ หลงผู้จนทำตระกูล shift หาย ทีนี้จะบากหน้าไปไว้ที่ไหนฮะนังตู้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท