ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 514 กลยุทธ์ที่ผิดพลาด

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 514 กลยุทธ์ที่ผิดพลาด

บทที่ 514 กลยุทธ์ที่ผิดพลาด

องค์รัชทายาททางด้านนี้ก็ร้องโอดครวญไม่หยุด เรื่องที่ทรงแอบออกจากวังนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เมื่อเทียบกับเรื่องที่อยู่นอกวังทั้งคืน

โดยเฉพาะเรื่องอายุขององค์รัชทายาทที่ผู้คนต่างคิดว่าเขาเป็นเพียงเด็ก

ไม่ผิดหรอก องค์รัชทายาทเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าตนนั้นจะกระทำความผิดที่ต่ำช้าได้เช่นนี้

เขาเมื่อชาติที่แล้วดำรงตำแหน่งอ๋อง เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แน่นอนว่าไม่มีเรื่องที่หายไปไม่กลับมาทั้งคืน

ประการแรกคือเขายังเยาว์วัย เดิมทีไม่มีเงื่อนไขอะไรที่จะต้องออกจากพระราชวัง ประการที่สอง เป็นการฝ่าฝืนกฎของพระราชวังที่ไม่กลับมาทั้งคืน

ในตอนที่เขาออกมา ตู้เหิงก็คอยให้ความช่วยเหลืออย่างลับ ๆ จึงได้กลับมาอย่างราบรื่น แต่ตอนที่กลับมานั้นเป็นเวลากลางคืนที่เพิ่มความเข้มงวดกวดขันมากขึ้น เนื่องจากตู้เหิงตอนนั้นกำลังเมามาย จึงไม่สามารถจัดแจงแผนในขั้นตอนต่อไปได้

เรื่องวุ่นวายเช่นนี้จึงทำให้องค์รัชทายาทไม่อาจกลับตำหนักตะวันออกได้ เนื่องจากประตูพระราชวังได้ถูกลงกลอนไปแล้ว

และองค์รัชทายาทก็ไม่รู้ว่าควรจะเคียดแค้นผู้ใด

ครั้นองค์รัชทายาทเสด็จกลับมาถึงตำหนักตะวันออก ก็พบว่ามีคนขององค์จักรพรรดิรออยู่ก่อนแล้ว

องค์รัชทายาทฝืนใจเปลี่ยนเสื้อผ้าและตามคนของจักรพรรดิออกจากตำหนักตะวันออก เพื่อไปยังพระที่นั่งไท่จี๋ เวลานั้นเขาก็พบว่าเรื่องราวได้บานปลายเกินคาด

คาดไม่ถึงว่าสวีกุ้ยเฟยในฐานะแม่บุญธรรมที่คอยดูแลพระองค์จะคุกเข่าอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่าสำหรับเหตุการณ์นี้แล้ว จักรพรรดิไม่ไว้หน้าสวีกุ้ยเฟยเลยแม้แต่น้อย เช่นนี้สามารถกล่าวได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ

“คารวะเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อองค์รัชทายาทเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า จึงตระหนักได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเวลาต่อไป องค์รัชทายาทคำนับองค์จักรพรรดิด้วยความจริงใจ หลังจากนั้นก็ไปยืนบริเวณด้านหลังห่างจากสวีกุ้ยเฟยที่คุกเข่าก้มหน้าอยู่เล็กน้อย

ถึงแม้ว่าสวีกุ้ยเฟยจะมีตำแหน่งไม่เท่าองค์รัชทายาท แต่ในท้ายที่สุดนางก็เป็นคนในครอบครัวของเขา เนื่องด้วยเหตุนี้แล้ว องค์รัชทายาทจึงยืนห่างจากนางเพียงเล็กน้อย

“สร้างเรื่องอะไรมา?”

พระองค์ตรัสด้วยพระพักตร์ดุดัน เหตุการณ์เช่นนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าไฟโทสะขององค์จักรพรรดิอีกแล้ว

“ทูลเสด็จพ่อ…เมื่อคืนกระหม่อมเกิดความอยากรู้อยากเห็น จึงแอบหนีออกจากวังพ่ะย่ะค่ะ” ระหว่างทางกลับองค์รัชทายาทคิดข้อแก้ตัวมากมาย แต่เมื่อคิดไปคิดมาท้ายที่สุดก็เอ่ยความจริง

เขาเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเซี่ยเชียนเองก็จะอยู่ที่นี่ด้วย

เซี่ยเชียนในฐานะพระราชครู ถึงแม้ว่าจะไม่มีอำนาจใด ๆ แต่ก็มีความเกี่ยวข้องในฐานะผู้บัญชาการหน่วย

องค์จักรพรรดิมองหน้าองค์รัชทายาท “เหตุใดจึงไม่กลับมา?”

“ทูลเสร็จพ่อ…เป็นเพราะกระหม่อมเห็นแก่ความสนุกสนาน เมื่อวานในตอนที่กลับมาก็พบว่าประตูพระราชวังถูกลงกลอนแล้ว อยู่ด้านนอกตลอดทั้งคืน เช้าวันนี้จึงจะเข้ามาได้พ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทระมัดระวังในคำพูดเป็นอย่างมาก หวาดกลัวว่าจักรพรรดิจะกริ้วกว่านี้ถ้าเขากล่าวอะไรผิดไป

เซี่ยเชียนมององค์รัชทายาท ปกติจะได้รับการปฏิบัติด้วยความเอาอกเอาใจเสมอ ตามที่เด็กชายกล่าวว่าอยู่ข้างนอกตลอดทั้งคืน โดยปกติแล้วสีหน้าจะไม่ดีเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะล้างหน้าล้างตาแล้ว แต่เมื่อพิจารณาดูก็สามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่าเขาพักผ่อนมาอย่างดี ไม่ได้รับมือกับความยากลำบากอะไร

“ประตูพระราชวังเปิดเวลาใด และเจ้ากลับมาเมื่อไร!”

เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิไม่ปล่อยให้องค์รัชทายาทได้ผ่อนคลาย หลังจากที่องค์รัชทายาทตอบ องค์จักรพรรดิก็ตอบสนองต่อปัญหานั้นทันที สีหน้าไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่น้อย

ในสายตาขององค์จักรพรรดิ หากทำสิ่งใดผิดไปยังสามารถสั่งสอนได้ แต่หากทำผิดแล้วคิดแก้ตัว แสดงว่าความประพฤติมีปัญหา

โดยปกติองค์จักรพรรดิจะยุ่งอยู่กับงานราชการ ถึงแม้ว่าองค์รัชทายาทจะสายไปหนึ่งชั่วยามครึ่ง ฝ่าบาทก็ไม่มีทางรับรู้ แต่สองวันนี้คือเวลาพักผ่อน

ตอนที่องค์จักรพรรดิตื่นบรรทมขึ้นในตอนเช้ายังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเรื่องนี้ อีกทั้งเมื่อวานยังร่ำสุรากับเซี่ยเชียน เมื่อพระองค์รู้ว่าสวีกุ้ยเฟยมารอตนเอง หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าเขาจึงร่วมรับประทานอาหารเช้ากับนาง

เรื่องนี้นับว่าเป็นการชดเชยให้แก่นาง

เพียงแต่ในเวลานี้องค์รัชทายาทจะต้องมาเข้าเฝ้าแล้ว หลังจากนั้นก็จะไปศึกษาเล่าเรียนต่อ

แต่เช้าวันนี้องค์รัชทายาทกลับไม่ได้มาเข้าเฝ้า ทำให้องค์จักรพรรดิรู้สึกแปลกใจ จึงคิดว่าเมื่อวานพระองค์ต้องแอบออกไปเที่ยวเล่นจนดึกดื่น และไม่ได้ถือสาอะไร

ทว่าหลังจากที่ได้ยินผู้ใต้บังคับบัญชาทูลว่าสวีกุ้ยเฟยกำลังตามหาใครสักคน เมื่อเข้าไปสอบถามจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนองค์รัชทายาทไม่ได้กลับวัง

องค์รัชทายาทรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่อาจโกหกได้อีกต่อไป “ที่จริงแล้วเมื่อคืนหม่อมฉันจะออกไปหาพี่หลินซือพ่ะย่ะค่ะ”

เรื่องที่พระองค์ชอบหลินซือในตอนนี้ไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป แต่องค์จักรพรรดิคาดไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทจะเอ่ยถึงตระกูลหลินต่อหน้าเซี่ยเชียนขึ้นมาเช่นนี้

“เมื่อวานฝ่าบาทพักที่จวนตระกูลหลินหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เซี่ยเชียนขมวดคิ้ว “ตระกูลหลินมิใช่ผู้ไม่รู้กฎเกณฑ์ที่จะให้องค์รัชทายาทกลับมาตัวคนเดียวโดยไม่เห็นแก่องค์จักรพรรดิ”

เซี่ยเชียนรู้ว่าหลังจากเกิดเรื่องราวกับองค์รัชทายาทเช่นนี้ ถึงแม้ว่าหลินซือจะคิดว่านี่เป็นแค่เพียงเรื่องตลก แต่เหยาซูและหลินเหราก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้อะไรเลย ในสถานการณ์เช่นนี้ ต้องมาแจ้งพระราชวังก่อนเป็นแน่

องค์รัชทายาทนิ่งไป เขาไม่สามารถเอ่ยเรื่องที่เมื่อวานตนเองอยู่กับลู่เหยาได้ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เพราะเรื่องการกบฏของตระกูลลู่ จึงไม่สามารถมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับตนได้

มากไปกว่านั้น เรื่องที่พระองค์อยู่ที่จวนตระกูลลู่ คนของตระกูลลู่เองก็ยังไม่กระจ่างในเรื่องนี้นัก

ตู้เหิงรู้ว่าองค์รัชทายาทนั้นมาเล่นกับบุตรีของตน แต่เนื่องด้วยความมึนเมาของตน จึงไม่ได้จัดการเรื่องนี้ และในส่วนของลู่หัวเองก็คิดแต่เรื่องตู้เหิง จึงไม่ได้คำนึงถึงเด็กทั้งสอง

ลู่เหยารู้ว่าองค์รัชทายาทนั้นอยู่ที่จวนของตนเอง แต่เด็กหญิงอายุน้อยกว่าเขาเพียงแค่หนึ่งปี จึงไม่ค่อยจะเข้าใจต่อเหตุการณ์นี้นัก

เด็กหญิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองค์รัชทายาทจะต้องกลับวังในตอนกลางคืน จึงไม่ได้เอ่ยเตือนพระองค์

ส่วนสาวใช้ของตระกูลลู่น่ะหรือ?

เวลานั้นลู่เหยาต้องการจะปิดบังตัวตนขององค์รัชทายาทจึงไม่ได้บอกว่าเขาเป็นคุณชายจากตระกูลใด และด้วยเหตุนี้ สาวใช้ในบ้านจึงคิดว่าเขาเป็นเพื่อนเล่นของลู่เหยา จึงไม่ได้คิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น

แต่เขาควรจะสารภาพเรื่องของลู่เหยาในเวลานี้หรือไม่?

องค์รัชทายาทก็ยังมีมโนธรรมอยู่บ้างเล็กน้อย จึงไม่พูดถึงเรื่องของเด็กหญิงตัวน้อย

แต่สิ่งที่เขากล่าวนั้นก็ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน สามารถกล่าวได้ว่าหลายปีมานี้ตระกูลหลินมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์ตลอด และไม่อาจทำสิ่งใดทำให้คนจับต้องเรื่องนี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยเชียที่นั่งอยู่ที่นี่ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับตระกูลหลิน

เช่นเดียวกับที่เซี่ยเชียนดูเหมือนจะให้เหตุผลทุกอย่างกับตระกูลหลินในตอนนี้ แต่เรื่องราวมันกลับเป็นเช่นนี้จึงฟังดูไม่มีน้ำหนักนัก

“ถ้ากระหม่อมจำไม่ผิด สหายของฝ่าบาทก็ไม่ได้กลับบ้านตระกูลหลินนี่พ่ะย่ะค่ะ”

เหตุใดองค์จักรพรรดิจึงลืมเรื่องนี้ไปได้ ด้วยเหตุนี้แล้วเมื่อวานพระองค์จึงยื้อให้เซี่ยเชียนอยู่ต่อ

………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

โป๊ะแล้วองค์รัชทายาท จะหาข้อแก้ตัวอะไรมาพูดดี

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน