ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 414 รบชนะแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 414 รบชนะแล้ว

บทที่ 414 รบชนะแล้ว

เสียงหัวเราะอันบริสุทธิ์ของอาซือดังขยายมาจากริมสระน้ำเป็นระลอก เถิงเอ๋อเติบโตอยู่ในเมืองมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยมีประสบการณ์จับปลามาก่อน พาให้รู้สึกแปลกใหม่อย่างมาก

ทั้งสองคนเล่นอยู่ในสระน้ำตลอดครึ่งเช้า เนื่องจากสระน้ำไม่ใหญ่นัก หลังจากโยนอาหารปลาลงไป ปลาตัวใหญ่ก็พากันแหวกว่ายเข้ามา ไม่นานพวกเขาก็ได้ปลาตัวอ้วนกลับไปไม่น้อย

หลังจากได้ปลามาหนึ่งถังแล้ว อาซือและเถิงเอ๋อก็ทอดแหลงไปในน้ำอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้วางแหจับปลา แต่เป็นการเล่นกันล้วน ๆ

เมื่อพวกเขาเล่นกันจนสำราญเบิกบานใจแล้ว อาซือจึงได้เอ่ยถามว่า “พี่เถิง พี่ดูสิ ในสระน้ำยังมีปลาตัวใหญ่อีกหรือไม่?”

เถิงเอ๋อจ้องเขม็งในสระน้ำครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ปลาตัวใหญ่ต่างก็มาอยู่ในถังของเราหมดแล้ว ที่เหลือก็คงมีแต่ปลาตัวเล็กแล้วล่ะ”

อาซือยิ้มอย่างเบิกบานใจ “เยี่ยม เลิกงานได้! ข้าว่าไม่ต้องรอให้ถึงคืนนี้หรอก ตอนนี้ท้องฟ้ายังสว่างอยู่ เรากินปลาตอนเที่ยงก็ได้ พี่เถิงอยากกินแบบนึ่งหรือว่าแบบทอดน้ำแดงดี?”

เถิงเอ๋อกำลังเก็บของ ระหว่างนั้นก็ตอบคำถามนาง “แล้วแต่เจ้า”

อาซือและเถิงเอ๋อเล่นอยู่หลังจวนอย่างสนุกสนาน ต่างก็จับปลาตัวอ้วนที่สุดในสระจนหมดเกลี้ยง ก่อนจะเรียกคนรับใช้ที่ดูมีพละกำลังมายกถังใส่ปลาไปตรงหน้าของเหยาซู

ในถังนั้นมีน้ำอยู่ไม่มากเกินและไม่น้อยเกินไป พวกเขานำปลาที่จับได้เมื่อครู่ใส่รวมกัน จึงทำให้ถังค่อนข้างหนัก

เหยาซูอ่านบันทึกการเดินทางในมือมาถึงสองสามหน้าสุดท้ายแล้ว ครั้นเห็นใบหน้าของเด็กทั้งสองคนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ จึงรีบเอ่ยขึ้นทันทีว่า “รีบมานั่งพักก่อนเร็ว พวกเจ้าก็ไม่ได้ยกของกันเอง เหตุใดถึงได้มีเหงื่อออกมากเพียงนี้?”

ขณะพูด นางหยิบผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืนออกมา แล้วเช็ดเหงื่อให้แก่อาซือก่อน แต่เมื่อถึงตาของเถิงเอ๋อ นางกลับเกิดความลังเลครู่หนึ่ง

ครั้นเห็นเด็กชายไม่มีท่าทีจะปฏิเสธอะไร เหยาซูจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวกัน เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเถิงเอ๋อเช่นกัน

รอยยิ้มบนใบหน้าของอาซือยังไม่จางหาย กระทั่งสัมผัสกับกาน้ำชาตรงหน้าของเหยาซู พบว่ายังคงมีความร้อน จึงรินน้ำชาให้ตัวนางเองและเถิงเอ๋อคนละจอก

“พี่เถิง รีบดื่มเร็วเข้า!”

เถิงเอ๋อรับมา เหยาซูจึงสังเกตเห็นว่าระหว่างนิ้วมือที่เดิมทีขาวเนียนของเด็กชายเปื้อนไปด้วยดินโคลนไม่น้อย

เด็กชายเป็นคนรักษาความสะอาด แต่บัดนี้ทั้งรองเท้าหุ้มข้อ ทั้งกางเกงกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลนไม่น้อย แม้แต่ใบหน้าที่ขาวผุดผ่องดุจอัญมณีก็ยังมีคราบสีเทา เหยาซูจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าในมือเช็ดออกจนหมดจด เห็นดังนั้นนางก็อดคลี่ยิ้มไม่ได้

อาซือกลืนน้ำชาลงไปอึกใหญ่ จากนั้นก็ถอนหายใจหนึ่งเฮือก และตอบคำถามเมื่อครู่ของเหยาซู “ท่านแม่ ข้าและพี่เถิงจับปลาได้ตั้งหนึ่งถัง เหนื่อยแทบขาดใจเลยเจ้าค่ะ”

เหยาซูจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีดินโคลนเปรอะเปื้อนอยู่บนร่างกายของเถิงเอ๋อไม่น้อย ส่วนลูกสาวของตัวเองกลับยังสะอาดสะอ้าน

ที่อาซือเรียกร้องอยากจับปลา ดูท่าคงจะเป็นแรงกายของเถิงเอ๋อทั้งหมด

นางยิ้มแล้วพูดว่า “สมควรแล้วที่ต้องเหนื่อย ปลาตั้งหนึ่งถังใหญ่ จับจนหมดสระน้ำเลยกระมัง? ถ้าอยากกินปลาก็ให้ผู้ใหญ่จับปลาให้สักสองสามตัว ไม่ดีกว่าหรือ? พวกเจ้าสองคนจะได้เล่นกัน ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องออกแรงเอง”

เถิงเอ๋อค่อย ๆ ดื่มน้ำชาจนหมด จากนั้นก็วางจอกชาลงบนโต๊ะหิน เริ่มพูดแทนอาซือ “ท่านอาซู ข้าเองก็ไม่เคยเห็นว่าต้องจับปลากันอย่างไรมาก่อน อาซือก็เลยพาข้าไปด้วยขอรับ”

เด็กสาวกระตุกยิ้มเล็กน้อยโดยไม่พูดสิ่งใด แค่รินน้ำชาอีกจอกให้เถิงเอ๋อเท่านั้น

กาน้ำชาที่อยู่ตรงหน้าของเหยาซูพร่องไปหลายส่วน อาซือมองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่เห็นผู้ใด ตนเองเลยถือกาน้ำชาวิ่งปรี่ไปเติมน้ำ

ครั้นเหยาซูเห็นลูกสาวชอบทำอะไรบุ่มบ่าม จึงรีบตะโกนไล่หลังลูกสาวไปว่า “อย่าทำน้ำร้อนหก ระวังลวกมือด้วย!”

อาซือตอบรับอยู่ไกล ๆ

เถิงเอ๋อยังคงนั่งอยู่บนม้าหินอ่อนข้างกายของเหยาซู เขามีเหงื่อผุดซึมออกมาไม่น้อยและกระหายมากด้วย จึงเริ่มจิบชาจอกที่สองอย่างช้า ๆ

กระทั่งสายลมที่เย็นสบายในฤดูใบไม้ร่วงพัดโชยมา ปัดเป่าเหงื่อบนร่างกายของเขาให้แห้งทีละน้อย ไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสบายตัวมากยิ่งขึ้น

เหยาซูยังคงมองเถิงเอ๋อ เห็นเขาเป็นเหมือนลูกชายของตัวเองจากก้นบึ้งของหัวใจ จึงเอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่น “ช่วงนี้สุขภาพร่างกายของเถิงเอ๋อดีขึ้นบ้างหรือไม่? วันนี้เหนื่อยมากไหม? ได้ยินแม่เจ้ากล่าวไว้ว่ายามฤดูร้อนเจ้าป่วยน้อยมาก เช่นนั้นถือเป็นเรื่องดี”

เถิงเอ๋อยังไม่ทันดื่มชาหมดจอก กลับวางจอกชาในมือลงอย่างสุภาพ แล้วตอบกลับ “ท่านอาซู ข้าไม่เหนื่อยเลยขอรับ อาจเพราะได้ออกกำลังกายมากขึ้น ร่างกายจึงดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ว่าแต่ท่านอาซูละขอรับ ป่วยรอบนี้เรื้อรังนัก ต้องดูแลสุขภาพด้วยนะขอรับ”

เหยาซูยิ้มรับ

หลังจากที่เด็กชายดื่มชาในมือหมดแล้ว นางจึงเอ่ยถามอีกครั้ง “ตอนนี้ยังกินยาอีกหรือไม่?”

เถิงเอ๋อตอบอย่างซื่อสัตย์ “ยังกินอยู่ขอรับ แต่ยาในตอนนี้ไม่ได้ขมปี๋เหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว ท่านแม่จะต้มเย่าซ่าน[1] วันละหนึ่งครั้ง แต่รสชาติก็ไม่ได้อร่อยเพียงนั้นขอรับ”

เย่าซ่านมีสรรพคุณในเรื่องการบำรุงร่างกาย เถิงเอ๋อได้รับพิษเมื่อครั้งยังอยู่ในท้องมารดา แม้ก่อนหน้านั้นจะกินยากำจัดพิษไปหมดแล้ว แต่ก็ยังต้องกินเย่าซ่าน คิดว่าบำรุงไปอีกสักสองสามปี เขาจะต้องมีร่างกายแข็งแรงเหมือนกับเด็กคนอื่นทั่วไปแน่นอน

ปีนี้เขาเองก็โตขึ้นไม่น้อย ดูหล่อเหลามากกว่าเมื่อครั้งยังป่วยเสียอีก เหยาซูได้ค้นพบอีกว่า จริง ๆ แล้วองค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้าของเถิงเอ๋อนั้นงดงามมาก ราวกับมีเงาของเจี่ยงฉีทาบทับอยู่

เหยาซูและเจี่ยงฉีมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน รู้ว่าสหายนั้นเป็นห่วงเป็นในลูกชายคนนี้มากเพียงใด จึงได้แต่ทอดถอนใจเบา ๆ แล้วพูดว่า “โชคดีที่ร่างกายของเจ้าได้รับการบำรุงจนค่อย ๆ ดีขึ้น ก่อนหน้านั้นทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับแม่เจ้า นางมักจะมีสีหน้ากลัดกลุ้มใจอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ไม่กังวล ต่อไปเจ้าต้องมีความกตัญญูต่อมารดาของเจ้า เข้าใจหรือไม่?”

เถิงเอ๋อยิ้ม จากนั้นก็พยักหน้าและพูดว่า “ท่านอาซู ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”

เหยาซูและเถิงเอ๋อยังพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง กระทั่งสัมผัสได้ว่าเขามีท่าทางสุขุมตั้งแต่อายุยังน้อย มองปัญหาด้วยทัศนคติที่ค่อนข้างใจกว้างและนิ่งสงบ จึงได้แต่พยักหน้าอยู่เงียบ ๆ ในใจ

นางและเจี่ยงฉีเคยเอ่ยเรื่องนี้กันเป็นการส่วนตัว อาซือและเถิงเอ๋อมีความสนใจกันและกัน จึงเล่นด้วยกันได้ หากพวกเขาโตขึ้นแล้วมีใจอยากอยู่ด้วยกัน ย่อมเป็นเรื่องดีมากทีเดียว

ดูจากตอนนี้ อาซือยังเด็ก คงยังไม่มีความคิดเช่นนี้ แต่ท่าทางของเถิงเอ๋อนั้น จากการมองในหลาย ๆ มุมของนาง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เห็นอาซือเป็นเพียงน้องสาว

เหยาซูอยากพิสูจน์ความคิดของตัวเอง จึงได้เอ่ยถามเขา “วันนี้เห็นได้ชัดว่าอาซือนั้นอยากเล่น อยากไปจับปลา ไหนลองบอกอาหน่อยสิว่าเหตุใดเจ้าถึงอยากไป?”

เถิงเอ๋อไม่รู้ว่าเหยาซูตั้งใจจะลองหยั่งเชิงตัวเอง แต่ที่รู้คือ คำตอบของเขาไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแค่อยากปกป้องอาซือจึงพูดว่า “ท่านอาซู ไม่ใช่เพราะอาซืออยากเล่นขอรับ เราสองคนต่างก็อยากไปขอรับ”

นัยน์ตาของเหยาซูแฝงไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ถามเขาว่า “ปริศนาเก้าห่วงก็อย่างหนึ่ง พวกเจ้าเล่นกันไม่มีเบื่อ วาดภาพ เขียนตัวอักษรก่อนหน้านั้น พวกเจ้าสองคนต่างก็ไม่มีปัญหาอะไร ต่อไปถ้าอาซืออยากเรียนเย็บปักถักร้อย เรียนทำอาหาร เจ้าก็ยังคงไปเป็นเพื่อนนางใช่หรือไม่?”

เถิงเอ๋อไม่เคยคิดว่าเหยาซูจะถามเช่นนี้ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าอาซืออยากให้ข้าไปเป็นเพื่อน ข้าคิดว่าการเย็บปักถักร้อยและการทำอาหารก็ไม่ใช่สิ่งที่แย่นักขอรับ”

“ฮ่า ๆ ๆ” เหยาซูหลุดหัวเราะอย่างอดไม่ได้

ต่อให้เถิงเอ๋อจะสุภาพเรียบร้อยอย่างไร เขาก็เป็นเด็กผู้ชาย ย่อมไม่ชอบเย็บปักถักร้อยอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้รับการอบรมสั่งสอนจากเจี่ยงฉีมาอย่างดีตั้งแต่เด็ก ดั่งสำนวนที่ว่า ‘สุภาพบุรุษห่างไกลครัว’ ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ถ้าเต็มใจที่จะทำสองสิ่งนี้เพื่ออาซือ ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงออกว่าจริงใจ

กระทั่งได้ยินเด็กชายเอ่ยอย่างจริงจัง “เมื่อสองสามวันก่อนท่านแม่ไปซื้อม้ามาสองตัว ใหญ่หนึ่งตัว เล็กหนึ่งตัว ข้ายกม้าแดงตัวเล็กตัวนั้นให้แก่นาง ท่านอาซูขอรับ อีกสองวันให้อาซือไปเล่นที่บ้านของข้าได้หรือไม่ขอรับ? เราอยากไปขี่ม้าแถวชานเมืองด้วยกัน”

เหยาซูเอ่ยถาม “พวกเจ้าสองคนตกลงกันแล้วหรือ?”

เถิงเอ๋อพยักหน้าและพูดว่า “ม้าแดงตัวนั้นทั้งงดงามและเชื่องมาก อาซือน่าจะชอบขอรับ ท่านอาซู ข้าจะให้ท่านแม่ส่งคนติดตามเราไปด้วย จะได้ปลอดภัยขอรับ”

เหยาซูตื่นตกใจกับเรื่องนี้ ก่อนหน้านั้นหลินเหราก็พาเด็ก ๆ ไปขี่ม้า แรกเริ่มอาซือก็ยังดี ๆ แต่ต่อมากลับหมดความสนใจ บอกแค่ว่าตัวเองไม่ชอบขี่ม้า

เหตุใดถึงตามเถิงเอ๋อไปได้ เต็มใจหรือ? ทั้งอีกฝ่ายก็ยังให้ม้าจากตระกูลกับนาง…

แต่ท่าทางของเถิงเอ๋อ แสดงออกว่าเขาอยากให้

เหยาซูเกิดความพึงพอใจลึก ๆ ในใจ และยินดีที่เด็กทั้งสองคนมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน

นางไม่คิดจะก้าวก่าย แค่พยักหน้าและพูดว่า “อาไม่สนใจพวกเจ้าหรอก แค่ปลอดภัยก็พอ”

เถิงเอ๋อกำลังจะกล่าวขอบคุณ กระทั่งได้ยินเสียงที่ดูร้อนใจของอาซือดังออกมาจากข้างใน “ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ!”

ในมือของเด็กสาวยังคงถือกาน้ำชาเมื่อครู่ มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่ามันว่างเปล่า นางวิ่งเหยาะสองสามก้าวเข้าไปในลานบ้าน พร้อมกับหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยหอบ

เหยาซูลุกพรวดขึ้น หัวคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะพูดว่า “วิ่งช้าหน่อยสิ เจ้าเป็นอะไร วิ่งไม่ได้นะ!”

ใบหน้าที่ขาวผุดผ่องของอาซือแดงระเรื่อด้วยความเหนื่อยหอบ หน้าผากล้วนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเปล่งประกายเป็นพิเศษ ราวกับดวงดาวที่พร่างพราว

เหยาซูรับกาน้ำชาจากมือของลูกสาว กำลังจะอบรมสั่งสอนสักประโยคสองประโยค แต่กลับถูกอาซือดึงแขนเสื้อด้วยมือข้างหนึ่ง

เด็กหญิงไม่สนใจสิ่งอื่นก่อนจะเอ่ยด้วยความดีใจว่า “ท่านแม่ ข้างนอกลือกันสนั่นว่าซีเป่ยได้รับชัยชนะ ท่านพ่อรบชนะแล้วเจ้าค่ะ”

สีหน้าของเหยาซูเปลี่ยนไปทันใด เพียงพริบตากาน้ำชาในมือร่วงลงพื้นส่งเสียงแตก ‘เพล้ง’ อย่างชัดเจน

………………………………………………………………………………………………..

[1] เย่าซ่าน เป็นอาหารที่ปรุงจากยาและสมุนไพรต่าง ๆ

สารจากผู้แปล

โตขึ้นอาซือจะรู้ไหมน้าว่าพี่ชายคนสนิทแอบชอบตัวเองอยู่

พี่เหราจะปลอดภัยใช่ไหม ลุ้น

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน