ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 610 สหายเก่า

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 610 สหายเก่า

บทที่ 610 สหายเก่า

หลังจากรับหยกมาจากมือของกู้อันผิงแล้ว อวี้อวี้ก็นำหยกชิ้นนั้นไปตรวจสอบกลางแดด จากนั้นก็นำแว่นขยายของตัวเองมาส่องดูภายในอย่างละเอียดอีกครั้ง เรื่องอื่นเขาไม่เคยใส่ใจ มีแค่เรื่องหยกเท่านั้นที่เขาค่อนข้างเข้มงวด

หยกชิ้นไหนควรค่าแก่สิ่งของแบบไหน เขาสามารถมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง จากนั้นจึงค่อยให้ลูกน้องไปทำต่อ พูดได้ว่าละเอียดรอบคอบทุกขั้นตอนเลยทีเดียว

“ยอดเยี่ยมมาก” ครั้นได้ยินคำพูดของอวี้อวี้ กู้อันผิงดีใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่าเขาจะลงจากภูเขามาไม่นาน แต่เขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตของที่นี่ได้ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านฝีมือ แม้ว่าจะไม่เคยทำเครื่องหยกจริง ๆ มาก่อน แต่เมื่อเห็นหินหยกธรรมดากลายเป็นเครื่องหยกที่มีราคาแพง เขาพึงพอใจอย่างมาก

“พี่ใหญ่กู้ พี่ปรับตัวกับที่นี่ได้แล้วใช่หรือไม่?” ไป๋หรูปิงเห็นกู้อันผิงก็อดเปล่งเสียงถามออกไปไม่ได้

ก่อนออกเดินทาง เอ้อเป่าได้แจกแจงงานโดยละเอียดไว้กับนาง นางจะทำงานลวก ๆ ไม่ได้เด็ดขาด นางรู้ว่ากู้อันผิงมีพระคุณต่อเอ้อเป่า ดังนั้นนางจึงต้องสนิทกับเขาให้มากขึ้น

“คุณหนูไป๋ เจ้ามาแล้ว” หลังจากที่หลินซือยกกู้อันผิงให้กับอวี้อวี้ กู้อันผิงจึงต้องอยู่ในสายตาของไป๋หรูปิงเป็นธรรมดา

ถึงอย่างไรร้านขายหยกก็เป็นร้านของทั้งสองคน ไม่ว่านางจะตัดสินใจอย่างไรล้วนแต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากไป๋หรูปิง

ดังนั้นกู้อันผิงจึงรู้จักไป๋หรูปิง ครั้นเห็นนาง เขาจึงดีใจเช่นกัน

“อื้อ ช่วงนี้เอ้อเป่าไม่อยู่ ข้าต้องมาดูสถานการณ์หน่อย ถ้าพี่ใหญ่กู้ไม่สบายใจตรงไหน รีบบอกข้าทันทีนะเจ้าคะ”

“ข้าเป็นชายหยาบช้า มีข้าวมีเตียงให้หลับนอนก็ดีมากแล้ว ไม่มีอะไรไม่สบายใจหรอก อีกอย่างที่นี่ก็ดี ข้าอยู่อย่างสุขสบาย ต้องขอบคุณเจ้าและหลินซือถึงจะถูก”

กู้อันผิงพูดไม่เก่ง พูดไปพูดมาก็ไม่พ้นคำพูดเหล่านี้ แต่ก็ทำให้ได้เห็นความสุขของเขา

“เช่นนั้นก็ดี ต่อไปไม่ว่าพวกท่านจะเจอะเจอกับสิ่งใด มาหาข้าได้ทุกเมื่อเห็นพวกท่านยุ่ง ๆ เช่นนั้นข้าไม่กวนพวกเจ้าแล้ว” ครั้นเห็นทั้งสองคนกำลังยุ่ง ไป๋หรูปิงก็เดินออกจากลานหลังบ้านไป

ว่ากันว่าอวี้อวี้คือบุคคลที่น่าอัศจรรย์มาก ยามที่เขาพูดคุยกับไป๋หรูปิงกลับดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก สำหรับไป๋หรูปิง อวี้อวี้คือผู้ที่สามารถแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้ผู้คนมากมายต่างพากันอิจฉาก็เท่านั้น

“ผู้ดูแล ช่วงนี้อาจารย์อวี้อวี้ทำเครื่องประดับหยกลายใหม่ ท่านอยากดูหรือไม่?”

ลูกจ้างในร้านเดินเข้ามาพูดกับไป๋หรูปิง

“ไปดูสิ”

“ขอรับ” ขณะพูด ลูกจ้างในร้านก็พาไป๋หรูปิงเข้ามายังโกดังเก็บสินค้า

สิ่งของที่อยู่ภายในโกดังเก็บสินค้าล้วนแต่เป็นเครื่องประดับหยกที่ยังไม่ทันได้นำออกไปวางบนชั้นวางสินค้า ภายในไม่เพียงแต่จะมีผลงานชิ้นเอกของอวี้อวี้แล้ว ยังมีผลงานของไป๋หรูปิงและหลินซือที่แกะสลักออกมาภายใต้การชี้แนะของอวี้อวี้อีกบางส่วนด้วย

แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่อวี้อวี้ก็บอกว่าพวกนางเสมอว่าขายได้ ซึ่งพวกนางก็เห็นด้วย

“ผู้ดูแลร้าน นี่คือเครื่องประดับหยกที่อาจารย์อวี้อวี้รังสรรค์สร้างมันออกมา”

ลูกจ้างในร้านหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาเปิดให้ไป๋หรูปิงได้ตรวจสอบ

ภายในล้วนแต่เป็นเครื่องประดับหยกที่งดงามไร้ที่ติ ดวงตาของไป๋หรูปิงเบิกกว้าง พรสวรรค์ของอวี้อวี้เก่งกาจยิ่งกว่าที่นางและเอ้อเป่าจินตนาการไว้เสียอีก

ไม่เพียงแต่จี้หยก ปิ่นปักผม ต่างหู และบรรดาเครื่องประดับที่ใช้ในชีวิตรประจำวัน อวี้อวี้ยังแกะสลักแหวนและสร้อยคออะไรทำนองนั้นอีกด้วย ต้องรู้ว่าบริเวณที่น่ากลัวที่สุดของหินหยกคือความยืดหยุ่นของตัวหยก แต่อวี้อวี้สามารถใช้ประโยชน์จากรอยแตกหักระหว่างหยกได้อย่างชาญฉลาด จากนั้นก็ใช้ลวดเงินมาพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ประดิดประดอยขึ้นมาเป็นสร้อยหยกอันงดงาม ลายบุปผาและวิหคด้านบนถูกแกะออกมาอย่างประณีต ทำให้ไป๋หรูปิงไม่สามารถตั้งราคาได้

จึงให้ลูกจ้างเก็บของชิ้นนั้นไว้ จากนั้นไป๋หรูปิงก็เดินออกจากโกดังเก็บสินค้าไป

ระหว่างที่กำลังนั่งดื่มชาร้อนบนเก้าอี้ สายตาของนางได้ไล่ตรวจสอบบัญชีในช่วงนี้อย่างละเอียด

แม้ว่าจะไม่เคยเปิดร้านมาก่อน แต่เรื่องภายในนางได้เรียนรู้มาจากมารดาของตัวเอง ดังนั้นเรื่องบัญชีไม่ถือว่าเป็นเรื่องยากลำบากกับไป๋หรูปิงนัก

ความจริงแล้วช่วงแรกเริ่มนางค่อนข้างเป็นกังวลอย่างมาก ถึงอย่างไรสถานที่เปิดร้านหยกอวี้ฝูก็ได้รับการเลือกอย่างดี แต่คาดไม่ถึงว่าการปรากฏตัวของอวี้อวี้จะทำให้ร้านหยกอวี้ฝูมีชื่อเสียงโด่งดังเพียงนี้ นางชื่นชมเอ้อเป่าจริง ๆ

ตอนแรกถ้าไม่ใช่เพราะเอ้อเป่ายืนหยัดจะตามหาตัวอวี้อวี้ เกรงว่าร้านหยกอวี้ฝูคงไม่เดินมาไกลจนถึงตอนนี้

ร้านหยกอวี้ฝูมีฝูงชนแวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย กิจการก็ดำเนินไปด้วยดี ยิ่งไป๋หรูปิงได้เห็นภาพนี้ ก็ยิ่งเบิกบานใจ

แค่นี้ หลังจากนี้ก็รอให้หลินจื้อมาหานาง

ในตอนที่หลินจื้อมาถึง ไป๋หรูปิงกำลังปรึกษหารือเรื่องราคาสินค้ากับลูกจ้างอยู่พอดี

ถึงอย่างไร เครื่องประดับหยกใหม่ทุกชิ้นก็ต้องนำมาออกมาตั้งราคา แต่ถ้าให้ไป๋หรูปิงและหลินซือมาทำเรื่องเหล่านี้ อาจจะมีความโลเลก็เป็นได้ ดังนั้นไป๋หรูปิงและหลินซือจะมอบสิทธิ์นี้ให้แก่อวี้อวี้

เขาคือคนที่เข้าใจเรื่องหยกที่สุด ดังนั้นจึงให้เขามาตั้งราคา พวกนางน่าจะวางใจกว่า

“ศิษย์น้อง”

“ศิษย์พี่ ท่านมาแล้ว” ครั้นเห็นหลินจื้อมาถึงร้าน ไป๋หรูปิงให้ลูกจ้างนำบัญชีไปเก็บ

“อื้อ เสร็จเรื่องแล้วใช่ไหม? เราจะได้กลับบ้านกัน”

“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋หรูปิงเดินมาตรงหน้าของหลินจื้ออย่างช้า ๆ พลางเอ่ยด้วยสีหน้าเบิกบานใจ

ราวกับว่าหลังจากได้อยู่กับเอ้อเป่า นิสัยของนางค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปมากขึ้น

“งั้นเราไปกันเถอะ” หลังจากที่หลินจื้อเห็นไป๋หรูปิงเข้ามาใกล้ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป ไป๋หรูปิงจึงรีบเดินตามเขาไป

“ศิษย์น้อง วันนี้เป็นความผิดของข้า เราตกลงกันแล้วว่าจะพาเจ้าเดินเที่ยว แต่เดินได้เพียงครึ่งทางก็ต้องทิ้งเจ้าไว้กลางทางเสียแล้ว”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเองก็มีเรื่องต้องไปทำเช่นกัน อีกอย่างศิษย์พี่มีภารกิจต้องไปทำจริง ๆ ไม่ใช่หรือ?”

“แน่นอน”

“เห็นไหม ดังนั้นข้าไม่เป็นไร ข้ารู้ดีว่าศิษย์พี่ไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นศิษย์พี่ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกเจ้าค่ะ”

“ก็ได้” ครั้นได้ยินคำพูดของไป๋หรูปิง หลินจื้อก็ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมา

ศิษย์น้องคือคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีที่สุด เขาถึงได้ชอบนาง นั่นคือเรื่องที่โชคดีที่สุดในชีวิต

“ศิษย์พี่ เอ้อเป่าจะกลับมาเมื่อไรหรือ?”

“คาดว่าน่าจะยังอีกพักใหญ่” ครั้นหลินจื้อได้ยินชื่อของเอ้อเป่า สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเข้มงวดทันใด

ภารกิจที่เขาต้องไปทำวันนี้ คือการไปรับข่าวที่เจี่ยงเถิงส่งกลับมา

แต่เรื่องนี้ไม่สามารถเปิดเผยออกไปได้ ทำได้แค่เฝ้ามองว่าเจี่ยงเถิงทางนั้นจะเคลื่อนไหวอย่างไร ส่วนเขาทางนี้ก็ค่อยวางแผนกันต่อไป

แต่หลินจื้อเต็มไปด้วยความโกรธเคือง คนพวกนั้นกล้าแตะต้องเอ้อเป่า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียแล้ว

“แบบนี้นี่เอง ข้าอยากปรึกษาเกี่ยวกับร้านหยกอวี้ฝูกับเอ้อเป่าแล้วสิ”

“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อนหรอก รอให้เอ้อเป่ากลับมาก็ยังทัน”

“ก็จริง ศิษย์พี่ ถ้าท่านมีเวลาว่างช่วยพาข้าไปดูเรือนพักพิงผู้ยากไร้หน่อยได้หรือไม่ เอ้อเป่าบอกให้ข้าแวะไปดูบ้าง แต่ข้าไม่รู้ที่ตั้งของเรือนพักพิงแห่งนั้น” ถึงกระนั้นไป๋หรูปิงก็เป็นสตรี นางไม่ควรไปเรือนพักพิงผู้ยากไร้มากเกินไป มิเช่นนั้นอาจจะนำมาซึ่งผลกระทบที่ไม่ดีมาให้หลินจื้อก็ได้

หลินจื้อเข้าใจความคิดของไป๋หรูปิง จึงรีบตอบรับ จากนั้นก็พาไป๋หรูปิงไปส่งจวนไป๋ แล้วค่อยไปเยี่ยมเยือนอาจารย์ก่อนกลับ

หลังจากมีการหมั้นหมายกับศิษย์น้อง เขาก็คอยช่วยเรื่องสำนักบัณฑิตฮั่นหลินมาโดยตลอด ไม่มีเวลามาเยี่ยมเยือนอาจารย์ เขาช่างเป็นศิษย์ที่ไม่ดีเอาเสียเลย

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท