ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 652 เจ้าสวมใส่เสื้อผ้าน้อยเกินไป คงได้หนาวแย่

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 652 เจ้าสวมใส่เสื้อผ้าน้อยเกินไป คงได้หนาวแย่

บทที่ 652 เจ้าสวมใส่เสื้อผ้าน้อยเกินไป คงได้หนาวแย่

เหยาซูในตอนนั้นเร่าร้อนฮึกเหิมมาก ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหยามยอกอกของใครหลายคนแน่นอน ในตอนที่ยังไม่ตกหลุมรักเหยาซู เขาแค่รู้สึกว่าสตรีผู้นี้แตกต่างจากสตรีคนอื่น ๆ ที่เขาเคยรู้จักมา

“และเพราะครานี้ ชื่อเสียงของแม่เจ้าจึงเริ่มดังกระฉ่อนมากขึ้น แต่ต่อให้มีชื่อเสียงมันก็ไร้ประโยชน์ เพราะร้านค้าทุกหนแห่งต่างร่วมมือกัน ไม่ยอมรับสินค้าของนาง เว้นเสียแต่ว่าแม่ของเจ้าจะขายให้พวกเขาในราคาที่ต่ำที่สุด สุดท้ายแม่ของเจ้าก็เผาสินค้าทั้งหมดนั้นด้วยความโกรธ พูดอีกอย่างว่า ต่อให้สินค้าเหล่านี้กลายเป็นเถ้าถ่านนางก็ไม่มีวันให้พวกเขาได้ซื้อไป”

“ครั้นเห็นว่าที่นี่ไม่สามารถเปิดกิจการได้ แม่ของเจ้าจึงต้องเดินทางไกลเอามาก ๆ แล้วเริ่มเปิดใหม่อีกครั้ง และแน่นอนว่า ในตอนที่แม่ของเจ้าได้กลับมาอีกครั้ง นางไม่ใช่คนที่ใคร ๆ จะมาดูถูกได้อีก พวกเขาเห็นถึงความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ในสิ่งที่แม่ของเจ้าทำ แต่กลับไม่เคยเห็นความเลวร้ายในที่สิ่งที่แม่เจ้ามีต่อตน”

“ตอนนั้นสถานที่ที่นางไป ไม่มีภูผาวารีไหนที่ไม่ยากแค้น ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าหรือยาพิษล้วนแต่ถาโถมเข้ามานับครั้งไม่ถ้วน แม่ของเจ้าเกือบเอาชีวิตไปทิ้งไว้เพราะเรื่องนี้มาหลายครั้งหลายครา แต่สุดท้ายก็ยังรอดกลับมาได้”

“แล้วต่อมาล่ะ?”

“ต่อมา กิจการของแม่เจ้าก็รุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่อย ๆ ทัดเทียมกับพวกเขาเหล่านั้นมากขึ้น สุดท้ายก็กดคนเหล่านั้นได้ แต่เพราะเหตุนี้ จึงทำให้มีคนยิ่งพูดกัน ว่าแม่ของเจ้าเป็นหญิงแกร่ง ต่อให้ทำกิจการรุ่งเรืองเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าสู่ขอ หรือต่อให้มี ก็เข้ามาเพื่อเงินของนาง”

“คนเหล่านั้นเกินไปจริง ๆ ในสายตาของพวกเขา สตรีทำกิจการไม่ได้เลยหรือไร?” หลินซือคาดไม่ถึงว่าจะมีความซับซ้อนมากมายซ่อนอยู่ในนั้น มิน่าล่ะตอนที่นางบอกว่าจะทำการค้า มารดาของตนถึงได้ดูอึกอักนัก

“ใช่ พ่อเองก็รู้สึกว่าคนเหล่านั้นทำเกินไป ดังนั้นจึงได้สู่ขอแม่ของเจ้า บอกคนเหล่านั้นว่าแม่ของเจ้าไม่ใช่คนที่ไม่มีใครชื่นชอบ นางมีค่าที่จะได้รับความรักด้วยความจริงใจจากผู้คนมากมาย ตอนนั้นแม่ของเจ้าแค่รู้สึกว่าพ่อมีจิตใจมุ่งมั่นแค่เพียงประเดี๋ยวประด๋าว โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อนั้นได้ตรึกตรองไว้นานแล้ว”

“ท่านพ่อ เรื่องเหล่านี้ ท่านแม่รู้หรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่รู้แน่นอน เจ้าเองก็ต้องเก็บไว้เป็นความลับแทนพ่อด้วย เข้าใจหรือไม่?”

หลินซือพยักหน้าราวกับโขลกกระเทียม ผู้เป็นพ่อว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดวันนี้พ่อถึงได้พูดเรื่องเหล่านี้กับเจ้า?”

“ไม่รู้เจ้าค่ะ” แม้ว่าจะได้ยินเบื้องลึกเบื้องหลังที่ไม่เคยรู้มาก่อนหน้านั้น แต่หลินซือก็ยังไม่เข้าใจว่าผู้เป็นพ่อหมายความว่าอย่างไร

“ความหมายของพ่อคือต้องการให้เจ้าได้คิดทบทวนว่า เจ้านั้นมีคนคนหนึ่งอยู่ในใจหรือไม่ ที่ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เจ้าก็มักจะอดทนอย่างไม่มีเงื่อนไขอยู่ในใจ ต่อให้ทุกคนรุมดุด่าเขา แต่เจ้าก็ยังยืนอยู่ข้างกายเขา อาซือ ชอบคนคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย การอยู่ด้วยกันนั้นยากยิ่งกว่า เจ้าต้องคิดให้ดี พ่อกับแม่ของเจ้าต่างหวังว่าเจ้าจะเจอคนที่รักและทะนุถนอมเจ้าโดยแท้จริงสักคนหนึ่ง เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพ่อ”

หลินซือเพิ่งเข้าใจถึงสาเหตุที่ท่านพ่อพูดเรื่องเหล่านี้กับนาง ว่าแต่นางมีคนเช่นนี้อยู่ข้างกายแล้วใช่ไหม?

“เอาล่ะะ วันนี้ก็ดึกมากแล้ว เจ้าพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้พ่อค่อยมาเยี่ยมเจ้าใหม่”

“อื้อ ลาก่อนเจ้าค่ะท่านพ่อ” ครั้นเห็นหลินเหราจากไป หลินซือก็ไม่ได้นอนในทันที แต่ครุ่นคิดถึงทุกประโยคที่หลินเหราพูดกับนางเมื่อครู่

ที่แท้ความรักของพ่อกับแม่นั้นแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียวหรือ? แม้ว่าทุกคนจะต่อต้าน แต่บิดาของตนก็ยังยืนข้างกายของมารดาด้วยความแน่วแน่

แล้วนางล่ะ? คือพี่อาเถิงใช่ไหม?

ครั้นนึกถึงพี่อาเถิง หลินซือก็รู้สึกวางใจอยู่ภายใน ตกลงจากหน้าผาที่สูงชันเพียงนั้น พี่อาเถิงจะไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่หรือไม่?

แทนที่จะคิดอยู่ตรงนี้ สู้ไปดูให้เห็นกับตาดีกว่า นางตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปถามมารดาว่าตัวเองจะได้ไปเยี่ยมพี่อาเถิงได้เมื่อใด ครั้นมีความคิดนี้ คืนนี้หลินซือจึงได้หลับฝันหวาน

วันที่สอง ในตอนที่เห็นเหยาซู หลินซือก็เสนอความต้องการที่อยากไปเยี่ยมพี่อาเถิงออกไปทันที แต่ท่าทางของเหยาซูกลับแข็งขืนมาก บอกว่าถ้าอาการบาดเจ็บของนางไม่ดีขึ้นก็ไม่ให้ไป มิเช่นนั้นเกิดเจอกับลมหนาวเข้าแทรกระหว่างทาง กลับมาไม่สบาย แม้ว่าจะเป็นการป่วยเล็ก ๆ แต่มันก็พัฒนาเป็นร้ายแรงมากขึ้นก็ได้

เหยาซูที่มักจะตอบสนองความต้องการของหลินซือเสมอ แสดงท่าทีแข็งขืนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลินซือจึงหมดหนทาง

ปกติแล้วมารดาของตนมักจะพูดง่ายเสมอ แต่เรื่องที่มารดาตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็ไม่มีทางใดให้กลับย้อนมาแก้ไขได้อีก ดังนั้นความคิดที่หลินซือจะโน้มน้าวผู้เป็นแม่ล้วนแต่ชึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของนางทั้งสิ้น

นางต้องโดนกลอกยาต้มหลากหลายชนิดและน้ำแกงโสมลงท้องราวกับมันเป็นของที่ไม่ต้องเสียเงินในทุกวัน ซึ่งผลลัพธ์นั้นชัดเจนมาก ใบหน้าของหลินซือค่อย ๆ มีเลือดฝาดมากขึ้นในทุกวัน

ครั้นเห็นบุตรสาวให้ความร่วมมือ แม้ว่าเหยาซูจะรู้ว่านางทำไปเพื่อเจี่ยงเถิง แต่ก็ยังแอบชื่นชมอยู่ในใจ เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ บุตรสาวของตนโตแล้ว รู้ความแล้ว ไม่ต้องให้นางเป็นกังวลอีก

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ดูเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดจะดำเนินอยู่ในลู่ทางที่ถูกต้อง ส่วนร่างกายของหลินซือก็ได้ฟื้นตัวโดยสมบูรณ์ภายใต้การรักษาของหมอหลวง

แม้ว่าองค์รัชทายาทจะหมั่นเสด็จมาขอโทษถึงในจวนเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว แต่หลินเหราและเหยาซูนั้นคำนึงถึงสถานการณ์ด้านร่างกายของหลินซือ จึงไม่อนุญาตให้องค์รัชทายาทเข้าเยี่ยมหลินซือ แต่ให้การต้อนรับองค์รัชทายาทอยู่ในห้องโถงด้านหน้า แล้วจึงให้องค์รัชทายาทเสด็จกลับไป ซึ่งพวกเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหลินซือ

พูดได้ว่า ในหนึ่งเดือนนี้หลินซือได้อยู่กับตัวเองมากที่สุด ไม่มีใครเข้ามารบกวน ชีวิตในทุกวันล้วนมีแต่กิน ดื่ม นางรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นหมูตัวหนึ่งไปแล้ว

“ท่านแม่ ตอนนี้ร่างกายของข้าดีขึ้นมากแล้ว ไปเยี่ยมพี่อาเถิงได้หรือยังเจ้าคะ?” หลินซือมองเหยาซู แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

ดูสิหลังจากที่ร่างกายของนางดีขึ้นแล้ว ท่านแม่จะหาเหตุผลอะไรมาขัดขวางนางอีกหรือไม่?

“ได้สิ แต่เจ้าต้องกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ ตอนนี้อากาศข้างนอกค่อนข้างหนาว เจ้าสวมเสื้อผ้าน้อยเกินไป ร่างกายได้หนาวสั่นเป็นแน่”

“จวนของพี่อาเถิงห่างจากเราไกลมาก ถ้าไม่รีบออกเดินทางตอนนี้ เกรงว่าคงจะไม่ทันการณ์นะเจ้าคะ?” แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเมือง แต่ระยะทางระหว่างจวนของทั้งสองตระกูลนั่งรถม้าก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม หลินซือไปกลับหลายคราย่อมรู้ดี

“ได้อย่างไร? ข้าคงลืมบอกเจ้าไป หมอหลวงพักอาศัยอยู่ในจวนของเราไม่ใช่หรือ? เพื่อความสะดวก อาเถิงจึงพักรักษาตัวอยู่ในจวนของเราด้วย ดังนั้นเจ้าไม่ต้องรีบร้อน”

“ท่านแม่ ในเมื่อพี่อาเถิงพักอยู่ในจวนของเรา เหตุใดท่านถึงไม่ให้ข้าไปเยี่ยมพี่อาเถิงล่ะเจ้าคะ?” หลินซือคาดไม่ถึงว่าพี่อาเถิงจะพักอยู่ในจวนจองตนมาตลอด นางคิดว่าพี่อาเถิงพักอยู่ในจวนของตัวเอง

“แม่บอกแล้วอย่างไร เพื่อร่างกายของเจ้า เอ้อเป่า เจ้าจะมาโทษแม่ไม่ได้ ครานี้เจ้าทำแม่ตกใจมาก” เหยาซูไม่เคยตาต่อตา ฟันต่อฟันกับหลินซือมาก่อน แต่ทำไปเพราะรัก เข้าใจด้วยเหตุผล

ถึงอย่างไรเอ้อเป่าก็เป็นบุตรสาวของนาง นางคือคนทีเข้าใจเอ้อเป่าที่สุด ถ้าสถานการณ์ในตอนนี้ยังแข็งทื่อ อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกลับมาก็ได้

ครั้นเห็นสีหน้าของเหยาซู หลินซือก็หมดปัญญาโกรธเคือง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท