ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 370 ผู้ที่หวังผลประโยชน์ทั้ง ๆ ที่ขัดกับผู้อื่น

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 370 ผู้ที่หวังผลประโยชน์ทั้ง ๆ ที่ขัดกับผู้อื่น

บทที่ 370 ผู้ที่หวังผลประโยชน์ทั้ง ๆ ที่ขัดกับผู้อื่น

นับตั้งแต่ที่ตู้เหิงบุกมาหาเรื่องถึงที่โดยไร้เหตุผลครั้งหนึ่ง ก็ผ่านไปแล้วสิบวัน กิจการร้านขายผ้าเหยาจี้ไม่เคยเกิดปัญหาอะไร

เหยาซูเกือบลืมเรื่องของตู้เหิงไปเสียสนิทใจ แต่แล้วเช้าตรู่วันหนึ่งก็ถูกเซวียหรงที่กลับมาจากข้างนอกเรียกไว้

“อาซู ข้าสืบเจอเรื่องของตู้เหิงแล้ว”

เหยาซูกำลังจะเตรียมจะออกจากบ้าน กระทั่งได้ยินก็อดถามขึ้นอย่างประหลาดใจไม่ได้ “พี่เซวีย ท่านยังจำเรื่องนี้ได้อีกหรือ?”

เซวียหรงกลับมาจากข้างนอกในยามเช้าตรู่ ปลายผมยังมีน้ำค้างเกาะอยู่เล็กน้อย เหยาซูจึงต้องหยุดชะงักลง แล้วลากนางเข้ามาในลานบ้าน สั่งให้คนรับใช้ในบ้านไปเตรียมอาหารให้แก่เซวียหรง

ครั้นทั้งสองคนนั่งลงเรียบร้อย เหยาซูก็เอ่ยถาม “สองสามวันนี้ไม่ได้เจอพี่เลย ไหนบอกว่าจะไปติดต่อช่างตัดเสื้อผ้านอกเมืองไม่ใช่หรือ?”

เซวียหรงพยักหน้า “ติดต่อไว้หมดแล้ว มีด้วยกันทั้งสิ้นสามคน แล้วตอนนี้ข้าก็จัดการเรื่องลูกจ้างที่มีอยู่เรียบร้อยแล้วด้วย รอเราเปิดร้านขายผ้าสำเร็จรูปที่นี่ พวกเขาก็จะมา”

เหยาซูยิ้มแล้วพูดว่า “มีพี่เซวียอยู่ ทำให้ข้าวางใจมากจริง ๆ ถ้าข้าต้องทำคนเดียว เกรงว่าการจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปจะต้องยากมากเป็นแน่!”

เซวียหรงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ดื่มชาดอกไม้สดใหม่หนึ่งอึกแล้วพูดกับนางว่า “อาซูก่อนหน้านั้นที่ได้รู้จักกับเจ้า ข้าก็รู้สึกว่าสมองของเจ้าช่างเอาแน่เอานอนไม่ได้ มีความคิดมากมายที่ผู้อื่นไม่เคยคาดคิดมาก่อน แต่ก็ยังรังสรรค์ความคิดเหล่านี้ให้กลายเป็นความจริงได้ เชื่อว่าหากไม่มีข้า เจ้าจะต้องทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำออกมาได้ดีอย่างแน่นอน”

สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น ดวงตาที่สุกสกาวคู่นั้นช่างสดใสยิ่งกว่าท้องนภาที่ทอดยาวออกไปไกลเสียอีก

เหยาซูรู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่างในใจ แล้วพูดอย่างจริงใจว่า “ถ้าไม่มีช่างตัดเสื้อที่มากประสบการณ์อยู่ในมือของพี่เซวีย กิจการร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปของข้า ต่อให้ยืนกรานจะทำต่อไป ก็คงจะเริ่มต้นด้วยความลำบากมากเป็นแน่ พี่เซวีย ท่านช่วยข้าไว้มากทีเดียว ข้าไม่รู้ว่าจะขอบคุณพี่อย่างไร”

เซวียหรงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ลวดลายและรูปแบบของเสื้อผ้าล้วนเป็นฝีมือเจ้าเลือกไม่ใช่หรือ? ช่างเหล่านั้นเคยเห็นสิ่งของที่ข้าให้พวกเขา เลยคิดว่าคงจะทำได้ และสร้างเงินได้ จึงตอบตกลงที่จะตามข้ามาเมืองหลวง ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นผลงานของข้าหรือไม่ ด้วยความเป็นพี่น้องระหว่างข้ากับเจ้า เหตุใดจะต้องขอบคุณกันเล่า!”

เหยาซูเลิกคิ้วสูง “ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ที่ข้าต้องขอบคุณพี่ ข้ายังต้องขอบคุณพี่อีกหลายเรื่อง!”

เซวียหรงตอบตกลงเหยาซูว่าจะมาช่วยนาง ตั้งแต่ที่ยังไม่เข้าเมืองได้มีการเขียนจดหมายถึงกันมากมาย กำชับวัสดุผ้าที่นางต้องทำ สิ่งที่ควรทำและข้อห้ามในกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูป อย่าว่าแต่การวิ่งวุ่นจนหัวฟูหลังเข้าเมืองเลย ทั้งยังไหว้วานให้สหายไปช่วยร้านอีก บางครั้งยังใส่ใจมากกว่าเหยาซูเสียด้วยซ้ำ

ในใจของเหยาซู มักจะขอบคุณความทุ่มเทของเซวียหรงเสมอมา

แต่กลับเห็นเซวียหรงวางจอกน้ำชาลงแล้วพูดอย่างจริงจัง “อาซู เราเป็นพี่น้องกัน แต่เจ้ากลับกล่าวขอบคุณราวกับว่าเราห่างเหินอย่างมากทีเดียว เจ้าจงรู้ไว้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าข้าคงไม่คิดจะเข้าเมือง หากเป็นเช่นนั้น เกรงว่าชีวิตที่เหลืออยู่ก็คงไม่มีทางได้รู้ว่าพี่เชียนยังมีชีวิตอยู่ และคงไม่รู้ว่าตระกูลเซวียได้รับความยุติธรรมกลับมาแล้ว กระทั่งได้เจอกับสหายที่จวนเซวียหลงเหลือไว้ให้…ปมในใจนี้ ข้าก็คงจะไม่สามารถแก้มันออกได้ด้วยตัวเอง”

ครั้งเห็นจิตใจของเซวียหรงเริ่มหดหู่ลง เหยาซูจึงคว้ามือของนาง แล้วพูดเสียงต่ำว่า “พี่เซวีย ข้าไม่พูดแล้ว เราจะไม่กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายอีก ท่านพูดถูก เดิมทีมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตจนน่าตื่นตกใจอะไร เราสองคนจะมากล่าวขอบคุณกันไปมาเพื่ออะไรกัน?”

เซวียหรงยิ้มและกล่าวน้ำเสียงแผ่วเบา “จริงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องในอดีตล้วนผ่านไปแล้ว บัดนี้ตระกูลเซวียและตระกูลเซี่ยได้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง พี่เชียนก็ยังมีชีวิตที่ดี ข้าไม่มีสิ่งใดไม่พอใจอีกแล้ว”

ครั้นเหยาซูได้ยิน ดวงตาที่สุกสกาวคู่นั้นก็ค่อย ๆ โค้งกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว

หากไม่ใช่เพราะการหมั้นหมายระหว่างพี่สาวของเซวียหรงและเซี่ยเชียน นางคงอยากให้สองคนนี้ลงเอยด้วยกัน

พวกเขาต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ทั้งยังมีมิตรภาพที่ดีมาตั้งแต่วัยเยาว์ ช่างเหมาะสมยิ่งนัก

ไม่ทันรอให้นางคิดมากไปกว่านี้ก็ได้ยินเซวียหรงพูดว่า “คุยกันถึงไหนแล้วนะ? วันนี้ข้ามาหาเจ้า เดิมทีก็อยากพูดเรื่องของตู้เหิง”

เหยาซูรีบเอ่ยถาม “ที่พี่เซวียพูดว่าสืบเรื่องของตู้เหิงเจอแล้ว คือเรื่องใดหรือ?”

เซวียหรงแสดงสีหน้าจริงจังและพูดเสียงเบา “ยามที่เจ้าเล่าเรื่องตู้เหิงให้ข้าและพี่เจี่ยงฟังในวันนั้น ที่ว่าน้องต่างมารดาของจวนตู้รับผิดแทน จนตู้เหิงต้องถูกขับออกจากตระกูล ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มันต้องมีบางอย่างคลุมเครือ”

เหยาซูตื่นตกใจอยู่ในใจ “พี่เซวีย พี่สืบหาเรื่องนี้หรือ?”

เซวียหรงยิ้ม “ข้าไม่ได้โง่! พี่เชียนนำเรื่องนี้รายงานต่อราชสำนัก แต่มันไม่ใช่ความแค้นส่วนตัวทั่วไป เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าไม่ยุ่งกับตู้เหิงแล้ว ข้าเลยสืบหาหวังว่ามันคงไม่ได้เป็นการหาเรื่องหรอกนะ?”

เหยาซูรู้สึกผ่อนคลายอย่างโล่งอก จากนั้นก็พูดเสียงทุ้มต่ำว่า “ตกใจแทบแย่ พี่เซวีย ตอนนี้ตู้เหิงมีคนหนุนหลังอยู่คงจะแตะต้องไม่ได้ ท่านอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า”

เซวียหรงพูดด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ “วางใจเถอะ ข้าชั่งใจไว้แล้วเมื่อสองสามวันก่อนที่จะออกจากเมืองหลวง ข้าได้ไปพบสหายเก่าผู้หนึ่ง ต่อมาก็ได้รู้ว่าเดิมทีร้านขายผ้าที่เราเช่า เป็นร้านเดียวกับที่ตู้เหิงเล็งไว้เช่นกัน”

เหยาซูอดประหลาดใจไม่ได้ “บังเอิญขนาดนั้นเชียว?”

เซวียหรงพยักหน้า “ร้านนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมาก เจ้าของที่เดิมทีก็อยากทำกิจการขนาดเล็กของตัวเองเช่นกัน ไม่ได้จะปล่อยเช่า แต่หลังจากที่ตู้เหิงหมายใจไว้แล้ว นางก็ให้ลูกน้องมาบีบบังคับเจ้าของที่…”

หัวคิ้วของเหยาซูค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน แล้วฟังเซวียหรงเล่าต่อไป

เซวียหรงจึงพูดต่อว่า “แม้ว่าครอบครัวของเจ้าของที่จะไม่ใช่ขุนนาง แต่กลับมีเงินและเส้นสายมากมาย จึงไปหาสหายของข้าคนนี้คิดจะกดราคาขายให้ถูกลง จึงเกิดความไม่พอใจ บังเอิญเรากำลังหาร้านพอดีสหายของข้าผู้นี้จึงกลายเป็นพยานให้เราได้เช่าร้านในราคาที่เป็นปกติ”

เหยาซูพูด “พี่เซวีย ข้าขอถามอีกสักหน่อย ตอนนี้ตู้เหิงยังมาหาเรื่องเจ้าของที่อีกหรือไม่?”

เซวียหรงส่ายหน้า “บ้านของเขาถูกปล่อยให้เช่าแล้ว ทั้งยังมีสหายคอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง ไฉนเลยตู้เหิงจะมาหาความโชคร้ายจากเขา มาหาเรื่องเราอีก?”

เหยาซูถอนหายใจแล้วทอดถอนใจต่อว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็วางใจ แต่คิดไม่ถึงว่าต่อให้ตู้เหิงจะสูญเสียการปกป้องจากตระกูลไปแล้ว แต่ก็ยังกล้าที่จะกระทำการบุ่มบ่ามอย่างไม่เกรงกลัว กลัวว่าร้านขายผ้าที่เราเช่าจะทำให้นางยิ่งขุ่นเคืองใจ นางเลยคิดว่าข้าตั้งใจหาเรื่องและเปิดศึกกับนาง!”

เซวียหรงยิ้ม “ตั้งใจแล้วอย่างไร? ยิ่งเห็นนางโกรธ ข้ายิ่งดีใจ หญิงสาวที่เอาแต่ใจและน่ารังเกียจเช่นนี้ ยิ่งนางใช้ชีวิตไม่ผาสุข ข้าก็ยิ่งเริงร่าอยู่ในใจ!”

ครั้นเหยาซูเห็นเซวียหรงมีความเคียดแค้นชิงชังเช่นนี้จึงอดขบขันไม่ได้ “พี่เซวียวางใจเถิด ตอนนี้เราได้ผูกปมแห่งความแค้นขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่านางจะหน้าแตก แต่เกรงว่าในวันข้างหน้าการต่อต้านคงจะน้อยลงมากทีเดียว”

ริมฝีปากแดงชาดของเซวียหรงกระตุกขึ้น ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อยพลางพูดว่า “ในมือของนางจะมีร้านค้ากี่ร้าน ทำอะไร แล้วอยู่ที่ไหน ข้าล้วนสืบหามาครบสมบูรณ์ ดูท่าทางนางคงจะขลาดกลัวจึงไม่ยอมมาหาเรื่อง! ขอแค่นางกล้ามา เราจะแสดงให้นางได้เห็นกับตาแน่นอน”

ครั้นเห็นนางฮึกเหิมไม่หวาดหวั่น จึงพาให้หัวเราะจนตัวงอ “เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม ช่วงนี้ไม่ค่อยยุ่งนัก เรามาสู้กับนางสักตั้งก็ดี จะได้คลายความเบื่อหน่ายด้วย”

เซวียหรงแตะบนหน้าผากของเหยาซูเบา ๆ แล้วกล่าวอย่างขุ่นเคือง “เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย ไม่รู้จักมองการณ์ไกลเสียบ้าง กิจการต่อสู้กันราวกับสนามรบ คิดว่าเจ้าตัวอยากสู้กับเจ้าหรือไม่เล่า?”

เหยาซูยิ้มแล้วพูดว่า “พี่เซวียดูถูกข้าเกินไปแล้ว ไฉนเลยข้าจะไม่เข้าใจเหตุผลนี้? แต่แค่รู้สึกว่าการที่มีพี่เซวียอยู่ด้วย จึงไม่ต้องกังวลสิ่งใด ยิ่งไปกว่านั้นตู้เหิงก็เป็นถึงคุณหนูใหญ่อยู่ในจวนมานานหลายปี นางจะต้องเจ้าเล่ห์เพทุบาย ใช้วิธีการอันมิชอบ ความจริงแล้วไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ควรค่าแก่การให้ความเคารพแม้แต่น้อย”

หญิงสาวเคยอ่านนิยายมาก่อน ย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี ตู้เหิงที่กลับมาเกิดใหม่ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ไม่เคยรอดพ้นสายตาอันจำกัดของสตรีวังหลังได้หรอก

แต่ตอนนี้เรื่องราวของตู้เหิงได้ออกห่างจากเค้าเรื่องของนิยายไปแล้ว ค่อย ๆ เปลี่ยนจากหญิงสาวผู้มีที่ยึดเหนี่ยวในจิตใจไม่ยอมลงมือทำร้ายผู้อื่นก่อน กลายเป็นคนสามหาว

กระทั่งเห็นเซวียหรงยิ้มเยาะเบา ๆ หนึ่งเสียง แล้วพูดกับเหยาซูว่า “สิ่งที่เจ้าพูดกลับสมเหตุสมผลไม่น้อย แต่สองสามวันนี้ยังต้องดูแลเด็ก ๆ ให้ดี อย่าปล่อยให้นางมีโอกาสทำร้ายโดยเด็ดขาด”

เหยาซูพยักหน้าหงึกหงัก “ขอบคุณสำหรับการเตือนของพี่เซวีย ข้าจะระวังอย่างดี”

เซวียหรงกำลังชับอีกประโยค “ตู้เหิงผู้นั้นเป็นบ้าไปแล้ว ทั้งยังมีเบื้องหลังคอยสนับสนุน หากยั่วโมโหนางเข้าไม่ว่าเรื่องอะไรนางคงกล้าทำ”

เหยาซูหน้าถอดสีแล้วตอบว่า “ที่พี่เซวียพูดก็ถูก รออาเหรากลับมา ข้าจะคุยเรื่องนี้กับเขา”

เซวียหรงจึงได้วางใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะเถ้าแก่เซวียเตือนไว้ เหยาซูคงลืมไปแล้วจริง ๆ ตอนนี้ตู้เหิงและเหมิงฉิงมีความเกี่ยวข้องกันอย่างลับ ๆ เหมิงฉิงยินดียกโทษให้นาง เกรงว่าคงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ตื้นเขินแล้ว

แต่เรื่องนี้หลุดจากโครงเรื่องนิยายอย่างมาก เหยาซูเองก็ทำได้แต่คาดเดาอยู่เงียบ ๆ คาดว่าตู้เหิงนั้นมีทรัพยากรและข้อมูลจากอดีตชาติบางส่วน จึงสามารถแลกเปลี่ยนกับเหมิงฉิงได้

ผู้ที่อยากได้ประโยชน์ทั้ง ๆ ที่ขัดกับผู้อื่น นางควรจะต้องระมัดระวังตัวต่ออีกฝ่ายมากขึ้น….

…………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวไว้ค่ะอาซู นังตู้มันอยากทำสงครามจิตวิทยานักก็ต้องทำอะไรที่มันไม่คาดคิด พอผิดแผนจากที่คิดไว้มันจะอกแตกตายไปเองค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท