ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 330 ไปร้านอาหารเปิดใหม่ด้วยกัน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 330 ไปร้านอาหารเปิดใหม่ด้วยกัน

บทที่ 330 ไปร้านอาหารเปิดใหม่ด้วยกัน

เหยาเฟิงพาครอบครัวมาครั้งนี้ เดิมทีชายหนุ่มวางแผนว่าจะอยู่เมืองหลวงเป็นเวลานาน จึงนำของสำคัญที่บ้านและสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดมาด้วยทุกอย่าง

ในทางกลับกันในเมืองหลวงสามารถหาซื้อพวกเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันได้ จึงไม่ได้ขนมามากนัก

ด้วยเหตุนี้คนทั้งหมดจึงยุ่งอยู่เป็นเวลามากกว่าชั่วยาม จนในที่สุดก็ได้จัดวางข้าวของของสองครอบครัวเสร็จเรียบร้อย

ที่พักอาศัยมีขนาดใหญ่พอให้แต่ละครอบครัวมีเรือนเป็นของตัวเอง

ส่วนเรือนหลักได้จัดไว้ให้สองผู้เฒ่าแห่งตระกูลเหยา

หลังจากนั้นครอบครัวเหยาเฟิง ครอบครัวเหยาเฉาและครอบครัวเหยาซูก็ได้เรือนที่อยู่ติดกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อครั้งที่อยู่หมู่บ้านตระกูลเหยาที่ต้องเห็นหน้าค่าตากันเป็นประจำ ตอนนี้ก็จะได้ความสะดวกสบาย และเป็นส่วนตัวมากขึ้น

หลังจากที่จัดแจงสัมภาระเสร็จแล้ว เหยาเฉาก็ได้เรียกคนรับใช้ที่ดูแลเรื่องต่าง ๆ ในบ้านมาให้ทุกคนทำความรู้จัก

พอจัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้นและเวลาก็ยังไม่ถึงเที่ยงวัน ทุกคนจึงมาหารือกันว่าจะรับประทานมื้อกลางวันที่ไหนกันดี

เหยาเอ้อหลางส่งเสียงเอะอะโวยวายด้วยความหิวโหยมาตั้งแต่ต้น พวกเด็ก ๆ ก็ได้เดินตามเขาเพื่อไปขออาหารอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าหล่อเหลาของเหยาเฉาตอนนี้กลายเป็นสีหน้าอับจนปัญญา ชายหนุ่มใช้พัดเคาะหัวลูกชาย “ยิ่งเจ้าขี้เกียจทำงาน เจ้าก็จะยิ่งหิว”

เอ้อหลางถูกบิดาเคาะศีรษะ จึงไม่ได้มองบิดามารดาของเขา แต่กลับยู่ปากและมองไปยังหลินเหราแทน

เหยาเฉาจ้องเขม็งและกล่าวว่า “เจ้ามองอาเขยทำไม คิดว่ามองเขาแล้ว ข้าจะไม่จัดการเจ้างั้นหรือ?”

พี่สะใภ้ใหญ่เห็นสองพ่อลูกเปิดฉากทะเลาะกันหลังเพิ่งพบหน้ากันหมาด ๆ จึงได้แต่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เมื่อเช้าวุ่นวายกันมาก เอ้อหลางเจ้าหาอะไรกินรองท้องไปก่อน พวกเราทำอาหารกันเองที่บ้านจะดีหรือไม่”

เหยาซูมองดูท้องฟ้าแล้วเสนอขึ้นมาว่า “ตามหลักการแล้วอาหารมื้อแรกต้องจัดเตรียมที่บ้าน เพียงแต่ท่านพ่อและท่านแม่ยังไม่เดินทางมา พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรเพียงนั้น ถ้าหากไปกินอาหารมื้อนี้ที่ภัตตาคารเปิดใหม่ของพวกเราเล่า พวกท่านพี่และพี่สะใภ้มีความเห็นกันอย่างไร?”

เหยาเฟิงและเหยาเฉาไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร แต่สะใภ้ทั้งสองของตระกูลเหยาล้วนพยักหน้า

พี่สะใภ้รองเอ่ยขึ้นว่า “เพิ่งจะคุยกันว่าอยากไปภัตตาคารของเจ้าพอดี นับว่าเป็นโอกาสที่ดี อย่างไรก็ต้องไปอย่างแน่นอน”

ครั้นเด็ก ๆ ได้ยินว่าพวกเขาจะไปกินข้าวที่ภัตตาคารกัน ทุกคนพลันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

เมื่อหลินเหราเห็นว่าไม่มีใครเสนอความคิดเห็นอะไรอีก ก็บอกกล่าวกับทุกคนสองสามประโยคก่อนที่จะออกไปเตรียมรถม้า

เหยาเอ้อหลางก็ได้เดินตามออกไปติด ๆ เด็กคนอื่นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตามออกไปด้วย

พี่สะใภ้ใหญ่หัวเราะแล้วกล่าวกับเหยาซูว่า “เจ้าดูเอ้อหลางสิ ตัวติดกับอาของเขาตลอด กับพ่อของเขายังไม่ติดขนาดนั้นเลย”

สะใภ้รองหัวเราะออกมาเช่นกัน นางแตะแขนของเหยาเฉาแล้วมองอีกฝ่ายที่ขมวดคิ้วอยู่

เหยาเฉายักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าหมาป่าตาขาวตัวนี้ ต้องไปร้องขอให้อาเหราพาเขาไปขี่ม้าเป็นแน่”

เหยาซูที่อยู่อีกด้านยิ้มออกมา ดวงตาดอกท้อทั้งสองข้างหยีลงราวกับเสี้ยวพระจันทร์

จากนั้นเหยาเฟิงจึงกล่าวกับเหยาเฉา “เจ้ารอง บ้านของพวกเรามีขนาดไม่น้อย เกรงว่าต้องใช้คนรับใช้เพิ่มอีกสองสามคน”

เหยาเฉากล่าวตอบ “กลับมาแล้วข้าจะเรียกพ่อค้าคนกลางให้พาคนมาที่บ้าน พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ได้เลือกด้วยตัวเองคงจะดีกว่า”

เหยาเฟิงพยักหน้าแล้วกล่าวเสริมขึ้น “และก็ควรจะมีเด็กรับใช้อีกสองคน เรื่องรถม้าในการเดินทางของวันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องให้อาเหราจัดการ”

เหยาซูรู้ว่าที่พี่ใหญ่พูดแบบนี้เพราะเขาไม่อยากให้นางรู้สึกไม่สบายใจ หญิงสาวยิ้มแล้วพูดว่า “ยามอยู่ในชนบท พี่ใหญ่ พี่รอง มีใครไม่เคยขึ้นรถบ้าง ทุกคนล้วนก็เหมือนกันหมด อาเหราไม่ใส่ใจเรื่องนี้หรอกเจ้าค่ะ”

เหยาเฟิงและหลินเหราไม่ได้อยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานาน เป็นเรื่องปกติที่ชายหนุ่มจะกังวลกับเรื่องนี้ แต่เหยาเฉาและน้องเขยของเขาอยู่ที่ด้วยกันในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจนิสัยของหลินเหราเป็นอย่างดี

เหยาเฉาจึงหัวเราะกับเหยาเฟิง “พี่ใหญ่ ที่อาซูพูดมาก็ถูกต้อง อาเหราไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้หรอก แต่เรื่องรถม้าที่ท่านพูด พวกเราหาเพิ่มอีกคนสองคนก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดี”

พวกเขาเดินสนทนาเคียงกันไปเรื่อย ๆ

ทั้งหมดแบ่งรถม้าออกเป็นสองคัน จะสามารถนั่งได้พอดี จากนั้นก็มุ่งหน้าไปทางร้านอาหาร

เนื่องจากเวลาที่ออกเดินทางค่อนข้างเร็ว จึงถึงร้านอาหารก่อนเวลาเที่ยงวัน ดังนั้นจึงมีลูกค้าประปราย

เหยาซูลงมาจากรถก่อน ทันใดนั้นสายตาที่แหลมคมของเถ้าแก่ก็เห็นหญิงสาวทันที

เถ้าแก่หลิวออกมาต้อนรับด้วยความยิ้มแย้ม “วันนี้นายหญิงพาคนที่บ้านมาด้วยหรือขอรับ อย่าว่าแต่ลักษณะของนายหญิงที่ดูเป็นคนที่มีความสามารถ แม้แต่คนในบ้านทุกคนก็ล้วนดูดีและโดดเด่นเหมือนกันทั้งสิ้น ”

เสียงของเขาค่อย ๆ ลดลงในขณะที่ชายร่างสูง ท่าทางเข้มงวดเดินมาหยุดเคียงข้างเหยาซูอย่างช้า ๆ

เหยาซูลอบสังเกตท่าทางอึกอักของเถ้าแก่เล็กน้อย และรู้ว่าใบหน้าที่เย็นชาของหลินเหราจะทำให้เถ้าแก่หลิวหวาดกลัว ดังนั้นนางจึงยิ้มและจับมือหลินเหรา

หญิงสาวกล่าวกับเถ้าแก่หลิว “วันนี้ข้าพาครอบครัวมาด้วย ทางด้านหลังคือพวกพี่ชายและพี่สะใภ้ของข้า ส่วนนี่คือสามีของข้าเอง”

หลินเหราพยักหน้าเล็กน้อยให้กับเถ้าแก่เป็นการทักทาย

เมื่อเถ้าแก่เห็นสีหน้าของหลินเหราไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด จึงเดาว่าชายหนุ่มไม่ได้มีความเห็นเกี่ยวกับตน และถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

เถ้าแก่ทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม และพาพวกเขาไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสองด้วยตนเอง จากนั้นเขาก็ก้าวออกมาอีกด้านและเอ่ยกับเหยาซูว่า “นายหญิงก็คุ้นเคยกับอาหารของร้านดี ข้าน้อยก็คงไม่ต้องแนะนำอะไรแล้ว เพียงแค่ท่านสั่งอาหารข้าก็จะให้อาเฉียนนำขึ้นมาทันทีขอรับ”

เหยาซูพยักหน้า “ท่านไปทำธุระของท่านเถอะ”

หลังจากที่เจ้าของร้านลงบันไดไป เด็กสี่คนก็เริ่มนั่งตัวไม่ติด เอาแต่ถามหญิงสาวไม่หยุดไม่หย่อน

“ท่านแม่ เถ้าแก่พูดว่าท่านรู้ว่าร้านอาหารนี้มีอะไรอร่อยบ้างหรือขอรับ”

เหยาเอ้อหลางพยักหน้า “ใช่ ใช่ ท่านอา รีบบอกมาเถอะขอรับ ข้ากับพี่ถังยังไม่เคยกินอาหารในร้านอาหารเลย…”

เหยาต้าหลางปรายมองตาน้องชาย และพูดอย่างไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย “เหลวไหล ระหว่างทางไม่ได้กินที่ร้านอาหาร แต่เจ้ากินบนรถม้าไม่ใช่หรือ”

เหยาต้าหลางถลึงตา “ไอ้หยา บนถนนจะให้เรียกว่าภัตตาคารได้อย่างไรเล่า ชื่อก็บอกอยู่ว่าภัตตาคาร ต้องมีอาหาร มีอาคารสูง ๆ สถานที่ก่อนหน้านี้ มันมีชั้นสองที่ไหนกันเล่า!”

คำพูดของเด็กชายทำให้ผู้ใหญ่หัวเราะท้องขดท้องแข็ง พี่สะใภ้รองกล่าวกับเหยาเฉา “ลูกชายของเจ้านี่มันอัจฉริยะจริง ๆ”

ใบหน้าของเหยาเฉาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มหยุดหัวเราะไม่ได้แล้วหันไปพูดกับเหยาเฟิง “ล้วนเป็นพี่ใหญ่สอนทั้งสิ้น”

เมื่อเหยาเอ้อหลางเห็นทุกคนหัวเราะ เขาก็ไม่รู้ว่าคำพูดที่ตนเอ่ยออกไปมันผิดตรงไหน จึงส่งเสียงไม่พอใจในลำคอเล็กน้อยก่อนเดินไปนั่งลงตรงหน้าหลินเหรา

เวลาหลินเหราอยู่ต่อหน้าคนในครอบครัว ลักษณะท่าทางที่เย็นชาของเขาก็ผ่อนคลายลงไปอย่างมาก เมื่อชายหนุ่มเห็นเหยาเอ้อหลางทำท่าทางโมโห จึงลูบหัวเด็กชาย “เอาละ เจ้าหิวแล้วไม่ใช่หรือ ให้ท่านอาเจ้าสั่งอาหารเถอะ”

เหยาเอ้อหลางตะลึงเล็กน้อยกับความใกล้ชิดอย่างกะทันหันของอาเขยของเขา หลังจากหายใจเข้าสองครั้ง เขาก็ตระหนักว่าหลินเหรากำลังปลอบเขาจริง ๆ

ความไม่พอใจของเด็กชายหายไปในทันใด และความปีติยินดีที่เกิดขึ้นแทนที่นั้นก็ท่วมท้นหัวใจของเด็กน้อย แม้แต่หน้าอกของเขาก็ยืดออกโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างหลินเหราและหลานชาย พี่สะใภ้ใหญ่ก็เอ่ยกลับพี่สะใภ้รองว่า “อาเวย เจ้ารู้สึกไหมว่าอาเหราดูอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย ทั้งยังปลอบเอ้อหลางอีก”

พี่สะใภ้รองก็รู้สึกว่ามันแปลกพิกล “ใช่”

ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยซุบซิบกัน พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตรงมาจากบันได ไม่นานนักก็มีคนมาเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา เป็นอาเฉียนที่เถ้าแก่หลิวเพิ่งพูดถึง

เหยาซูที่เห็นชายหนุ่มขึ้นมา ก็กล่าวกับทุกคนว่า “เอาละ พวกเราสั่งอาหารกันเถอะ ข้าจะแนะนำว่าร้านของพวกเรามีอะไรโดดเด่น”

ก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยจบ นางถูกอาเฉียนขัดจังหวะก่อน

ชายหนุ่มยิ้มกับเหยาซูแล้วกล่าวว่า “นายหญิง ช้าก่อนขอรับ”

 

เหยาซูตะลึงไปชั่วครู่ หญิงสาวไม่รู้ว่าอาเฉียนหมายความว่าอย่างไร

………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

รู้สึกได้ถึงความครึกครื้น ชีวิตอาซูในเมืองหลวงคงไม่เงียบสงบเสียแล้วสิ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท