ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 637 เสด็จพ่อไม่อยากเจอจาวเอ๋อหรือเพคะ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 637 เสด็จพ่อไม่อยากเจอจาวเอ๋อหรือเพคะ?

บทที่ 637 เสด็จพ่อไม่อยากเจอจาวเอ๋อหรือเพคะ?

“เสด็จพ่อ ลูกไม่ทราบว่าทำผิดเรื่องใดจนยั่วโทสะเสด็จพ่อให้ไม่พอพระทัยลูกเพียงนี้”

องค์รัชทายาทเงยหน้ามององค์จักรพรรดิที่มีสีหน้าโกรธเคือง จึงลอบไม่พอใจอยู่ภายใน เห็นได้ชัดว่าเขาคือองค์รัชทายาท เหตุใดเสด็จพ่อถึงมักโปรดปรานผู้อื่นเสมอ แต่กับเขาไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม เขาดูแย่กว่าผู้อื่นมากเพียงนั้นเลยหรือ?

“เจ้าไม่รู้รึ? วันนี้เจ้าลักพาตัวคุณหนูหลินไปใช่หรือไม่?”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วเจ้าก็กักขังคุณหนูหลินไว้ในจวนบนเขาที่ข้าประทานให้เจ้า”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจี่ยงเถิงบุกไปช่วยคุณหนูหลินถึงในจวนบนเขาของเจ้า?”

“ทราบดีพ่ะย่ะค่ะ”

“ดีมาก ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณหนูหลินและเจี่ยงเถิงเจอกับโจรเหล่านั้นระหว่างทางกลับเมือง โจรเหล่านั้นไล่ล่าไปตลอดทาง บีบให้คุณหนูหลินและเจี่ยงเถิงไปถึงหน้าผาสูง จากนั้นก็พวกเขาก็กระโดดลงหน้าผาไป!”

ความโทสะในใจขององค์จักรพรรดิได้ปะทุยิ่งขึ้น องค์รัชทายาทปากแข็งมากจริง ๆ เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรอบรมสั่งสอนลูกชายผู้นี้อย่างไรถึงจะดี ก่อนหน้านั้นล้วนเป็นเพราะตัวเองปรนเปรอเขาเกินไป จึงทำให้องค์รัชทายาทสามหาวไม่เกรงกลัวเช่นนี้

“เป็นไปไม่ได้!” ครั้นได้ยินคำพูดขององค์จักรพรรดิ องค์รัชทายาททรงไม่เชื่อด้วยจิตใต้สำนึก

อาซือจะตกหน้าผาไปได้อย่างไร? อย่างนั้นนางก็เกิดอันตรายแล้วสิ? ต่อไปตัวเขาจะไม่ได้เจออาซืออีกแล้วใช่ไหม?

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ หลินเหรารายงานข้าด้วยตัวเขาเอง เจ้ากักขังบุตรสาวของเขา เขามาขอเจรจากับข้า องค์รัชทายาท เจ้าเป็นเด็กที่ทำงามหน้าให้ข้ายิ่งนัก”

“เสด็จพ่อ ข้าไม่รู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้” เวลานี้ ในใจขององค์รัชทายาทจึงเริ่มเกิดความกลัว

วันนี้เขาแค่อยากคุยกับอาซือให้ชัดเจนเท่านั้น ก่อนหน้านั้นทุกครั้งที่เขาอยากคุยสิ่งใด เจี่ยงเถิงผู้นั้นจะปรากฏตัวด้วยความรังเกียจเสมอ

ดังนั้นเขาจึงอยากพาอาซือออกมาไกลสักหน่อย ใครเลยจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่นอน!

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ที่เจ้าบอกว่าเป็นไปไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้หรือเรื่องที่คุณหนูหลินไม่ควรตกหน้าผากันแน่? ประกาศพระราชโองการของข้าลงไป องค์รัชทายาทผู้ขาดคุณธรรม กระทำการบุ่มบ่าม นับแต่นี้ไปองค์รัชทายาทต้องถูกกักขังอยู่ในตำหนัก ไม่มีคำสั่งผู้ใดก็ห้ามเข้าไปเด็ดขาด”

“พ่ะย่ะค่ะ” หลังจากกล่าวจบ องค์จักรพรรดิก็ออกจากตำหนักขององค์รัชทายาทไป

แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะเสด็จจากไปแล้ว แต่องค์รัชทายาทยังคงทรุดตัวอยู่บนพื้น เขาไม่เชื่อว่าสิ่งที่องค์จักรพรรดิกล่าวนั้นเป็นความจริง ถ้าเป็นเช่นนี้จริง งั้นเขาก็คือคนที่ผลักไสอาซือให้ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้นนะสิ?

ไม่สิ เรื่องในวันนี้ดูเหมือนจะเป็นสถานการณ์ที่เขาตั้งใจสร้างขึ้นโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขาเลือกอาซือหรือเลือกลู่เหยา สุดท้ายก็ต้องมีคนเจ็บปวดเพียงคนเดียว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะดูแลทั้งอาซือและลู่เหยาไปพร้อมกันได้

คนที่อยู่เบื้องหลังคือผู้ใดกันแน่ ถึงได้เข้าใจเขาเพียงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่างถูกคาดการณ์ไว้อย่างแม่นยำ

ไม่รู้ว่านั่งอยู่บนพื้นนานเพียงใด กระทั่งมีนางกำนัลเข้ามาประคององค์รัชทายาทให้ลุกขึ้น จนองค์รัชทายาทค่อย ๆ ได้สติกลับมา แต่ก็ยังเฝ้าคะนึงหาอาซืออยู่ในใจ

สวีกุ้ยเฟยที่ประทับอยู่ในวังหลัง ระดับความเร็วในการรับข่าวสารไม่ได้รวดเร็วเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นในตอนที่นางรู้ข่าวว่าองค์รัชทายาทถูกกักขังอีกครั้งนั้น จึงรีบสั่งให้นางกำนัลช่วยแต่งองค์ทรงเครื่อง แล้วตรงไปยังตำหนักขององค์จักรพรรดิอย่างรวดเร็ว

ตอนไปนั้น ก็ยังไม่ลืมที่จะพาองค์หญิงไปด้วย ถึงอย่างไรองค์หญิงก็เป็นพระราชธิดาสายเลือดโดยตรงขององค์จักรพรรดิ ถ้ามีจาวเอ๋อ องค์จักรพรรดิอาจจะทรงเห็นแก่หน้าของนางบ้าง

เดิมทีองค์หญิงจาวเอ๋อไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ครั้นเห็นท่าทางตึงเครียดของสวีกุ้ยเฟย ก็ลอบรู้สึกกลัวในใจ สุดท้ายก็ต้องตื่นจากบรรทมอย่างไม่สมอารมณ์ภายใต้การปรนนิบัติของนางกำนัล

“เสด็จแม่ เหตุใดต้องเข้าเฝ้าเสด็จพ่อดึกเพียงนี้ด้วย?”

“ก็องค์รัชทายาทพี่ชายของเจ้าก่อเรื่องอีกแล้วนะสิ แม่จะเสด็จไปขอร้องฝ่าบาทแทนเขา ถึงยามนั้นเจ้าก็ช่วยออดอ้อนเสด็จพ่อของเจ้าด้วย เข้าใจหรือไม่ ปกติเสด็จพ่อของเจ้าโปรดปรานเจ้าเป็นที่สุด ถ้าเจ้าช่วยพูด จะต้องได้ผลกว่าแม่แน่นอน”

“แต่ข้าไม่อยากขอร้องให้องค์รัชทายาทนี่เพคะ เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นองค์หญิงสายเลือดโดยตรง เขาเป็นองค์รัชทายาทที่ถูกรับเลี้ยง มีสิทธิ์อะไรให้เขาสูงส่งกว่าข้าทุกด้าน”

จิตใจขององค์หญิงจาวเอ๋อนั้นช่างไร้เดียงสามาก นางไม่ชอบพฤติกรรมขององค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจะให้นางไปขอร้องอ้อนวอนให้แก่องค์รัชทายาท สวีกุ้ยเฟยว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องหรือไม่ ถึงยามนั้นอย่าบังเกิดผลในทิศทางตรงข้ามเป็นพอ

“จาวเอ๋อ ตอนนี้เจ้ายังเด็กไม่รู้ความนัก แม่ไม่มีวันทำร้ายเจ้า เข้าใจแม่หรือไม่?” สวีกุ้ยเฟยได้ยินคำพูดขององค์หญิงจาวเอ๋อ ก็ถึงกับหยุดชะงักก่อนจะย่อตัวลงเอ่ยกับองค์หญิงจาวเอ๋อ

นางต้องการแน่ใจว่าจาวเอ๋อเต็มใจอ้อนวอนให้แก่องค์รัชทายาทจากก้นบึ้งหัวใจจริง ๆ มิเช่นนั้น ถึงยามนั้นถ้าองค์จักรพรรดิมองออกว่าจาวเอ๋อไม่เต็มใจ จะยิ่งลงโทษองค์รัชทายาทหนักหน่วงมากขึ้น

“ข้าเชื่อเสด็จแม่ แต่ข้าไม่อยากไปจริง ๆ…”

“ในเมื่อเชื่อแม่ก็ต้องไป จาวเอ๋อ แม่ขอร้องเจ้าน้อยมาก ครานี้ถือเสียว่าแม่ขอร้องเจ้าแล้วกัน ดีไหม?”

“เช่นนั้นก็ได้” จาวเอ๋อไม่ค่อยเห็นมารดาอ่อนโยนกับตนเช่นนี้มากนัก จึงไม่เกิดความสับสนในใจอีก

ในเมื่อมารดากล่าวเช่นนี้ ตัวเองก็คงต้องเห็นแก่หน้าของมารดา ผู้ใหญ่มักใจกว้างเสมอ ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับองค์รัชทายาท ต่อไปเขาก็อย่ามายั่วโทสะนางเป็นพอ

“จาวเอ๋อน่ารักที่สุด” หลังจากโอบกอดจาวเอ๋อแล้ว สวีกุ้ยเฟยเร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่นานก็มาถึงหน้าตำหนักขององค์จักรพรรดิ

“สวีกุ้ยเฟย ดึกดื่นเพียงนี้ ท่านเสด็จมาเพื่อสิ่งใด? ทั้งยังพาองค์หญิงจาวเอ๋อมาด้วย?”

ครั้นองครักษ์เห็นสวีกุ้ยเฟยย่อมเข้าขัดขวาง แต่ครั้นเห็นสวีกุ้ยเฟยทรงอุ้มองค์หญิงจาวเอ๋อมาด้วย เวลานี้จึงยิ่งเป็นกังวล

องค์จักรพรรดิไร้ซึ่งทายาทสืบสกุล องค์หญิงของตนจึงกลายเป็นที่โปรดปรานที่สุด

องค์หญิงจาวเอ๋อช่างเอาอกเอาใจให้องค์จักรพรรดิทรงพอพระทัยเสมอ ดังนั้นจึงย่อมเป็นที่โปรดปรานที่สุดขององค์จักรพรรดิ ในวังนับว่าไม่มีใครกล้ายั่วโทสะองค์หญิงตัวน้อยผู้นี้

“เหตุใดข้าและองค์หญิงจะเสด็จมาไม่ได้หรือ?” แม้ว่าจาวเอ๋อจะค่อนข้างซุกซน แต่สวีกุ้ยเฟยผู้นี้ก็ยังปกป้องนางได้อย่างดี

ครั้นเห็นว่าองครักษ์หยาบคายต่อมารดา จึงได้ก่นด่าออกไปโดยตรง

ถึงอย่างไร ยามอยู่ในวังนางก็มักจะมีนิสัยเช่นนี้ ทุกคนต่างรู้ดี อีกทั้งนางก็เป็นคนเดียว ที่ไม่มีใครกล้าโทษนาง

แม้ว่าองค์หญิงจาวเอ๋อจะไม่ใช่คู่ปราบขององค์รัชทายาท แต่ต่อหน้าผู้อื่นก็ยังยึดมั่นในศักดิ์ศรีความเป็นองค์หญิงแห่งแผ่นดินอยู่บ้าง

“องค์หญิงทรงเข้าใจผิดแล้ว ข้าน้อยมิบังอาจ” ครั้นได้ยินคำพูดขององค์หญิงจาวเอ๋อ องครักษ์ก็คุกเข่าลงทันที

สวีกุ้ยเฟยสามารถลงโทษพวกเขาได้ทุกเมื่อ แต่องค์หญิงจาวเอ๋อยังไม่ได้ มิเช่นนั้นตามนิสัยขององค์หญิงจาวเอ๋ออาจจะทำให้พวกเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแน่นอน

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยังไม่ให้ข้าเข้าไปอีก ประเดี๋ยวข้าเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเมื่อไร ข้าจะทูลรายงานพฤติกรรมของพวกเจ้า!”

“องค์หญิงโปรดอภัยด้วย ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจ ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจ”

“ข้างนอกเสียงดังโวยวายอะไรกัน?” องค์จักรพรรดิเพิ่งเสด็จกลับวังไม่นาน เตรียมอ่านตำราครู่หนึ่งแล้วพักผ่อน ใครเลยจะรู้ว่าจู่ ๆ จะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างนอก น้ำเสียงก็ฟังดูไม่สบอารมณ์นัก

“เสด็จพ่อ จาวเอ๋อมาเยี่ยมเสด็จพ่อ เสด็จพ่อไม่อยากเจอจาวเอ๋อหรือเพคะ?” ครั้นได้ยินเสียงขององค์จักรพรรดิ จาวเอ๋อก็รีบตะเบงเสียงของตัวเองให้ดังขึ้นเพื่อให้องค์จักรพรรดิได้ยิน

“เข้ามาสิ” ครั้นได้ยินว่าบุตรสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจมาหาตน สีหน้าขององค์จักรพรรดิจึงดีขึ้นมาก

จะว่าไปแล้วช่วงนี้ในราชสำนักมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย เขาไม่ได้เจอกับองค์หญิงตัวน้อยนานมาก ไม่รู้ว่าโตเพียงใดแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท