พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 1868 กองทัพองครักษ์มาถึงแล้ว

บทที่ 1868 กองทัพองครักษ์มาถึงแล้ว

“ค่ะ!” จั่วเอ๋อร์เอ่ยรับ แล้วก็ลองเตือนอีกว่า “แล้วความเสียหายของร้านค้าหนึ่งพันกว่าล้าน…”

อิ๋งจิ่วกวงเอียงหน้ามองมา “พูดเรื่องนี้กับเขาจะมีความหมายเหรอ? ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมรับว่าเขาทำ แล้วพวกเราก็ไม่มีหลักฐานด้วย จะทำอะไรเขาได้เหรอ? ต่อให้มีหลักฐาน? ทำศึกแพ้แล้วมีสิทธิ์เสนอเงื่อนไขนี้รึไง! บอกหวังหย่วนเฉียว ถอนทัพเถอะ ให้เขาบอกเบื้องล่างให้ปิดปากให้สนิท”

“รับทราบ!” จั่วเอ๋อร์เอ่ยรับ แล้วเตือนอีกว่า “ทัพใต้ยังปิดล้อมอยู่นอกทางออกค่ะ”

“ข้าจะติดต่อฮ่าวเต๋อฟางให้สั่งกำลังพลของทัพใต้ถอนกำลัง ให้หวังหย่วนเฉียวรีบถอนกำลัง กองทัพองครักษ์ใกล้จะมาถึงแล้ว” อิ๋งจิ่วกวงกล่าว

“ค่ะ!” จั่วเอ๋อร์ไปปฏิบัติตามทันที

ในดาราจักร บนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่ถูกเผาจนดินดำเกรียม รองเท้ายาวที่ทำจากโลหะเหยียบขี้เถ้าหนาหลายชั้น หวังหย่วนเฉียวเก็บระฆังดารา แล้วถอนหายใจราวกับยกภูเขาออกจากอก ท่านอ๋องมีคำสั่งให้ถอนทัพ ยังทำภารกิจไม่สำเร็จก็จะมาโทษเขาไม่ได้ เขาเงยหน้าถอนหายใจขึ้นฟ้าแล้วบอกว่า “รวบรวมกำลังพล ถอนกำลังเถอะ! ระหว่างทางให้เตรียมระวังตัว ป้องกันหนิวโหย่วเต๋อวางอุบาย!”

คงฮั่นมองกำลังพลที่เดินไปเดินมาอยู่ไกลๆ แล้วหันกลับมาก้มหน้า “กลับไปอย่างนี้เหรอ? เรื่องนี้มีคนรู้เยอะเกินไป ต่อไปไม่มีทางปิดเป็นความลับได้เลย ปิดปากคนในใต้หล้าไม่ไหวหรอก ถึงตอนนั้นท่านอ๋องจะทนความรู้สึกได้ยังไง? เกรงว่าบารมีความน่าเชื่อถือของทัพตะวันออกคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก…” ตอนพูดถึงประโยคสุดท้าย เสียงก็เริ่มเบาลง

หวังหย่วนเฉียวถอนหายใจ “ถ้าไม่ถอนกำลังแล้วจะทำยังไงได้? กองทัพองครักษ์กำลังจะมาถึงแล้ว หนิวโหย่วเต๋อก็จะไม่สู้แล้ว ถ้าเข้าจะซ่อนตัว พวกเราก็หาไม่เจอภายในเวลาสั้นๆ หรอก ในมือเขามีของที่ใช้จะใช้บีบท่านอ๋อง บารมีสำคัญกว่า หรือการฉีกหน้ากับประมุขชิงอันตรายกว่า?” เขายกมือตบบ่าคงฮั่น “นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องกังวล เบื้องบนก็มีแนวคิดของเบื้องบน ในเมื่อท่านอ๋องตัดสินใจแล้ว พวกเราก็ทำตามเถอะ”

“เฮ้อ! ถ้ารู้ตั้งแต่แรกจะทำอย่างนี้ทำไม” คงฮั่นส่ายหน้ายิ้มอย่างขื่นขม มองไปตรงจุดไกลๆ แล้วถอนหายใจยาว “น่าเสียดายที่วีรบุรุษแห่งยุคอย่างอ๋าวเฟยต้องมาพังทลายลงที่นี่ น่าเสียดายพี่น้องสองล้านกว่าต้องมาตายเปล่า หลงเต๋ออัน หลัวเจ๋อ จงซานหมิง เจียงเชียนหลี่ ไป่หลี่เจี๋ย เวินลิ่วกง เชออู่ พี่ท่านพักผ่อนอย่างสงบเถิด!” พูดจบก็หันตัวไปรวบรวมกำลังพลแล้ว

ผ่านไปไม่นาน คนกลุ่มหนึ่งก็เปลี่ยนใส่เกราะรบของตำหนักสวรรค์อีกครั้ง แล้วรีบเหาะขึ้นฟ้าไป

กำลังพลทัพใต้ที่อยู่ตรงด้านนอกทางออกพลันหายไป กระทั่งหลังจากกำลังพลกลุ่มหนึ่งออกมา กำลังพลทัพใต้ก็ค่อยๆ ตามมาจากจุดที่ไม่ไกลอีก ตั้งกระบวนทัพอีกครั้งเพื่อรอปิดทางออก ส่วนทางด้านทางเข้า นอกจากเหลือคนส่วนน้อยไว้เฝ้าแล้ว กำลังพลหลายล้านก็เข้าในสระน้ำมังกรดำทั้งหมด ได้รับบัญชาจากราชันสวรรค์ให้มาตรวจสอบ แต่กลับชักช้าไม่มาเสียที

เรื่องที่กำลังพลทัพตะวันออกออกไปแล้ว ฝั่งเหมียวอี้ได้ข่าวนี้แล้ว เรื่องที่กำลังพลทัพใต้เข้ามาก็รู้แล้วเช่นกัน เพียงแต่เหมียวอี้กลับยังไม่โผล่หน้าออกมา ซ่อนตัวต่อไป ป้องกันการเล่นตุกติก

จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่ากำลังพลกลุ่มใหญ่ของกองทัพองครักษ์เข้าสระน้ำมังกรดำมาควบคุมแต่ละพื้นที่ไว้ เหมียวอี้ถึงได้วางใจอย่างแท้จริง หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ รายงานสถานการณ์การรบให้รู้

ตำหนักนารีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กำลังกระวนกระวายจนกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่ในห้องนอน จู่ๆ ก็ได้ข่าวจากเหมียวอี้ เรียกได้ว่าดีใจเหนือความคาดหมาย นางรีบหยิบระฆังดาราออกมาถาม : ท่านขุนนาง สถานการณ์รบเป็นอย่างไรบ้าง?

เหมียวอี้ตอบว่า : ด้วยการวินิจฉัยอันปราดเปรื่องของเหนียงเหนียง สุดท้ายก็ไม่ทำให้เหนียงเหนียงผิดหวัง ทัพใหญ่แดนรัตติกาลชนะโดยสมบูรณ์ กำจัดทัพฝ่ายศัตรูไปสองล้านสองแสนกว่า ทัพฝ่ายศัตรูหนีออกจากสระน้ำมังกรดำอย่างจนตรอก!

การวินิจฉัยอันปราดเปรื่องของตัวเองที่ไหนกันล่ะ แม้จะฟังคำพูดประจบเยินยอมาจนชินแล้ว แต่คำพูดนี้ก็ยังทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เขินแล้ว นางตื่นเต้นฮึกเหิมไม่หยุด ถามอย่างประหลาดใจว่า : ท่านขุนนางหนิวพูดจริงเหรอ? ชนะแล้วจริงเหรอ?

เหมียวอี้ : ข้าน้อยมิบังอาจหลอกลวงเหนียงเหนียง อิ๋งจิ่วกวงรับปากแล้วว่าจะปล่อยตัวกำลังพลโถงชุมนุมอัจฉริยะ จะช่วยให้ข้าน้อยนั่งตำแหน่งผู้ตรวจการใหญ่ตลาดสวรรค์ แล้วชดเชยอีกหนึ่งหมื่นล้านล้านยาแก่นซียน ข้าน้อยถึงได้ปล่อยกำลังพลที่เหลือออกไป ไม่อย่างนั้นข่าน้อยจะต้องล้างเลือดให้ถึงที่สุดแน่!

หนึ่งหมื่นล้านล้านยาแก่นซียน! เซี่ยโห้วเฉิงอวี่สูดหายใจลึก ดวงตาฉายประกาย ถามว่า : อิ๋งจิ่วกวงรับปากจะชดใช้มากขนาดนั้นเชียวหรือ? เขาจะไม่กลับคำใช่หรือเปล่า?

เหมียวอี้ : เหนียงเหนียงวางใจ ข้าน้อยได้ตัวเชลยศึกของทัพตะวันออกหนึ่งแสนกว่า ทั้งยังมีศพอีกหลายแสนอยู่ในมือ แม้แต่อิ๋งอู๋หม่านลูกชายของเขา ข้าน้อยก็ยังจับมาทั้งเป็นๆ ถ้าเขากล้าผิดสัญญา ข้าน้อยก็จะส่งคนให้ตำหนักสวรรค์ ดูซิว่าเขาจะชี้แจงต่อฝ่าบาทยังไง!

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ : ตอนนี้ไม่ส่งคนให้ตำหนักสวรรค์เหรอ? แล้วถ้าส่งให้ทีหลัง ไม่กลัวฝ่าบาทจะลงโทษเจ้าข้อหาปิดบังหลอกลวงหรอกเหรอ?

เหมียวอี้ : กำลังตระกูลอิ๋งปลอมตัวเป็นโจร ข้าน้อยก็จำไม่ได้เหมือนกัน ของอยู่ในมือเผ่าเทพอสรพิษดำแล้ว หลังจากเผ่าเทพอสรพิษดำสืบสวนแล้วจะส่งมาให้ ตอนหลังข้าน้อยเพิ่งจะรู้ว่ามีของพวกนี้อยู่ ถึงได้ส่งมอบให้ฝ่าบาททันที

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เข้าใจความหมายที่เขาสื่อ : เจ้าเป็นคนมีความคิดมีวิธีการที่ดี เจ้าชั่งน้ำหนักเอาเองก็แล้วกัน ใช่แล้ว สถานการณ์รบเป็นยังไงกันแน่?

เหมียวอี้ไม่ปิดบังนางเช่นกัน เล่าสถานการณ์ตอนทำศึกในฟังรอบหนึ่ง

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ฟังแล้วฮึกเหิมมาก กล่าวชมเต็มที่ว่า : ท่านขุนนางหนิวช่างสมคำร่ำลือ ช่างเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถจริงๆ ไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!

นางพูดแบบนี้ และคิดแบบนี้เช่นกัน โชคดีที่ตัวเองได้แม่ทัพชั้นดีมา มิน่าล่ะตอนแรกถึงมีคนมากมายแย่งตัว

เหมียวอี้ : เหนียงเหนียงชมเกินไปแล้ว! ศึกนี้ฝ่ายข้าน้อยก็เสียหายไปมาก แต่โชคดีที่เผ่าเทพอสรพิษดำคอยช่วยเหลือ ดังนั้นหนึ่งหมื่นล้านล้านยาแก่นซียนที่ตระกูลอิ๋งให้ ข้าน้อยจะมอบเป็นรางวัลทั้งหมด!

ไม่พูดให้ชัดเจนก่อนคงไม่ได้ นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เดี๋ยวต่อไปถ้าไม่ถวายขึ้นมา ท่านนี้จะไม่พอใจเอาได้ ดังนั้นจึงหยั่งเชิงน้ำเสียงนางก่อน

ขุดเนื้อจากตัวตระกูลอิ๋งได้โหดมาก นำทรัพย์สินเยอะขนาดนี้มาเป็นรางวัลทั้งหมดก็น่าเสียดายไปหน่อย แต่วันนี้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อารมณ์ดีมาก กล่าวเห็นด้วยซ้ำๆ ว่า : ท่านขุนนางปกครองทัพย่อมให้รางวัลและลงโทษได้ชัดเจนยุติธรรม เป็นสิ่งที่สมควรทำแล้ว สมกับเป็นทหารกล้าใต้สังกัดของข้า จะปฏิบัติต่อคนที่ทำงานรับใช้ข้าอย่างอยุติธรรมไม่ได้ ตบรางวัลอย่างงาม!

ก่อนที่ทั้งสองจะจบการติดต่อกัน เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ชี้แนะอีกเล็กน้อย บอกเหมียวอี้ว่าชิงหยวนจุนลูกชายนางก็ไปที่สระน้ำมังกรดำเช่นกัน ให้เขาดูแลให้หน่อย

แกร๊ก! ประตูที่ปิดสนิทเปิดออก เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยืดอกเดินออกจากประตู พอเดินมาถึงบันไดตรงประตู นางก็ทอดสายตามองปราสาทราชวังตรงจุดไกลๆ ด้วยจิตใจที่เร่าร้อนฮึกเหิม

ทัพตะวันออกมีความหมายแฝงว่าอะไรล่ะ? หมายความว่าเป็นกำลังพลในขอบเขตระดับบนสุดของใต้หล้า แต่กลับแพ้อยู่ภายใต้น้ำมือนาง นางคิดเอาเองว่าต่อไปนี้คงไม่มีใครกล้าดูถูกนางแล้ว!

เอ๋อเหมยสังเกตเห็นความผิดปกติของนาง สังเกตเห็นว่าความกังวลหายไปหมดสิ้น ตอนนี้แสดงสง่าราศีของมารดาแห่งใต้หล้าแล้ว!

เอ๋อเหมยแทบจะรู้คำตอบโดยไม่ต้องเดา หนิวโหย่วเต๋อทำศึกชนะแล้ว!

นางรีบไปหาที่ลับตาคน แล้วส่งข่าวให้ตระกูลเซี่ยโห้ว

จวนท่านปู่สวรรค์ เซี่ยโห้วลิ่งที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้าส่ายหน้ายิ้มเจื่อน เรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อรบชนะ เขารู้เร็วกว่าเอ๋อเหมยเสียอีก เพราะเจ้าหกอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อ มีหรือที่เขาจะไม่รู้

สำหรับบุคคลระดับสูงของตำหนักสวรรค์ ส่วนใหญ่ต่างก็รู้ข่าวนี้กันหมดแล้ว ยกตัวอย่างเช่นพวกอ๋องสวรรค์ อิ๋งจิ่วกวงไปปรึกษาพวกเขาเรื่องที่จะประนีประนอมกับหนิวโหย่วเต๋อแล้ว กลับเป็นประมุขชิงที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้อะไรชัดเจน

เพียงแต่บุคคลระดับสูงของตำหนักสวรรค์เงียบไว้ตลอด ไม่ได้พูดกับคนนอกเรื่องนี้

จนกระทั่งในอาณาเขตของสี่ทัพปล่อยคนของโถงชุมนุมอัจฉริยะ บอกว่าสืบชัดเจนแล้ว ไม่พบความผิดก็ย่อมต้องปล่อย กอปรกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่วางมาดใหญ่โตไปทั่ววัง ประมุขชิงถึงตระหนักได้ว่าอิ๋งจิ่วกวงหลังชนฝาแล้ว จึงสั่งให้คนไปสืบสถานการณ์ให้ชัดเจนทันที

ในถ้ำ ในที่สุดอ๋องอสรพิษดำก็ถูกเหมียวอี้ปล่อยออกมาแล้ว เหมียวอี้ยื่นมือเชิญด้วยรอยยิ้ม ทางฝั่งซ้ายและขวาของเขามียอดฝีมือยืนเรียงแถวอยู่

“ท่านอ๋อง!” พวกโม่โหยวที่อยู่อีกฝั่งของเข็มทิศอุทานด้วยความดีใจ แทบจะวิ่งเข้ามาแล้ว แต่กลับถูกสายตาที่ดุเหมือนของตานฉิงห้ามไม่ให้เข้าใกล้

อ๋องอสรพิษดำจ้องเหมียวอี้พักหนึ่ง แล้วหันตัวเดินกลับไปยืนข้างคนในเผ่าตัวเอง

พวกโม่โหยวคุกเข่าข้างเดียวทำความเคารพทันที จากนั้นก็ก้าวขึ้นมาคลายผนึกบนตัวอ๋องอสรพิษดำ

ประโยคแรกที่อ๋องอสรพิษดำถามก็คือ “สถานการณ์ของเผ่าพวกเราเป็นยังไงบ้าง?”

ฝั่งเผ่าเทพอสรพิษดำเกิดบรรยากาศกดดันทันที โม่โหยวเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ

เมื่อได้รู้ว่าพี่น้องเผ่าเทพอสรพิษดำรบตายไปหนึ่งล้านกว่า อ๋องอสรพิษดำก็หายใจถี่กระชั้นทันที พลันหันตัวไปมองเหมียวอี้ นางเดินเข้าไปหาทีละก้าว แต่ยังไม่ทันถึงตัวเหมียวอี้ ก็ถูกพวกตานฉิงมาขวางไว้แล้ว

“ยินดีด้วยนะหัวหน้าภาคหนิว หลังจากศึกนี้ชื่อเสียงเจ้าจะต้องสะท้านใต้หล้าแน่นอน!” อ๋องอสรพิษดำตวาดเสียงแสดงความยินดี เสียงแหลมจนน่าตกใจ

เหมียวอี้รู้ว่านางพูดประชด จึงแสดงความยินดีด้วยจริงๆ ก็แปลกแล้ว เขาได้แต่มองอย่างใจเย็น ไม่ถือสาอะไร

อ๋องอสรพิษดำพลันยกมือชี้เขา “หวังว่าตอนที่มีชื่อเสียงสะท้านใต้หล้า หัวหน้าภาคหนิวจะจดจำไว้ ว่าเกียรติประวัติของเจ้าได้มาจากชีวิตชายหนุ่มเผ่าเทพอสรพิษดำนับล้านกองสุมกัน!”

เหมียวอี้หลุบตาลงเล็กน้อย รู้สึกค่อนข้างหนักใจ จึงกล่าวอย่างเนิบช้าว่า “การช่วยเหลือจากเผ่าเทพอสรพิษดำครั้งนี้ หนิวไม่ลืมแน่นอน หากมีโอกาสย่อมตอบแทน ข้าไม่พูดอะไรมากกว่านี้แล้ว สิ่งที่ควรชี้แจงข้าก็บอกโม่โหยวไปหมดแล้ว กองทัพองครักษ์มาถึงแล้ว เรื่องต่อจากนี้เผ่าเทพอสรพิษดำไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องอีก ไปซ่อนตัวที่อาณาเขตดาวนิรนามก่อนเถอะ! รอให้ข้าจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยก่อน แล้วพวกเจ้าค่อยกลับมาก็ยังไม่สาย”

อ๋องอสรพิษดำหันหน้าเดินจากไปทันที พวกโม่โหยวรีบเดินตามหลังไป

เหมียวอี้ถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่นางบอกว่าจะมาเป็นทาส เพียงเดินออกไปส่งนอกถ้ำ

หลังจากแน่ใจแล้วว่ากำลังพลเผ่าเทพอสรพิษดำออกไปหมดแล้ว จนกระทั่งหยวนกงรู้ตัวอีกที ก็พบว่าพวกตานฉิงหายไปอย่างเงียบๆ แล้ว ไม่รู้ว่าไปที่ไหนแล้ว

รอไม่นาน คนหลายร้อยที่สวมเกราะรบสีสดใสก็เหาะมา แล้วชั่วพริบตาเดียวก็ขยายตัวกลายเป็นทัพใหญ่ รีบเหาะไปควบคุมจุดต่างๆ ในบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว

กำลังพลหลายแสนเหยียบลงพื้น แล้วกระจายกำลังป้องกันอีกครั้ง แม่ทัพใหญ่เกราะแดงร้อยกว่าคนตามหลังแม่ทัพคนหนึ่งเข้ามา ผู้ที่นำหน้ามาเหมียวอี้เคยเจอที่อุทยานหลวง โหมวฮ่าวหราน เป็นผู้ตรวจการใหญ่ของหน่วยองครักษ์ขวาแห่งกองทัพองครักษ์

เหมียวอี้รีบนำกำลังพลก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วก้าวออกจากแถวมากุมหมัดคารวะ “ข้าน้อยหนิวโหย่วเต๋อคารวะผู้ตรวจการใหญ่!”

โหมวฮ่าวหรานจ้องเขาครู่หนึ่ง แล้วสายตาก็ย้ายไปทางชิงเยว่กับหลงซิ่น พยักหน้าให้สองคนนั้นเบาๆ แล้วจ้องเหมียวอี้อีก “ได้ยินว่าหัวหน้าภาคหนิวเจอโจรหลายล้านวางแผนทำร้ายที่สระน้ำมังกรดำ จึงปรายโจรไป ไม่ทราบว่ามีเรื่องนี้จริงหรือเปล่า?”

เหมียวอี้พยักหน้า “ผู้ตรวจการใหญ่ปราดเปรื่อง มีเรื่องนี้จริงๆ ขอรับ”

“สถานการณ์รบเป็นอย่างไร?” โหมวฮ่าวหรานถาม

เหมียวอี้ตอบสวยสีหน้าจริงจัง “ได้รับชัยชยะโดยสมบูรณ์ ปราบโจรไปได้สองล้านสองแสนกว่า เพียงแต่แค้นใจที่กำลังทหารมีน้อย จึงปล่อยให้โจรสองล้านกว่าที่เหลือหนีไปแล้ว ทัพใหญ่แดนรัตติกาลเสียหายหนักมากเช่นกัน รบตายไปเกือบสี่หมื่นขอรับ!”

สองล้านสองแสนกว่า? โหมวฮ่าวหรานพลันเบิกตากว้าง แล้วก็หรี่ตาจ้องเหมียวอี้

แม่ทัพทุกคนข้างหลังเขามองหน้ากันเลิกลั่ก

“มีเชลยศึกกับศพมาเป็นหลักฐานมั้ย?” โหมวฮ่าวหรานถาม

เหมียวอี้ส่ายหน้า “ตอนนั้นสถานการณ์คับขัน ไม่มีเวลาไปคิดถึงด้านนั้น”

โหมวฮ่าวหรานถามอีกว่า “อาศัยกำลังพลหนึ่งแสนแดนรัตติกาลของเจ้า ฆ่าโจรได้สองล้านสองแสนกว่าเชียวหรือ?”

เหมียวอี้ถอนหายใจ “โชคดีที่เผ่าเทพอสรพิษดำให้การช่วยเหลือสุดกำลัง”

โหมวฮ่าวหรานมองไปรอบๆ “แล้วคนเผ่าเทพอสรพิษดำหายไปไหนแล้ว?”

เหมียวอี้ : “ข้าน้อยก็กำลังสงสัยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเผ่าเทพอสรพิษดำไปไหนแล้ว ติดต่อไม่ได้ด้วย”

………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท