หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 223 ฟ้าบกพร่อง vs ดินแหว่งเว้า

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 223 ฟ้าบกพร่อง vs ดินแหว่งเว้า

หลินเว่ยเว่ยก้มหน้ามองแขนของตน จากนั้นก็หันไปมองแขนขวาที่โดนพันแล้วดามขึ้นมาบนหน้าอกของบัณฑิตหนุ่ม ทันใดนั้นนางก็หัวเราะเสียงดังลั่น “เราสองคน คนหนึ่งเป็นฟ้าบกพร่อง อีกคนเป็นดินแหว่งเว้า ช่างเป็นพี่น้องผู้ตกทุกข์ได้ยากมาด้วยกันเหลือเกิน ! ”

เจียงโม่หานยกน้ำแปรงฟันมาให้พร้อมยัดแปรงใส่มือนาง “มีแค่เจ้าเท่านั้นที่ชอบล้อเลียน ! ” ตัวเขาเองไม่สังเกตเหมือนกันว่าภายใต้คำที่ฟังเหมือนดุด่าของตนได้แฝงไปด้วยการตามใจนางมากเพียงใด !

“ท่านแม่เจ้าคะ เช้านี้ทำของอร่อยใดหรือ ? ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว ! ” เมื่อวานอยู่ที่หน้าผาทั้งวัน ตกกลางคืนได้กินโจ๊กแค่ถ้วยเดียว พยาธิในกระเพาะจะไม่น้อยอกน้อยใจหมดหรือ ?

นางหวงยกถาดซาลาเปาเข้ามา “ทำซาลาเปาไส้ผักแห้งหมูสับแล้วก็น้ำเต้าหู้ที่เจ้าชอบกิน ! ”

ในหมู่บ้านไม่มีเครื่องทำเต้าหู้ ดังนั้นเวลาอยากกินน้ำเต้าหู้ต้องไปยืมใช้เครื่องบดถั่วเหลืองจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง แค่เดินทางไปกลับก็ใช้เวลา 1 ชั่วยามแล้ว ดังนั้นแม้หลินเว่ยเว่ยจะชอบดื่มก็รบกวนให้ที่บ้านทำน้ำเต้าหู้น้อยมาก

“ใครไปบดถั่วเหลืองมาหรือเจ้าคะ ? ” หลินเว่ยเว่ยดื่มน้ำเต้าหู้หนึ่งถ้วยหมดอย่างรวดเร็ว เจ้าหนูน้อยยังยกออกมาจากครัวให้นางอีกหนึ่งถ้วย

“เป็นต้าฮว๋า ฟ้ายังไม่สางเขาก็ออกจากบ้านแล้ว ! ” บุตรชายคนโตรู้จักเอาใจพี่รองบ้างแล้ว นางหวงรู้สึกปลื้มใจมาก ตอนนี้การที่เด็กในบ้านขยันและรู้ความทำให้นางดีใจยิ่งกว่าสิ่งใด มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่นางยังกังวลก็คือความสัมพันธ์ของบุตรสาวคนโตกับบุตรสาวคนรอง แม้จะผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แต่พอทั้งสองคนเจอหน้ากันทีไรก็ปะทะคารมกันตลอด เมื่อใดจะรักใคร่ปรองดองกันเสียที ?

เมื่อกินซาลาเปาไป 5 ลูก หลินเว่ยเว่ยก็ลูบท้องด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็แบกแขนที่บาดเจ็บของตนเดินออกไปนอกบ้าน

เจียงโม่หานส่งเสียงเรียก “จะไปไหน ? ” เด็กคนนี้บาดเจ็บแล้วไม่รู้จักรักษาตัวอยู่บ้าน ยังคิดจะวิ่งออกไปข้างนอก ไม่รักตัวเองเลย !

หลินเว่ยเว่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อวานเราไม่ได้เจอป่าต้นเจินกับถั่วสมองสองสามแห่งหรือ ? ป่าสนแดงก็มีอยู่บ้างประปราย ข้าจะนำข่าวนี้ไปบอกพวกผู้ใหญ่บ้าน ! ”

“ข้าไปเอง ! เจ้าทำตัวดี ๆ อยู่ที่บ้านไปเถิด ! ” เจียงโม่หานเหลือบมองแขนของอีกฝ่าย

หลินเว่ยเว่ยยู่ปากไปทางแขนของเขาเช่นกัน…พี่ใหญ่อย่าว่าพี่รองเลย เราก็เหมือนกันนั่นแหละ !

ผ่านไปไม่นานผู้ใหญ่บ้านก็เรียกรวมตัวคนหนุ่มสาวและวัยกลางคนในหมู่บ้านอีกครั้ง ทุกคนยังมารวมตัวกันที่ลานตากข้าวของหมู่บ้าน สีหน้าแต่ละคนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข…นี่เป็นภาพแสนคุ้นเคยเพียงใด ? เมื่อก่อนตอนที่นางหนูรองพาพวกตนขึ้นเขาไปเก็บลูกสน ทุกคนก็มารวมตัวกันที่นี่

ผู้ใหญ่บ้านยืนอยู่บนก้อนหินซึ่งพื้นราบเรียบก้อนหนึ่ง เขายกมือขึ้นส่งสัญญาณ ทันใดนั้นเสียงพูดคุยสนุกสนานของชาวบ้านก็หยุดลงทันที ผู้ใหญ่บ้านจึงเริ่มเปล่งเสียงดังลั่น “พวกเจ้าคงทราบถึงสาเหตุที่ข้าเรียกมารวมตัวแล้วใช่หรือไม่ ? ใช่แล้ว นางหนูรองพบป่าสนแดงอีกสองสามแห่ง บริเวณใกล้เคียงยังมีต้นเจินและถั่วสมองอยู่ด้วย ที่สำคัญคือไม่มีสัตว์ร้าย จึงปลอดภัยมาก ! ”

“เยี่ยมไปเลย นางหนูรองคนนี้เป็นเด็กที่มีคุณธรรมสูงส่ง เวลาเจอของดีก็ไม่เคยลืมพวกเรา ! ”

“ใช่แล้ว ! ป่าสนแดงผืนนั้นถ้าไม่ได้โชคจากนาง ไฉนเลยพวกเราจะกล้าไปเยือน ? แม้แต่หมีควายก็โดนนางไล่มาแล้ว ราวกับพอสัตว์ป่าเห็นนางก็ตกใจจนเกลียดที่พ่อแม่ไม่ให้ขาพวกมันเพิ่มอีกสองสามขา ! ”

“อาจเป็นเช่นนั้นจริงก็ได้ ! พรานหวังไม่ได้พูดแล้วหรือว่าแถวป่าสนแดงมีร่องรอยของฝูงหมาป่า พวกเราก็ไปเก็บเมล็ดสนนานหลายวันแล้วก็ไม่เห็นหมาป่าสักตัว ฝูงหมาป่าอาจรู้ว่านางหนูรองอยู่ที่นั่นก็เลยตกใจจนไม่กล้าออกมาปรากฎตัว ! ”

“พวกเจ้าคิดว่าจู่ ๆ นางหนูรองก็ไม่โง่เขลา จะเป็นเพราะได้พบเทพเจ้าแห่งขุนเขาจึงโดนประทานพรให้รู้สติหรือไม่ ? การที่พวกสัตว์ป่าในหุบเขาปล่อยนางเดินเล่นอย่างอิสระ อาจเพราะเป็นที่รักของเทพเจ้าแห่งขุนเขาหรือเปล่า ? ”

“เรื่องนี้จะเอามาพูดเล่นไม่ได้ อย่าทำให้ท่านเทพเจ้าแห่งขุนเขาต้องขุ่นเคืองเชียวล่ะ…”

“เมื่อคืนบ้านตระกูลหลินวิ่งไปตามหมอเหลียง ข้าได้ยินว่านางหนูรองได้รับบาดเจ็บด้วยล่ะ…”

“จริงหรือ ? เช้าวันนี้ข้ายังเจอนางหวงอยู่เลย ถ้านางหนูรองบาดเจ็บแล้ว สีหน้าของมารดาไม่มีทางเป็นปกติได้หรอก”

“ต้าซวน บ้านเจ้ากับบ้านตระกูลหลินสนิทกัน แม่ยายของเจ้ายังไปทำงานที่บ้านของนาง เจ้าได้ยินข่าวใดมาบ้างหรือไม่ ? ”

สายตาของทุกคนหยุดอยู่ที่หลิวต้าซวน วันนี้ท่านแม่ยายไปที่บ้านตระกูลหลินจริง ๆ ทว่ากระทั่งเที่ยงวันจึงเพิ่งกลับมา แล้วต้าซวนจะรู้ได้อย่างไร

ในขณะที่เขาไม่รู้จะตอบเช่นไร จู่ ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “นางหนูรองมาแล้ว ! ”

เป็นอย่างที่คิดว่าหลินเว่ยเว่ยเดินเข้ามาพร้อมแขนที่โดนพันไว้ข้างหนึ่ง ด้านหลังยังมีเจียงโม่หานภายใต้ใบหน้าบึ้งตึงตามมาด้วย

ผู้ใหญ่บ้านเข้าไปต้อนรับ ทุกคนจึงเดินตามมาล้อมรอบเหมือนกัน ผู้ใหญ่บ้านมองแขนของนางแล้วถามว่า “นางหนูรอง เจ้าเป็นอะไรไป ? คงไม่ได้บาดเจ็บเพราะขึ้นเขาไปหาแหล่งของป่าแทนทุกคนกระมัง ? อาการเป็นเช่นไรบ้าง ? ”

เมื่อชาวบ้านฉือหลี่โกวได้ยินดังนั้นก็ทั้งซาบซึ้งและรู้สึกผิด

หลินเว่ยเว่ยโบกมือ “ไม่เป็นไรมาก แค่โดนกิ่งไม้ข่วนเท่านั้น เป็นแค่บาดแผลภายนอก รักษาตัวสักสองวันก็หายแล้ว ! พวกท่านดูสิ ข้ายังกระโดดโลดเต้นได้เหมือนเดิมไม่ใช่หรือ ? ” ขณะพูดนางก็กระโดดอยู่กับที่สองสามครั้งเพื่อพิสูจน์ว่าตนสบายดี !

ผู้ใหญ่บ้านเห็นนางยังมีชีวิตชีวาไม่น้อยจึงสบายใจขึ้นมาทันที “บาดเจ็บอย่างไรก็ควรพักอยู่บ้านสักสองวัน…”

“ได้ยินหรือไม่ ? เดินตามหลังผู้ใหญ่สุนัขไม่กัด เข้าใจหรือเปล่า ? ” เจียงโม่หานกวาดสายตามองนาง ไม่เชื่อฟังกันเลย !

หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้ากินอิ่มแล้วอยากออกมาเดินเล่นไม่ได้หรือ ? เหตุใดต้องทำหน้าเครียดถึงเพียงนั้น ? ”

นางยังพูดกับผู้ใหญ่บ้านว่า “ที่นั่นมีต้นสนไม่มาก แต่ทุกคนแบ่งกันสักสองสามร้อยชั่งยังพอได้แล้วก็ยังมีต้นเจินกับต้นถั่วสมองที่มีผลเต็มต้น ! ”

ใบหน้าพวกชาวบ้านเต็มไปด้วยความดีใจ หนึ่งในชาวบ้านคนหนึ่งถามว่า “เมล็ดต้นเจินกับถั่วสมองนั้นโรงงานแปรรูปของเราก็รับซื้อหรือ ? ”

“รับสิ ! ซื้อตามราคาตลาด ! ” หลินเว่ยเว่ยไขข้อข้องใจให้ทุกคน พวกเขากังวลว่าพอขนกลับมาแล้วจะขายไม่ออกจนดีใจเก้อ

ผู้ใหญ่บ้านถามด้วยความห่วงใย “มันทั้งเปลือกหนาและแข็ง จะขายออกจริงหรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยนึกถึงปากคีบถั่วสมองที่ได้มาเป็นของแถมตอนซื้อถั่วของชาติที่แล้ว นางจึงตอบด้วยรอยยิ้ม “วางใจได้ ! วิธีแก้ย่อมมีมากกว่าปัญหา ! สถานที่แห่งนั้นอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของภูเขา ข้าทำสัญลักษณ์ไว้ตลอดทาง หาไม่ยากหรอก ! ระหว่างทางไม่พบร่องรอยสัตว์ร้าย ทว่าอย่างไรก็ให้ลุงหวังนำทางดีกว่า ป้องกันไว้ดีกว่าตามแก้ ! ”

ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้าและยังหันมามองที่มือของนาง “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล พักรักษาตัวให้ดีเถิด ! ”

จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งสังเกตว่าแขนของเจียงโม่หานก็ถูกดามไว้จึงถามว่า “บัณฑิตเจียง…ก็บาดเจ็บเหมือนกันหรือ ? ”

“อ้อ…เขาน่ะ ! เมื่อวานฝึกเขียนอักษรนานเกินไป กระดูกไหล่จึงเคลื่อน ! ” หลินเว่ยเว่ยกลัวเจียงโม่หานจะพูดออกมา นางจึงชิงพูดเรื่องไร้สาระก่อนจนเจียงโม่หานหันมาถลึงตาใส่ !

ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านที่อยู่โดยรอบเผยแววตาชื่นชมทันที “บัณฑิตเจียงเพียรศึกษายิ่งนัก ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดอายุยังน้อยก็สอบบัณฑิตถงเซิงได้แล้ว ! ไม่แน่ว่าปีหน้าหมู่บ้านเราอาจมีซิ่วไฉก็ได้ ทว่าบัณฑิตเจียงก็ควรคำนึงถึงสุขภาพบ้าง ไม่ควรหักโหมจนร่างกายเหนื่อยล้ามากเกินไป ! ”

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท