ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 674 นอนหลับได้สนิทใจ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 674 นอนหลับได้สนิทใจ

บทที่ 674 นอนหลับได้สนิทใจ

“องค์รัชทายาททรงเขียนสิ่งใดเพคะ?” ลู่เหยามององค์รัชทายาทด้วยความอยากรู้ นางคาดไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทที่ไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้จะมาลอยโคมไฟลอยน้ำกับนาง จึงแปลกใจไปชั่วขณะ

“บ้านเมืองมั่งคั่ง ราษฎรเข้มแข็ง ชาวบ้านอยู่อย่างสงบสุข”

“องค์รัชทายาทไม่ขอพรให้ตัวเองหรือเพคะ?”

“เรื่องของข้าไม่ต้องขอพรจากฟ้าเบื้องบนหรอก ข้าจะพยายามทำมันให้บรรลุเป้าหมายของตัวเองให้ได้ ถ้าต้องพึ่งพาฟ้าเบื้องบนไปเสียทุกอย่าง เกรงว่าบ้านเมืองแห่งนี้คงไม่เจริญรุ่งเรืองดั่งเช่นทุกวันนี้”

“ลอยโคมไฟลอยน้ำเป็นแค่ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างหนึ่งเท่านั้น เหตุใดองค์รัชทายาทจะต้องจริงจังเพียงนี้ด้วย!” ลู่เหยาคาดไม่ถึงว่าประโยคที่พูดไปเรื่อยของตัวเอง จะทำให้องค์รัชทายาททรงใช้เรื่องราวมากมายเหล่านี้มาโต้แย้งนาง ไม่รู้ว่ามันน่าสนใจตรงไหน

“ข้าไม่ดีเอง แล้วเจ้าเขียนสิ่งใดล่ะ?”

หลังจากองค์รัชทายาทกล่าวจบก็เหมือนจะเข้าใจบางอย่างจึงมองลู่เหยาพลางเอ่ยถาม

“หม่อมฉันเขียน…ไม่กราบทูลองค์รัชทายาทหรอกเพคะ” ลู่เหยาจะบอกองค์รัชทายาทได้อย่างไรว่าสิ่งที่นางเขียนคือ ‘ขอให้องค์รัชทายาทสมหวังดั่งปรารถนาทุกประการ’

แม้ว่าคนในใจขององค์รัชทายาทจะไม่ใช่ตนเอง แต่ขอแค่ให้องค์รัชทายาทมีความสุข นางก็มีความสุขมากแล้ว

“ไม่เป็นไร ต่อไปจะไม่มีใครมารังแกเจ้าได้อีก เพราะข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

ทุกครั้งแค่องค์รัชทายาททรงนึกถึงเหตุการณ์ที่ลู่เหยาถูกผู้อื่นรังแก ในใจก็เจ็บปวดมากแล้ว เหมือนหัวใจถูกบางอย่างทุบอย่างโหดเหี้ยมก็มิปาน เจ็บปวดอยู่เลือนราง

ดังนั้นเขาจึงแอบบอกตัวเองอย่างเงียบ ๆ ในเมื่อลู่เหยาก็ช่วยเหลือเขามากมายเพียงนี้ เช่นนั้นตัวเองก็ต้องปกป้องลู่เหยาให้ดีเช่นกัน

“จริงหรือเพคะ?” องค์รัชทายาท…พระองค์ทรงตรัสจริงหรือเพคะ?”

“จริงแท้แน่นอน เจ้าช่วยข้าไว้ตั้งมากมาย ข้าปกป้องเจ้าไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำหรือ?”

“เช่นนั้น ต่อไปหม่อมฉันก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใดอีกแล้ว” ครั้นได้ยินคำพูดขององค์รัชทายาท ลู่เหยาก็คลี่ยิ้มอย่างเบิกบานใจ

นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากขององค์รัชทายาท ตอนนี้นางได้ยินมันแจ่มชัดแล้ว น่าปลาบปลื้มใจกว่าที่คาดคิดไว้มาก!

“ใช่ กลัวไปเสียทุกอย่าง แล้วตอนนี้เจ้ามีความสุขแล้วใช่หรือไม่?”

“อื้อ มีความสุขแล้วเพคะ” ความจริงแล้ว บางครั้งการทำให้ลู่เหยามีความสุขก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงเกินไป แค่องค์รัชทายาทอยู่กับนางมากขึ้น นางก็มีความสุขมากแล้ว

“นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าจะไปส่งเจ้า”

“เพคะ” แม้จะรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมาก แต่ลู่เหยาก็ได้เข้าใจว่าว่าองค์รัชทายาททรงเสด็จออกมาเดินเล่นด้านนอกได้นานเพียงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้จึงไม่พูดสิ่งใดอีก นอกจากพยักหน้าตอบตกลง

ทั้งสองคนไปรับหุ่นละครเงาที่สั่งไว้กันคนละชิ้น จากนั้นก็พาลู่เหยากลับไปส่งที่จวนลู่

อีกด้านหนึ่ง ซวีจ้าวได้พาเหยาเอ้อหลางกลับมาส่งยังจวนเหยาแล้ว จากนั้นก็ไปหาเหยาเฉารอบหนึ่ง

เรื่องในวันนี้แม้ว่าองค์รัชทายาทจะทรงไม่ไต่สวน แต่ก็ควรบอกกล่าวเหยาเฉาสักหน่อย มิเช่นนั้น ลำพังแค่นิสัยของเหยาเอ้อหลาง หากวันหนึ่งเกิดหายนะใหญ่หลวงขึ้น เขาก็ไม่มีทางรู้ได้เลย

นับตั้งแต่ออกจากบ้านเหยาเอ้อหลาง ซวีจ้าวก็ไม่ได้กลับจวนหลิน การออกไปครานี้ องค์จักรพรรดิไม่ได้ให้เขานำพากองทัพก่อนหน้านั้น แต่ให้นำพากองทัพกลุ่มใหม่กลุ่มหนึ่ง ดังนั้นเขาจำเป็นต้องลงไปคลุกคลีกับพวกเขาล่วงหน้า เช่นนี้ถึงจะสามารถรับประกันได้ว่ายามอยู่ในสนามรบ พวกเขาจะให้ความร่วมมือกันอย่างขยันขันแข็ง

ในตอนที่ซวีจ้าวปรากฏตัวในค่ายทหาร ทุกคนกำลังฝึกฝน ครั้นเห็นซวีจ้าว ต่างคนต่างเข้ามากล่าวทักทายซวีจ้าวอย่างกระตือรือร้น จากนั้นซวีจ้าวก็เดินเข้าไปในกระโจมของค่ายทหาร

สามกองทัพไม่ขับเคลื่อน พลาธิการต้องเคลื่อนกำลังก่อน แต่ถ้ากองทัพลงสนามรบ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือสมุนไพร

“ท่านแม่ทัพซวี ท่านมาได้อย่างไร?”

“ข้ามาดูสมุนไพร ตอนนี้เผ่าซยงหนูทางนั้นกำเริบเสิบสานหนักข้อขึ้นทุกที ถ้าไม่มีสมุนไพรที่เหมาะสม ข้ากลัวว่าจะไม่เป็นผลดีต่อค่ายทหารของเรา” ซวีจ้าวรู้จักหมอในค่ายดี ดังนั้นการเจรจาเรื่องต่าง ๆ จึงค่อนข้างราบรื่น

“ตอนนี้กองทัพได้ตระเตรียมสมุนไพรสำหรับรักษาบาดแผลภายนอกและพิษเย็นที่พบเห็นกันได้โดยทั่วไปไว้แล้ว อีกทั้งฤทธิ์ยาบางตัวก็รักษาอาการบาดเจ็บจากกรงเล็บของพวกเผ่าซยงหนูได้อีกด้วย แต่สมุนไพรมีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งไม่สามารถนำมาปรับใช้ด้วยกันได้ ถ้าท่านแม่ทัพซวีมีหนทาง ดูว่าจะช่วยหาซื้อสมุนไพรบางอย่างให้เราได้หรือไม่”

หมอเอ่ยกับซวีจ้าวอย่างไม่เกรงใจ บอกเล่าถึงความลำบากที่ต้องเจอในกองทัพตอนนี้ ครั้นเป็นเช่นนี้ซวีจ้าวจึงต้องรีบทำความเข้าใจสถานการณ์ของค่ายโดยเร็ว

“เรื่องนี้ ข้าพอจะคุยกับท่านแม่ทัพหลินได้ ยังมีปัญหาเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”

“เรื่องอื่นยังพอถูไถได้ แต่คุณสมบัติด้านร่างกายของทหารในครานี้ไม่ถือว่าดีมากนัก ข้ากลัวว่าพวกเขาจะปรับตัวให้เข้ากับกองทัพที่ต้องเดินทางไกลและยากลำบากกันไม่ได้ ถึงตอนนั้นต่อให้ถึงเขตชายแดน เกรงว่าคงจะไม่มีความสามารถในการสู้รบ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ประเดี๋ยวข้าจะไปหารือกับคนที่เป็นผู้นำเหล่านั้น ให้พวกเขาเพิ่มการฝึกฝน จะต้องเพิ่มศักยภาพในทุก ๆ ด้านของกองทัพให้แข็งแกร่งขึ้น”

ที่หมอพูดคือส่วนที่ซวีจ้าวกำลังเป็นกังวล แม้จะบอกว่าทหารในราชสำนักนั้นมีไม่น้อย แต่คนที่ผ่านประสบการณ์โดยแท้จริงนั้นมีเพียงหนึ่งถึงสองในสิบเท่านั้น แม้ว่าคนอื่นจะได้กินอาหารของประเทศ แต่กลับมีส่วนน้อยที่ได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้โดยแท้จริง

สงครามในตอนนี้ หากพลาดพลั้งก็จบชีวิตได้ ซวีจ้าวรู้ดีถึงความโหดร้ายในสนามรบ ดังนั้นเรื่องนี้ เขาไม่มีทางออมมือแน่นอน มิเช่นนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับชีวิตพวกเขา

“เรื่องอื่นไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”

“เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าแล้ว เตรียมสมุนไพรแก้พิษเย็นให้มากขึ้น แล้วแจกจ่ายให้กับคนในกองทัพที่ต้องออกเดินทางทุกวัน ถึงอย่างไรอากาศและสิ่งแวดล้อมของที่นี่ก็แตกต่างกันมากอยู่”

“ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ ข้าเข้าใจแล้ว”

หลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว ซวีจ้าวก็มายังกระโจมที่เหล่าผู้นำพักอาศัย

แม้ว่าครานี้ทหารจะเป็นกองทัพที่ถูกสร้างขึ้นมาหลอกตา แต่เหล่าผู้นำล้วนแต่เป็นคนที่มักจะไปมาหาสู่กับซวีจ้าวอยู่บ่อยครั้ง หลังจากจักรพรรดิทรงคิดไตร่ตรองแล้วและตัดสินใจให้หลินเหรางดออกไปรับภารกิจในครานี้ ดังนั้นมันจึงถูกจัดเช่นนี้

ตอนที่ซวีจ้าวแสดงความคิดเห็นของตัวเอง ผู้นำคนอื่นต่างทยอยกันออกความเห็นของตัวเองเช่นกัน คนเหล่านั้นต่างล้อมเข้ามาหารืออย่างละเอียดในกระโจม ตั้งแต่การฝึกฝนในทุกวันของเหล่าทหารไปถึงการจัดสรรเสบียง ตลอดจนถึงการจัดหาชุดทหาร ครั้นหารือกันอย่างเหมาะสมแล้ว ซวีจ้าวก็จากไปอย่างวางใจ

ก่อนจากไป ซวีจ้าวยังไม่ลืมที่จะไปดูสถานการณ์การฝึกฝนของทหารเหล่านั้น เห็นทุกคนตั้งใจฝึกซ้อมอย่างขยันขันแข็ง ในใจก็วางใจลง เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็นสนามรบเป็นเพียงสนามเด็กเล่นสนุก

ครั้นกลับมาถึงจวนหลิน คนในจวนหลินยังคงวุ่นวายไม่มีหยุดพัก แม้ว่าซวีจ้าวจะอยู่ในจวนหลิน แต่ก็เป็นเพียงแขกของจวนเท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องวิ่งวุ่นด้วยแต่อย่างใด

ดังนั้นซวีจ้าวจึงตรงกลับห้องของตัวเอง หยิบดาบของตัวเองจากในตู้ออกมา

ปกติแล้วยามออกรบก็มักจะพกมีดสั้นไป เขาไม่ได้ใช้ดาบนานมากแล้ว ตอนนี้แค่ได้เห็นก็รู้สึกคุ้นชินแล้ว นี่คือคู่หูเพชฌฆาตที่สังหารศัตรูในสนามรบของเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเกี่ยวกับการสังหารคนหรือไม่ คมดาบถึงได้คมกริบและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

ซวีจ้าวนำดาบเก็บใส่ฝัก คืนนี้จะหอบดาบของตัวเองขึ้นเตียงนอนด้วยถึงจะหลับได้สนิทใจ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท