ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 633 มีเรื่องอยากคุยกับเจ้าพอดี

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 633 มีเรื่องอยากคุยกับเจ้าพอดี

บทที่ 633 มีเรื่องอยากคุยกับเจ้าพอดี

“เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน”

ครั้นรู้ว่าสิ่งของที่ตัวเองหามามีประโยชน์ใช้งานได้จริง หลินซือก็ลอบดีใจอย่างมากในใจ การออกเดินทางครานี้นางได้รับประสบการณ์อย่างเต็มเปี่ยม

หลังจากนั้น หลินซือก็ไปดูสถานการณ์ในตอนนี้ของเรืองพักพิงเล็กน้อย ทุกคนต่างได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ในตอนที่เห็นหลินซือ ทุกคนต่างก็เข้ามากล่าวทักทายหลินซือย่างกระตือรือร้น ทำให้หลินซือรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

กำลังของนางเพียงผู้เดียวคงน้อยเกินไป แต่ถ้าให้ทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน กำลังก้อนนี้ก็คงจะยิ่งใหญ่ขึ้น

“พวกเจ้าจะออกเดินทางกันเมื่อไร?” หลังจากลงมติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดลำดับต่อไปคือเวลา

“คงจะอีกพักใหญ่กระมัง ช่วงนี้เมืองหลวงยังไม่สงบ” กู้ผิงอันพูดกับหลินซือ

อวี้อวี้อยู่แกะสลักหยกอยู่ในลานกว้างหลังร้านหยกอวี้ฝูทุกวัน เดิมทีไม่สนใจเรื่องภายนอกอยู่แล้ว แต่แตกต่างกับกู้อันผิง เขามักจะออกไปเดินดูสถานการณ์ข้างนอกเสมอ

“ทำไมเหรอ?”

หลินซือก็ไม่รู้เช่นกัน ถึงกระนั้นนางก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวนหลินตลอดหลังจากกลับมาจากการเดินทางกับเจี่ยงเถิง คนที่นางมักจะมีปฏิสัมพันธ์ด้วยก็มีแต่ครอบครัวและสาวใช้ แต่ก็ไม่มีใครบอกเล่าเรื่องเหล่านี้กับนางมากนัก

“เจ้ายังไม่รู้ใช่ไหม?”

“อะไร?”

“การลาดตระเวนของน้องเจี่ยงในครานี้ พบว่ามีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างโจรและขุนนางในราชสำนัก ทั้งยังไม่ใช่แค่คนสองคนด้วย ดังนั้นช่วงนี้เมืองหลวงจึงมักมีขุนนางบุกค้นจวนและยึดทรัพย์เสมอ ขุนนางทุกคนต่างก็ตกอยู่ในอันตราย ทุกคนไม่สามารถออกจากจวนได้”

“ข้าไม่รู้เลย แล้วพี่อาเถิงเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ดูเหมือนจะไม่เป็นไร เมื่อวานข้าเห็นเขากับเด็กน้อยที่แต่งกายด้วยชุดสีเหลืองอร่ามผู้หนึ่ง ด้านหลังยังมีองครักษ์ติดตามอีกเป็นจำนวนมาก ทันทีที่เห็นก็รู้ว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่”

กู้อันผิงนึกขึ้นเหตุการณ์ที่อึกทึกครึกโครมเมื่อวาน ก็พลันนึกกลัวภายหลังระลอกหนึ่งในใจ

แม้ว่าเขาจะเป็นโจรภูเขา แต่ประการที่หนึ่งเขาไม่ปล้นของใคร ประการที่สองไม่ลักพาตัวใคร พูดได้ว่าเป็นคนที่อาศัยอยู่บนภูเขาเท่านั้น แต่กับคนเหล่านั้นย่อมมีความแตกต่างโดยพื้นฐานอยู่แล้ว

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”

หลินซือก็คิดอยู่ว่าทำไมช่วงนี้พี่อาเถิงถึงไม่มาหานางเลย ที่แท้ก็ติดภารกิจขององค์จักรพรรดินี่เอง

แต่ครานี้พี่อาเถิงออกไปไม่ใช่ว่าอยู่กับนางตลอดเวลาหรอกหรือ? เขาออกไปสืบค้นเรื่องเหล่านั้นตั้งแต่เมื่อไร

แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันกับพี่อาเถิง แต่หลินซือรู้สึกว่าตัวเองยังรู้จักพี่อาเถิงได้ไม่มากพอ เขาลำบากเพียงนั้น ตัวเองยังไปก่อกวนเขา ไม่สมควรเลยจริง ๆ

“ดังนั้นช่วงนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ออกจากจวนไม่ได้ ขุนนางเหล่านั้นใช่ว่าจะรับมือได้โดยง่าย ว่ากันว่าคนที่รออยู่นอกเมืองเป็นจำนวนมากตอนนี้ต่างก็รอให้เจี่ยงเถิงและองค์รัชทายาทตกหลุมพลางของตัวเองทั้งนั้น แม้แต่ในเมืองก็ยังมีกลุ่มคนจำนวนมากต้องการต่อกรกับองค์รัชทายาท”

กู้อันผิงเป็นคนหยาบกร้าน ไม่เข้าใจความคดเคี้ยวของผู้คนในราชสำนัก ได้แต่ลอบคิดในใจว่า การที่องค์รัชทายาทพาคนบุกค้นจวนของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์บนความเสียหายของผู้อื่นที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังนั้นคงไม่อยากให้องค์รัชทายาทได้อยู่อย่างสงบสุข

แต่ก็คาดไม่ถึงว่า ความจริงแล้วเจี่ยงเถิงก็คือคนที่บุกค้นจวนเช่นกัน เหตุใดทุกคนถึงต้องต่อกรกับองค์รัชทายาทแต่ไม่ต่อกรกับเจี่ยงเถิง

หรือเพราะเห็นว่าองค์รัชทายาททรงวัยเยาว์?

“เช่นนั้นพวกเจ้าอย่าเพิ่งออกนอกเมืองดีกว่า รอให้ข่าวลือสงบลงก่อนค่อยว่ากัน”

สำหรับร้านหยกอวี้ฝู หลินซือเป็นห่วงความปลอดภัยของอวี้อวี้และกู้อันผิงยิ่งกว่าเดิม

ถ้าไม่มีวัตถุดิบแล้ว พวกนางยังออกไปหาได้ แต่อวี้อวี้และกู้อันผิงนางเห็นพวกเขาเป็นสหายของตน ยิ่งต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเขาเป็นธรรมดา

“ข้ารู้แล้ว เจ้าวางใจเถอะ อีกอย่างบนภูเขาก็มีเหล่าพี่น้องข้าไม่น้อย พวกเขาไม่ใช่คนที่ใครจะรับมือได้ง่าย ว่าแต่เจ้าเถอะ ต่อไปถ้าจะออกจากบ้านต้องพาคนไปด้วยกลุ่มหนึ่ง มิเช่นนั้นถ้าไปเจอกับคนพวกนั้นเข้า เจ้าหมดหนทางแน่”

“อื้อ ข้าจะจำไว้”

หลินซือก็ว่าทำไมตอนออกจากจวนวันนี้ เหยาซูถึงต้องให้นางพาคนเหล่านี้มาด้วย ที่แท้ก็เพราะเหตุผลนี้นี่เอง

ครั้นนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ หลินซือก็ยิ่งเป็นห่วงบาดแผลของเจี่ยงเถิง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานมากแล้ว แต่บาดแผลที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างดีไม่รู้ว่าจะฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง

หลินซือหอบความเป็นกังวลออกจากร้านหยกอวี้ฝูไป และไม่มีกระจิตกระใจเดินเที่ยวเล่นอีก

ตอนนี้เมืองหลวงวุ่นวายเพียงนี้ นางต้องกลับจวนเร็วหน่อยก็ดี ต่อไปถ้าอยากเดินเล่นก็ค่อยหาเวลา

ในวังหลวง องค์รัชทายาททรงประทับอยู่ในตำหนัก

“เจ้ามาได้อย่างไร?”

องค์รัชทายาทมองผู้มาเยือน พลางใช้มือนวดขมับไม่หยุด ช่วงนี้ยุ่งวุ่นวายกันจริง ๆ นอนไม่หลับจนทำให้เขารู้สึกปวดหัวอยู่ตลอดเวลา

“ท่านแม่บอกว่าช่วงนี้องค์รัชทายาททรงวุ่นอยู่กับเรื่องจับโจรมาก จึงให้หม่อมฉันมาเยี่ยมเยือนองค์รัชทยาทเพคะ” ลู่เหยาเอ่ยกับองค์รัชทายาท

“แม่เจ้าให้เจ้ามางั้นรึ?” ครั้นเห็นลู่เหยา องค์รัชทายาทขบขันอย่างอดไม่ได้

เห็นได้ชัดว่านางมาเอง แต่กลับบอกว่าตู้เหิงใช้ให้นางมา เหตุผลนี้โง่เง่าสิ้นดี

ช่วงนี้รอบตัวเขาเต็มไปด้วยนักฆ่า ตู้เหิงรักชีวิตตัวเองยิ่งกว่าอะไรดี แม้ว่าอยากจะใช้เขาเพื่อไต่เต้าให้ตัวเองสูงขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรให้บุตรสาวเพียงคนเดียวต้องมาเสี่ยงอันตราย

“อื้อ” ลู่เหยาไม่กล้ามองตาขององค์รัชทายาท

ความจริงแล้วมารดาให้นางอยู่แต่ในจวน บอกว่าช่วงนี้ในเมืองไม่สงบ ห้ามนางออกจากจวน

แม้นางจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็ได้ยินสาวใช้เล่าให้ฟังทุกวันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง องค์รัชทายาทพาคนบุกค้นจวนของใคร นางรู้ว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา

ยิ่งไปกว่านั้นองค์รัชทายาทยังทรงวัยเยาว์มาก กลับต้องรับพระราชโองการจากองค์จักรพรรดิ ไม่รู้ว่านางจะสนับสนุนเขาได้หรือไม่

ดังนั้นจึงซื้อใจข้ารับใช้หน้าประตู พาคนกลุ่มหนึ่งเข้าวัง

ต้องขอบคุณที่ลู่เหยามักจะเข้าวังบ่อยช่วงก่อนหน้านั้น จึงคุ้นหน้าคุ้นตากับเหล่าองครักษ์เฝ้าประตูวังเป็นอย่างดี ครั้นเหล่าองครักษ์เห็นลู่เหยา จึงไม่ขัดขวางเป็นธรรมดา กระทั่งให้ลู่เหยาเข้ามา ไม่ต้องดูป้ายแขวนแต่อย่างใด

ลู่เหยาอาศัยช่องโหวนี้ ตู้เหิงกลัวว่าบุตรสาวจะหุนหันไปหาองค์รัชทายาท จึงเก็บรวบรวมสิ่งที่ใช้เข้าวังทั้งหมดจนสะอาดเกลี้ยง

“เช่นนั้นเจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใด?” องค์รัชทายาทนั่งบนเก้าอี้ เห็นท่าทางกินปูนร้อนท้องของลู่เหยา ก็อดสนใจขึ้นมาหลายส่วนไม่ได้ เขาเปลี่ยนอากัปกิริยาท่าหนึ่งแล้วตรัสถามลู่เหยา

“ไม่มีเพคะ หม่อมฉันแค่มาเยี่ยมเยือนองค์รัชทายาทเท่านั้น ในเมื่อองค์รัชทายาทไม่เป็นไรแล้ว หม่อมฉันเองก็วางใจ”

ลู่เหยารู้สึกว่าตัวเองหุนหันพลันแล่นเกินไป องค์รัชทายาทอาจจะเป็นคนเดียวที่นางหุนหันพลันแล่นเช่นนี้

ก่อนหน้านั้นนางเชื่อฟังมารดามาก ไม่เคยสงสัยในคำพูดของมารดาเลยสักครั้ง แต่การปรากฏตัวขององค์รัชทายาท กลับทำให้นางมีความเห็นที่ต่างออกไป

สิ่งที่มารดาสั่งสอนนาง ความจริงแล้วคือสิ่งที่ผิดใช่หรือไม่ แต่เพราะไม่มีใครโต้แย้งและสงสัย นานวันเข้าเจ้าตัวจึงยิ่งมั่นใจว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้อง? เหมือนนาง ที่ยิ่งนานวันก็ยิ่งคุ้นชิน

“ในเมื่อมาแล้วก็อย่าเพิ่งรีบไป ข้ามีเรื่องจะไปหาเจ้าพอดี”

“เรื่องอะไรหรือเพคะ?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

องค์รัชทายาทจะสั่งให่ลู่เหยาทำการสิ่งใดอีกหรือเปล่านะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท