ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 627 ราชสำนักมีการเคลื่อนไหวมาก

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 627 ราชสำนักมีการเคลื่อนไหวมาก

บทที่ 627 ราชสำนักมีการเคลื่อนไหวมาก

เจี่ยงเถิง “ได้แบ่งเบาความกังวลใจของฝ่าบาท นับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

“ครานี้เจ้าปฏิบัติภารกิจได้อย่างราบรื่นมาก ข้าปลื้มใจยิ่งนัก เจ้าอยากได้สิ่งใดเป็นรางวัลบอกข้าได้ทันที ตราบใดที่ข้าพึงใจ เจ้าจะพึงใจแน่นอน”

“กระหม่อมไม่ต้องการสิ่งใด”

“เช่นนี้ เจ้าออกไปเถอะ ให้ข้าได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ว่าควรจัดการอย่างไร ถึงกระนั้นก็เกี่ยวข้องกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนัก ถ้ามีการเคลื่อนไหวมากเกินไป เกรงว่าราชสำนักอาจจะไม่สงบได้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าไปเรียกเซี่ยเชียนมาให้ข้า” องค์จักรพรรดิมองเจี่ยงเถิงที่จากไป ก่อนจะตรัสสั่งผู้ติดตามข้างกาย

“พ่ะย่ะค่ะ”

“กระหม่อมขอคารวะองค์จักรพรรดิพ่ะย่ะค่ะ”

“ลุกขึ้นเถอะ พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องสำคัญจะพูดกับอาจารย์เซี่ย”

“พ่ะย่ะค่ะ” ทุกคนต่างออกไป เหลือไว้แต่เซี่ยเชียนและองค์จักรพรรดิเพียงสองคน

“ไม่ทราบว่าที่ฝ่าบาททรงเรียกกระหม่อมมามีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เซี่ยเชียนยังแสดงท่าทีอ่อนน้อมด้วยความเคารพ เหมือนจะมีแค่สถานะองค์จักรพรรดิและขุนนางระหว่างองค์จักรพรรดิกับเขาเท่านั้น

“มีเรื่องอยากคุยด้วย ข้าให้เจี่ยงเถิงไปตรวจสอบเรื่องเกลือมิใช่หรือ? เขากลับมาแล้ว จัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างราบรื่นมาก เจ้าดูเนื้อหาในนี้สิ มันทำข้าตกใจยิ่งนัก” องค์จักรพรรดิโยนสมุดพับที่ถืออยู่ในมือไปให้เซี่ยเชียน “ไม่อ่านไม่รู้จริง ๆ นะ พออ่านก็ต้องตกใจ ในราชสำนักของข้ามีความละโมบโลภมากมากมายขนาดนี้ การประพฤติมิชอบ ฉ้อโกง เจ้าว่าข้าเมตตาเกินไปใช่ไหม จึงทำให้ขุนนางเหล่านี้กล้าหาญมากถึงเพียงนี้”

เซี่ยเชียนรับสมุดพับนั้นมาอ่านอย่างละเอียด แม้ว่าเนื้อหาในนั้นจะไม่มากมายนัก แต่ทุกถ้อยคำล้วนบ่งชี้ไปถึงขุนนางในราชสำนักผู้หนึ่ง และเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนไม่น้อยอย่างแท้จริง

ครานี้เจี่ยงเถิงได้ขุดไปถึงรากลึก มิเช่นนั้นก็คงไม่มีทางขุดเอาเรื่องของคนเหล่านี้ออกมาได้

“ฝ่าบาททรงเมตตาคือเรื่องดี เพียงแต่คนเหล่านี้โลภไม่รู้จักพอเกินไป”

“เช่นนั้นเจ้าควรทำอย่างไร? ข้าไม่สามารถลงโทษพวกเขาทั้งหมดได้ อีกทั้งเจี่ยงเถิงนั้นก็อีกคน ข้าไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร คนเหล่านี้ในรายชื่อพวกนี้ มีหลายคนที่สนิทสนมกับข้า เรื่องที่พวกเขากระทำ ข้าจะไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด”

เซี่ยเชียนได้ยินคำกล่าวขององค์จักรพรรดิ ก็รู้ทันทีว่าองค์จักรพรรดิเกิดความสงสัยในตัวเจี่ยงเถิงแล้ว ถึงกระนั้นเจี่ยงเถิงก็ไม่ได้มีภูมิหลังครอบครัวที่ดีนัก

ขุนนางในราชสำนักมากมายเหล่านี้ต่างก็ไม่ได้รับการตรวจสอบ แต่เจี่ยงเถิงสามารถตรวจสอบออกมาได้เพียงเวลาสั้น ๆ ช่างน่าสงสัยยิ่งนัก

แต่เจี่ยงเถิงคนนั้นคือผู้ที่เซี่ยเชียนเห็นพัฒนาการของเขามาตลอด ย่อมรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนแบบนี้

เพียงแต่ตอนนี้องค์จักรพรรดิกำลังกริ้ว ต้องการระบายอารมณ์ของตนเท่านั้น แค่เซี่ยเชียนเข้าใจองค์จักรพรรดิ หากตอนนี้ความสงสัยของเจี่ยงเถิงยังไม่ได้รับการชี้แจ้งให้กระจ่าง เกรงว่าต่อไปคงเป็นการยากที่จะได้รับความไว้วางใจให้ปฏิบัติภารกิจสำคัญขององค์จักรพรรดิ

“เท่าที่กระหม่อมเห็น ใต้เท้าเจี่ยงปฏิบัติภารกิจนี้ได้เป็นอย่างดีนะพ่ะย่ะค่ะ”

“เหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนี้?”

“เหตุใดฝ่าบาททรงไม่ตริตรอง หากไม่มีใต้เท้าเจี่ยง ฝ่าบาทจะทรงคิดหรือไม่ว่าขุนนางเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และทรงคิดที่จะมอบหมายภารกิจสำคัญบางอย่างให้พวกเขาไปทำอีกหรือไม่ หากพวกเขาปฏิบัติได้อย่างจริงใจก็แล้วไป แต่หากไม่จริงใจ นั้นคือหายนะอย่างใหญ่หลวง”

“แต่คนมากมายเพียงนี้ เจ้าคิดจะลงโทษพร้อมกันรึ?”

“ไม่จำเป็นแน่นอน หากลงโทษสถานหนักคงทำไม่ได้ แต่หากสถานเบา เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่ทรงลงโทษค่อยเป็นค่อยไปแล้วปล่อยไปละพ่ะย่ะค่ะ ประการแรก เพื่อความมั่งคงในโครงสร้างของราชสำนัก รอขุนนางคนใหม่เข้ามารับหน้าที่ ถึงตอนนั้นก็ค่อยลงโทษอีกครั้ง ประการที่สอง นับว่าเป็นความกรุณาของฝ่าบาทอย่างแท้จริง จึงประทานโอกาสนี้แก่พวกเขา ขุนนางเหล่านั้นจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างสุขุมรอบคอบ คงไม่กล้าแอบอู้กินแรงผู้อื่นอีกแน่นอน”

“ที่เจ้าพูดนับว่าเป็นวิธีการที่ดี แต่ใครจะเป็นคนลงไปจัดการเรื่องนี้ล่ะ? ถ้าเป็นผู้อื่นข้าไม่วางใจ เช่นนั้น ขุนนางเซี่ย ข้ามอบหมายเรื่องนี้ให้เจ้าไปจัดการดีไหม?”

ในใจขององค์จักรพรรดิ เขายังเป็นเซี่ยเชียนผู้มีคุณธรรม ดังนั้นเรื่องเหล่านี้ คนแรกที่เขานึกถึงคือเซี่ยเชียน

“ได้รับความกรุณาจากองค์จักรพรรดินับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง กระหม่อมก็อายุมากแล้ว ไม่สามารถดำเนินพระราชโองการนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้ มิสู้ฝ่าบาททรงเลือกเด็กหนุ่มเลือดร้อนสักคนดีกว่า แบบนี้จะทำให้เหล่าขุนนางทุกคนได้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนบุคคลที่มีความสามารถได้เลื่อนขั้นของฝ่าบาทด้วย”

เดิมทีเซี่ยเชียนไม่ยอมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องในราชสำนัก ครานี้ถ้าไม่ใช่เพราะองค์จักรพรรดิเรียกเขามา เขาก็คงตัดสินใจไม่ถาม

การเอาตัวรอดอย่างมีสติ เป็นสิ่งเดียวที่เขาได้เรียนรู้จากชีวิตของเขาเอง

“เช่นนี้ ข้าก็ไม่บังคับ”

แม้ว่าเซี่ยเชียนจะปฏิเสธ แต่องค์จักรพรรดิก็ไม่ได้ขุ่นเคือง

พอตัวเองมีพระชนม์มากขึ้น อารมณ์ก็ค่อย ๆ ลดลงทุกวัน ต้องจัดการงานหลวงที่ค่อนข้างหนักหน่วงในทุกวัน ไฉนเลยจะอารมณ์ดีเช่นนั้น ส่งผลให้ทรงกริ้วได้ทุกวี่ทุกวัน

คนรอบตัวที่ตัวเองไว้วางใจกลับลดน้อยลงไปทุกที ทุกครั้งที่ได้เจอเซี่ยเชียนในใจขององค์จักรพรรดิมักจะสงบลงเสมอ

“หากฝ่าบาททรงไม่มีเรื่องอันใดแล้ว เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวลา”

“ไปเถอะ”

ไม่มีการเอ่ยรั้ง องค์จักรพรรดิรู้ความหมายของเซี่ยเชียน เขายินยอมเคารพการตัดสินใจของเซี่ยเชียน บางทีนี่อาจเป็นเรื่องเดียวที่ไม่อยากบังคับเซี่ยเชียนก็ได้

หลังจากเซี่ยเชียนออกจากห้องทรงอักษรได้ไม่ทันไร ก็ให้คนติดตามข้างกายรีบนำจดหมายไปส่งให้กับเจี่ยงเถิงทันที บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องทรงอักษรทั้งหมด จากนั้นตัวเองก็กลับมายังจวนเซี่ยตามเดิม

หลินเซินเด็กคนนั้น ครั้นได้ยินว่าหลินซือจะกลับมาวันนี้ จึงรีบอ้อนวอนให้เขาพาตนกลับจวนหลินไปเจอพี่สาวของตัวเอง เซี่ยเชียนเห็นว่าช่วงนี้หลินเซินตั้งใจศึกษาร่ำเรียน วิชาการต่อสู้ก็ไม่เลวจึงตอบตกลงไป

หลังเลิกเรียนก็เตรียมจะกลับ ใครจะไปรู้ว่าจะถูกองค์จักรพรรดิเรียกตัวกะทันหัน จึงได้ล่าช้าไปช่วงหนึ่ง

ครั้นคิดได้ว่าอาเซินคงจะรออยู่ในจวนอย่างร้อนรน ฝีเท้าของเซี่ยเชียนก็เร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่เดินมาถึงหน้าประตูวังก็เห็นรถม้าในจวนของตนจอดอยู่

อวี้จือได้ชะโงกหน้าออกมา เห็นเซี่ยเชียนออกมาแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าจึงค่อย ๆ กว้างขึ้น

“อาจารย์ ข้าอยู่นี้”

“อื้อ” เซี่ยเชียนพยักหน้า แล้วเดินไปยังรถม้าของตัวเอง

“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” เซี่ยเชียนมองอวี้จือ เขาคาดไม่ถึงว่าอวี้จือจะมารับเขา เด็กคนนี้สดใสร่าเริงมาก คนทั่วไปคงเอือมระอากับเขาไม่ได้

“อาเซินต้องกลับจวนหลินไม่ใช่รึ? อยู่จวนก็เอาแต่รำพันตลอด ข้าได้ยินเขารำพันอย่างร้อนรน จึงให้เขาเตรียมข้าวของให้เรียบร้อย ข้ามารับอาจารย์ เราจะได้ไปด้วยกัน”

อวี้จือเอ่ยกับเซี่ยเชียนอย่างจริงจัง ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับความคิดที่ยอดเยี่ยมนี้ของตัวเอง

“เจ้ามีไหวพริบยิ่งนัก” ครั้นเห็นอวี้จือ เซี่ยเชียนก็ไม่พูดสิ่งใดอีก ให้รถม้าเร่งความเร็ว อาเซินจะต้องออกมารอหน้าประตูแล้วอย่างแน่นอน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

องค์จักรพรรดิจะตัดสินใจจัดการกับเรื่องนี้ยังไรกันนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท