ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 477 ลู่เหยา

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 477 ลู่เหยา

บทที่ 477 ลู่เหยา

เด็กสาวผู้นั้นดูท่าน่าจะอายุประมาณแปดขวบเห็นจะได้ นางรุ่นราวคราวเดียวกับองค์รัชทายาท

ตอนนี้นางอยู่ตรงข้ามกับองค์รัชทายาท พร้อมกับถือกิ่งไม้ที่เก็บจากพื้นไว้ในมือโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใด นางมีใบหน้าที่งดงามและละเอียดเกลี้ยงเกลา แต่ใบหน้านั้นกลับแสดงออกถึงความกลุ้มใจ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สายตาสอดส่องซ้ายทีขวาทีคล้ายกับกำลังหาบางอย่าง

ดูจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ไม่เหมือนกับคนในวัง รอบกายก็ไม่มีคนรับใช้ดูแล

ไม่ใช่สตรีในวัง แล้วเหตุใดถึงปรากฏตัวอยู่ในสวนอวี้ฮวาเพียงลำพัง?

ในใจขององค์รัชทายาทเริ่มเกิดความระแวดระวัง แต่ความอยากรู้อยากเห็นที่ตามมานั้นรุนแรงยิ่งกว่า

ขณะที่เด็กสาวผู้นั้นกำลังสอดส่องมองหา องค์รัชทายาทได้ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ก่อนที่เด็กสาวจะหันกลับมา ทั้งยังรออยู่เช่นนั้นโดยที่คนผู้นั้นก็ไม่มีทีท่าจะเดินจากไป

บริเวณโดยรอบไม่มีสิ่งใดเป็นที่กำบัง องค์รัชทายาทไม่มั่นใจว่าจะเดินออกไปโดยไม่ให้อีกฝ่ายเห็นได้อย่างไร

จะต้องรอต่อไป หรือจะชิงลงมือก่อน?

“ใครอยู่ตรงนั้น?”

ยังไม่ทันที่เขาจะทำการตัดสินใจ ก็จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

องค์รัชทายาทตื่นตกใจ ก้มหน้าลงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว พลันเห็นว่าชายเสื้อของตัวเองถูกลมพัดปลิวไสวจึงทำให้ถูกจับได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีกต่อไป!

องค์รัชทายาทจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แล้วเดินออกมาอย่างองอาจ ก่อนจะเป็นฝ่ายถามคนตรงหน้าว่า “เจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงได้มาอยู่ในสวนอวี้ฮวาแห่งนี้ได้?”

เด็กสาวผู้นั้นตื่นตระหนกกับความน่าเกรงขามขององค์รัชทายาท จึงหดตัวด้วยความขลาดกลัวก่อนจะพูดว่า “ข้าชื่อลู่เหยา ข้าตามท่านแม่มาเข้าเฝ้าฮองเฮาเจ้าค่ะ”

องค์รัชทายาทไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน พยายามค้นหาชื่อนี้อยู่ในห้วงความทรงจำในชีวิตก่อนหน้านั้น แต่ก็พบว่าไม่มี จึงคิดว่าน่าจะไม่ใช่คนที่สำคัญแต่อย่างใด เขาจึงโล่งใจ

อีกทั้งตำหนักเฟิ่งฉีของตำหนักหลังอยู่ห่างไปไม่ไกลมากนัก ลู่เหยาคงจะไม่โกหก

“เจ้าตามท่านแม่มาเข้าเฝ้าฮองเฮา เหตุใดถึงไม่อยู่ในตำหนักฮองเฮาเล่า ตัวเองกลับมาเดินตรงมุมเปลี่ยวในสวนอวี้ฮวาแห่งนี้เพียงลำพัง?” องค์รัชทายาทเอ่ยถาม

เดิมทีลู่เหยามีความกระวนกระวายอยู่ในใจ ครั้นเผชิญหน้ากับคำถามขององค์รัชทายาทที่น่าเกรงขามก็ยิ่งต้องตอบ จนลืมถามว่าคนตรงหน้าคือผู้ใดไปหมดสิ้น

“ท่านแม่บอกว่าต้องการคุยเป็นการส่วนตัวกับฮองเฮา ดังนั้นเลยให้ข้าออกมาเดินเล่นเจ้าค่ะ”

น้ำเสียงของลู่เหยาแฝงไปด้วยความน้อยใจ “แต่นางกำนัลที่นำทางข้าถูกเรียกตัวไป เลยให้ข้ารออยู่ที่เดิมชั่วคราว ข้ารอนานแล้วไม่เห็นนางมาเสียที ข้าอยากกลับด้วยตัวเอง แต่กลับหลงทาง เลยทำได้แค่รอให้มีคนมาหาเท่านั้นเจ้าค่ะ”

องค์รัชทายาทเข้าใจทันที เพราะนางกำนัลผู้นั้นเห็นว่าลู่เหยาผู้นี้อ่อนแอ จึงไปทำเรื่องของตัวเอง แต่กลับลืมนางไปเสียสนิท ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะกำลังตามหาตัวอยู่ก็ได้

“ว่าแต่ ว่าแต่คุณชายล่ะเจ้าคะ มาทำสิ่งใดที่นี่?” ลู่เหยามององค์รัชทายาทด้วยแววตาสงสาร “ตามท่านพ่อท่านแม่เข้าวังมาเหมือนกันใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

องค์รัชทายาทไม่สามารถเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตัวเองได้ ชั่วพริบตาที่ถูกถามเช่นนี้ในหัวก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา แล้วพูดว่า “ข้าแซ่เซี่ยเป็นสหายขององค์รัชทายาท แค่ออกมาเดินเล่น”

ดวงตาของลู่เหยาเปล่งประกายทันที จากนั้นก็พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “เช่นนั้น คุณชายเซี่ยก็รู้ทางไปยังตำหนักของฮองเฮาเหนียงเหนียงน่ะสิเจ้าคะ ขอร้องล่ะ ช่วยนำทางข้ากลับไปได้หรือไม่? ข้ารอที่นี่มานานมากแล้ว ข้ากลัวว่าท่านแม่จะตำหนิข้าที่ไม่เจอข้าหลังจากที่คุยธุระกับฮองเฮาเสร็จ”

ความจริงแล้วองค์รัชทายาทไม่ค่อยเต็มใจนัก ถึงอย่างไรตัวเองก็แอบออกมาเดินเล่นเช่นกัน จะกล้าวางมาดนำทางผู้อื่นอีกได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้นไม่แน่ว่าตอนนี้ฮองเฮาอาจจะส่งคนออกตามหาลู่เหยาแล้วก็ได้ ถ้าตัวเองไปเจอกับคนของฮองเฮาเข้า แบบนั้นไม่เรียกว่ายกตนถวายตัวเลยหรือ?

“คุณชายเซี่ย ขอร้องนะเจ้าคะ”

ลู่เหยามองเห็นถึงความลำบากของอีกฝ่าย ท่าทางนางร้อนใจเหมือนจะร้องไห้ “ถ้าท่านไม่อยากไป ขอแค่บอกทางข้าก็พอ ถ้าท่านแม่รู้ว่าข้าเดินมั่วซั่วอยู่ในวัง ต้องลงโทษข้าเป็นแน่!”

ครั้นเห็นหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาของอีกฝ่าย เขาก็สงสารจับใจ ใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์นั้นยับยู่จนกลายเป็นซาลาเปาสีแดง ทำให้องค์รัชทายาทรู้สึกปวดหัวอยู่ไม่น้อย สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้า แล้วกล่าวว่า “ข้าจะบอกทางให้เจ้าอยู่ไกล ๆ แต่เจ้าห้ามบอกผู้อื่นว่าเจอข้าโดยเด็ดขาด”

“เจ้าค่ะ!”

ลู่เหยารีบพยักหน้าตอบรับทันที สายตามองไปยังองค์รัชทายาท

องค์รัชทายาทได้แต่ทอดถอนใจ “ตามข้ามา อย่าหลงอีกล่ะ”

ทั้งสองคนเดินตามกันไปติด ๆ องค์รัชทายาทคอยหันกลับมามองอยู่ตลอดเวลา เป็นกังวลว่าเด็กสาวที่โง่เขลาผู้นี้จะหายตัวไปอีก โชคดีที่ทุกครั้งที่หันกลับมามองก็มักจะเห็นลู่เหยาเสมอ ส่วนลู่เหยาก็มักจะส่งยิ้มโง่ ๆ ให้เขาเสมอเช่นกัน องค์รัชทายาทคลี่ยิ้ม ส่ายหน้าและเดินนำอย่างระแวดระวังต่อไป

ยิ่งทั้งสองคนใกล้ตำหนักเฟิ่งฉีมากเท่าไหร่ ในใจขององค์รัชทายาทของยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดก็เห็นชายคาสูงตระหง่านของตำหนักเฟิ่งฉี องค์รัชทายาทพลันโล่งใจ ครั้นหันกลับไปเตรียมจะบอกลาลู่เหยา ก็เห็นนางกำนัลที่มีสีหน้าร้อนใจกลุ่มหนึ่งเข้า จึงรีบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ที่สูงเสียดฟ้าต้นหนึ่ง

ครั้นลู่เหยาเห็นชายคาที่สูงตระหง่านของตำหนักเฟิ่งฉี ก็พลันดีใจกำลังจะกล่าวขอบคุณองค์รัชทายาท แต่อีกฝ่ายกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว ทั้งยังทิ้งตนให้อยู่ท่ามกลางนางกำนัลที่ไม่รู้จักอีกด้วย

“คุณหนูลู่เจ้าคะ! ในที่สุดเราก็เจอตัวท่านเสียที”

นางกำนัลที่เป็นผู้นำรีบคว้ามือลู่เหยาด้วยความตื่นเต้น ราวกับเป็นห่วงนางโดยแท้จริง

ลู่เหยาจำได้ว่านี้คือนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ข้างกายฮองเฮาผู้นั้น จึงรู้ได้ว่าฮองเฮาจะต้องทรงทราบเรื่องที่ตัวเองเดินหายไป ท่านแม่ก็จะต้องรู้แล้วเช่นกัน

ครั้นนึกได้ ลู่เหยาก็สะอื้นอย่างอดไม่ได้ นางกำนัลคิดว่านางกลัวเพราะหลงทาง จึงรีบโอบกอดร่างที่เล็กกะทัดรัดของลู่เหยาพร้อมปลอบด้วยเสียงแผ่วเบา

ลู่เหยาปล่อยให้อีกฝ่ายกอดปลอบ ทว่าความกลัวในใจกลับไม่ได้ลดลงสักเท่าไหร่นัก

องค์รัชทายาทที่ซ่อนตัวอยู่คิดว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย เมื่อเห็นนางกำนัลกลุ่มนั้นดึงดูดความสนใจของลู่เหยาได้แล้ว จึงเดินจากไปอย่างเงียบเชียบที่สุด

ขณะที่ลู่เหยาถูกนางกำนัลโอบกอด ก็เห็นชายเสื้อสีดำอันคุ้นเคย ทำให้รู้ทันทีว่าคุณชายเซี่ยที่นำทางตนเมื่อครู่ได้จากไปแล้ว

เด็กสาวพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดอย่างอดไม่ได้เพราะอยากบอกลาอีกฝ่าย แต่ครั้นนึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ให้นางบอกผู้อื่นว่าเราสองคนเจอกัน เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้ผู้อื่นรู้เรื่องนี้ เลยทำได้แค่ปล่อยวาง

นางกำนัลที่โอบกอดลู่เหยากลับคิดว่าอีกฝ่ายอยากรีบกลับวัง จึงรีบปล่อยนาง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮูหยินตู้ร้อนใจมาก รีบให้ข้าน้อยพาคุณหนูกลับโดยเร็วเจ้าค่ะ”

ลู่เหยากัดริมฝีปากพลางพยักหน้า ขณะที่ถูกอีกฝ่ายจูงมือจากไปนั้นก็อดหันกลับมามองอีกแวบหนึ่งไม่ได้ แต่ในสายตาคู่นั้นกลับไม่มีร่างเงาของคนผู้นั้นแต่อย่างใด

อีกด้านหนึ่ง องค์รัชทายาทเห็นว่าตัวเองนั้นเสียเวลาเกินไปแล้ว จึงรีบกลับไปโดยเร็ว

ในตำหนักตะวันออกมีคนของเสด็จพ่อส่งมาคอยเฝ้าระวัง ถ้าถูกอีกฝ่ายจับได้ ภาพลักษณ์ดี ๆ ที่ตัวเองได้พยายามสร้างขึ้นมาในช่วงนี้ก็คงจะพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี

เดิมทีเขาแค่ออกมาเดินเล่น เขาไม่อยากหาเหามาใส่หัวตนเองหรอก

ครั้นคิดได้เช่นนี้ องค์รัชทายาทก็เริ่มเสียใจ เหตุใดตัวเองถึงต้องพาเด็กสาวผู้นั้นกลับวังด้วย

เห็นได้ชัดว่าต่อให้ตัวเองไม่สนใจ ไม่นานนางก็ต้องถูกคนของตำหนักฮองเฮาหาเจออยู่ดี ตัวเองถูกขังอยู่ในตำหนักตะวันออกมานานแล้ว สมองเลยคิดไม่ได้เสียอย่างนั้น?

องค์รัชทายาทตำหนิพฤติกรรมที่สับสนของตัวเองไปตลอดทาง จนกระทั่งลอดผ่าน ‘ช่องโหว่’ นั้นเข้าไปในตำหนักตะวันออกโดยไร้อุปสรรคใด ๆ เขาสวมชุดคลุมยาวสีเหลืองอร่ามที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ ในใจก็พลันผ่อนคลาย

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

นั่นชายาเมื่อชาติก่อนอีกคนหนึ่งหรือเปล่านะ ลูกสาวลู่หัวกับตู้เหิงแน่ๆ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท