ตอนที่ 235 ผู้ชายหลงเสน่ห์
หลินเว่ยเว่ยรีบตรวจดูมือของเขาทันที “บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ ? ไปซื้อพัดเน่า ๆ มาจากที่ใด คุณภาพจึงแย่เช่นนี้ เราต้องไปเรียกค่าเสียหายให้รู้เรื่อง ! ”
“ไม่เป็นไร…เจ้าแซ่อู๋…” เจียงโม่หานกัดฟันถาม
หลินเว่ยเว่ยรีบขยิบตาให้เขา เมื่ออยู่ในมุมที่หนิงตงเซิ่งไม่เห็น แล้วนางก็ทำปากว่า ‘ข้า…โก…หก…! ’
ทันใดนั้นสีหน้าของเจียงโม่หานก็ค่อย ๆ ดีขึ้นราวกับท้องฟ้ากลับมาสดใสอีกครา แต่หนิงตงเซิ่งกลับขุ่นเคืองต่อความไม่ชอบธรรม “เจ้าแซ่อู๋ทำเกินไป ! อาศัยที่ตระกูลมีเงินเน่า ๆ ก็เที่ยวออกไปแทะโลมสตรี ทำเรื่องไร้เกียรติ ! ได้ยินว่าคะแนนของเขาที่สำนักศึกษาก็มาจากการติดสินบนและการข่มขู่ให้คนคดโกงแทน ! ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน ! ”
บีบบังคับให้คนคดโกงแทน ? หลินเว่ยเว่ยหันไปมองบัณฑิตหนุ่มทันที “ข้าจำได้ว่าเจ้าเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนกับเขา เขาเคยบีบบังคับให้เจ้าช่วยประพันธ์กวีเขียนบทความ แต่เจ้าไม่ยอม เขาจึงลงมือกับเจ้าถูกหรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานถือไม้ไผ่และมีดแกะสลักไว้ในมือ เขากำลังก้มหน้าแกะสลักสันพัด เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองนางแล้วยิ้ม “เจ้าไม่ต้องคิดมากถึงเพียงนั้นได้หรือไม่ ? บางครั้งเจ้าก็เหมือนแมวน้อยขี้เซา แต่บางครั้งก็ฉลาดจนน่าตกใจ ! ”
หนิงตงเซิ่งถาม “บัณฑิตเจียงก็เคยโดนเขาบีบบังคับมาก่อนหรือ ? เหตุใดสำนักศึกษายังปล่อยให้คนอันตรายพรรค์นี้เข้าเรียน ? ควรไล่ออกไปตั้งนานแล้ว ! ”
เจียงโม่หานยิ้มอ่อน จากนั้นก็มองต่ำเพื่อเก็บซ่อนแววตาแสนเย็นชาไว้ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ที่กรรมยังมาไม่ถึงก็อาจเพราะยังไม่ถึงเวลา ! ”
นี่…เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ฆ้องและกลองเริ่มบรรเลงแล้ว เรื่องสนุกยังต้องรอดูต่อไป !
พอมองท้องฟ้าแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็พูดกับหนิงตงเซิ่งและลู่เหวินจวินที่ถือกระต่ายน้อยคู่หนึ่งออกมาจากลานหลังบ้านว่า “พวกท่านคุยกันไปก่อน ข้าจะไปดูที่ห้องครัวหน่อย ! ”
ลู่เหวินจวินมองแขนที่ห้อยของนางแล้วกล่าวพร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปม “ข้ายังมีเรื่องต้องทำที่เขตเริ่น…”
“แม้ท้องฟ้ากว้างใหญ่ แต่ท้องเราสำคัญที่สุด ! ท่านต้องคิดให้ดี กลับเข้าเมืองตอนนี้แม้จะนั่งรถม้าก็ใช้เวลาถึง 1 ชั่วยาม ! ถ้าไปกินที่ร้านอาหารก็เป็นอาหารเหลือของคนอื่นแล้ว ! วันนี้ใครก็ห้ามอ้างว่ามีธุระเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าโกรธพวกท่านแน่ ! ”
หลินเว่ยเว่ยใช้มือข้างหนึ่งกดเขาให้นั่งลงกับเก้าอี้ เขาพยายามดิ้นพักหนึ่งแต่แล้วก็ต้องยอมแพ้…เสือเฒ่าที่บาดเจ็บยังดุร้ายกว่าแมวบ้าน มือของหลินกู่เหนียงไม่เหมือนคนที่บาดเจ็บแม้แต่น้อย !
เมื่อนางออกไปแล้ว บุรุษทั้งสามก็มองหน้ากันไปมา ตาใหญ่มองตาเล็ก สุดท้ายก็หาเรื่องสนทนากันไม่ได้เสียที
เจียงโม่หานจึงกวักมือเรียกเจ้าหนูน้อย “เจ้ามาคุยเป็นเพื่อนแขก ข้าจะไปดูว่าในครัวมีอันใดให้ช่วยบ้าง”
หนิงตงเซิ่งมองแขนที่ถูกดามของเขาแล้วมุ่ยปากไม่พอใจ เจ้าก็เป็นคนเจ็บไม่ใช่หรือ แล้วจะช่วยอันใดได้ ? เจ้าก็แค่อยากไปตามติดหลินกู่เหนียง นางไปที่ใด เจ้าก็ไปที่นั่น…ติดคนเช่นนี้ ไฉนเลยจะเหมือนชายชาตรี ? หลินกู่เหนียงคงตาบอดถึงได้เลือกไก่อ่อนเช่นเจ้า !
วันนี้ฆ่ากระต่าย 50 ตัวมาทำเนื้อกระต่ายแล่ ขณะมองหัวกระต่ายที่กองอยู่ในห้องครัวแล้วหลินเว่ยเว่ยก็ตัดสินใจจะทำหัวกระต่ายผัดหมาล่าต้อนรับแขก พี่สาวคนโตจึงบ่นขึ้นมาทันควัน “เจ้าจะใช้สิ่งนี้ต้อนรับแขกหรือ ? ”
“ใช้เจ้านี่แล้วอย่างไร ? หัวกระต่ายผัดหมาล่าเป็นอาหารขึ้นชื่อของเสฉวนเชียวนะ ! เราไปใช้กระทะข้างนอกเพื่อทำหัวกระต่ายพวกนี้กันเถิด กินไม่หมดก็สามารถเอามาทำเป็นรางวัลให้พวกคนงานได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยเก่งเรื่องฟุ่มเฟือยอยู่แล้ว !
พี่สาวส่ายหน้าแล้วถามว่า “จากนั้นล่ะ ? เจ้าคงไม่ให้แขกกินแต่เจ้านี่กระมัง ? ”
“ค่อยทำกระต่ายผัดเผ็ด ป้ากุ้ยฮวาไม่ได้เอาพวกเห็ดมาให้หรือ ? ข้าจำได้ว่าในห้องใต้ดินยังมีไก่ป่าอยู่ เอามันมาทำไก่ป่าตุ๋นเห็ดแล้วกัน เนื้อกวางที่เจ้าเทาเอามาให้…ก็ทำเป็นเอ็นกวางตุ๋นแป้งข้าวโพด แล้วก็เนื้อกวางรมควัน ส่วนที่เหลือเอาเป็นจานผัก…ผัดผักกาดขาวใส่เห็ด ผัดใบหัวไชเท้า ยำผักป่า…อ้อใช่ ทำผัดข้าวโพดใส่เมล็ดสนเพิ่มอีกหนึ่งจาน ส่วนซุปก็ทำซุปเห็ดมันไก่แล้วกัน ! ” หลินเว่ยเว่ยร่ายรายชื่ออาหารออกมา
โชคดีที่กระทะบ้านตระกูลหลินมีเยอะพอสมควร ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง กระทะที่ใช้กวนแยมข้างนอกก็ว่างเหมือนกัน บุตรสาวคนโตตระกูลหลินและนางหวงสองแม่ลูกช่วยกันทำอาหาร นางเฝิงก็มาช่วย ส่วนหลินเว่ยเว่ยเป็นคนออกคำสั่ง ต่อจากนั้นครึ่งชั่วยามอาหารทุกอย่างก็พร้อมสรรพ พวกนางจึงยกไปตรงหน้าลู่เหวินจวินและหนิงตงเซิ่ง
“ขะ…ของเหล่านี้พวกท่านเป็นคนทำเองหรือ ? ครบครันเกินไปหน่อยกระมัง ? ” ลู่เหวินจวินรู้ว่าตนไม่ได้เป็นแขกที่เจ้าบ้านเชิญมา ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้บอกกล่าวเอาไว้และไม่คิดว่าในหมู่บ้านชนบทจะมีอาหารดีต้อนรับแขก คาดไม่ถึงว่าอาหารที่ยกมาจะมีกว่าสิบชนิด หากที่นี่มีร้านอาหารตั้งอยู่เขาก็คงสงสัยว่าอาหารเหล่านี้สั่งมาจากร้านอาหารเพราะถ้านำไปต้อนรับแขกสูงศักดิ์หรือพวกขุนนางก็ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้อย่างมาก !
“วัตถุดิบล้วนเป็นของในป่าและผักในแปลงนาบ้านเราทั้งนั้น คุณชายทั้งสองไม่ต้องเกรงใจ ถือว่ามาชิมอาหารแปลกใหม่แล้วกัน ! ” แม้ปากของหลินเว่ยเว่ยจะพูดอย่างถ่อมตน แต่ท่าทีที่แสดงออกมาไม่เป็นเช่นนั้น…เพราะนางดูภูมิใจมาก !
ลู่เหวินจวินชี้ไปที่หัวกระต่ายด้วยดวงตากลมโต “นะ…นี่คือหัวกระต่ายผัดหมาล่าใช่หรือไม่ ? เมื่อก่อนข้าเคยตามท่านพ่อไปฉวนส่าน ( เสฉวนและส่านซี ) แล้วกินเมนูนี้ แม้จะเผ็ดมากแต่ก็กินเพลิน ! ข้าไม่เกรงใจแล้วนะ ! ”
หลังกล่าวจบ เขาก็หยิบหัวกระต่ายขึ้นมากินคำโต จากนั้นก็แทะไปพลางวิจารณ์ไปด้วย “เนื้อหัวกระต่ายนี้เผ็ดมาก ปรุงจนเข้าเนื้อ เนื้อล่อนออกจากกระดูก หมาล่าหอมเผ็ด อร่อยมากจริง ๆ รสชาติดีกว่าหัวกระต่ายที่ข้าเคยกินเสียอีก ! คุณชายหนิง ท่านไม่กินหน่อยหรือ ? ”
ตอนแรกเริ่มหนิงตงเซิ่งไม่ค่อยกล้า แต่พอเห็นคนรูปงามอย่างเจียงโม่หานก็หยิบหัวกระต่ายขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาบ้างและเริ่มแทะกินคำโต ตอนแรกเขายังรู้สึกแปลก ๆ แต่ท้ายที่สุดยิ่งแทะก็ยิ่งอร่อย ยิ่งแทะยิ่งหยุดไม่ได้
อาหารจานอื่นก็อร่อยเช่นกัน หากไม่หอมหวนชวนกินก็มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ลู่เหวินจวินชี้ไปที่เอ็นกวางตุ๋นแป้งข้าวโพด “นี่อร่อยมาก เอ็นกรอบกระดูกไม่แข็งมาก ! ถ้าอยู่ในร้านอาหารของเมืองหลวง อาหารจานนี้ต้องใช้เงินถึงหลายร้อยตำลึงเชียวล่ะ ! พวกท่านต้อนรับแขกได้อบอุ่นและมีน้ำใจมาก ! ”
หลินเว่ยเว่ยเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อวันก่อนข้าเพิ่งได้กวางมาหนึ่งตัว ทั้งสองท่านก็มาได้เวลาพอดี หากพวกท่านไม่รังเกียจจะหั่นเนื้อกวางกลับไปให้พ่อครัวทำอาหารหรือไม่…”
ลู่เหวินจวินกินเนื้อกวางรสนุ่มลิ้นหนึ่งคำแล้วส่ายศีรษะ “ช่วงสองวันนี้ข้าพักโรงเตี๊ยม อีกสองวันก็ต้องเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว กู่เหนียงให้คุณชายหนิงเถิด ส่วนของข้าไม่เป็นไร ! ”
“เอาเนื้อกวางไปไม่ได้ท่านก็สามารถเอาลู่เปียน ( ตัวเดียวอันเดียวของกวาง) ไปได้ ถ้าดองไว้ในสุรา ไม่ว่าดื่มเองหรือมอบเป็นของขวัญ…บัณฑิตน้อย เจ้าเตะข้าทำไม ? ” หลินเว่ยเว่ยเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของลู่เหวินจวินแล้ว นางจึงเริ่มคิดได้ว่าถ้อยคำของตนทำให้เขาเขินอาย ชิ คนโบราณก็หัวโบราณสมชื่อ !
หลินเว่ยเว่ยยังหยิบสุราองุ่นที่หมักเองมาต้อนรับแขก กลิ่นหอมสดชื่น รสหวานอมเปรี้ยว เสริมความงามต่อต้านริ้วรอย ! ดื่มจอกเล็ก ๆ ทุกวันก็เพลิดเพลินยิ่งกว่าสิ่งใด !
ลู่เหวินจวินคิดว่าสุราองุ่นของทางปั๋วซื่อที่พี่ชายนำกลับมายังอร่อยไม่เท่า เขาจึงทำหน้าประจบพลางพูดกับหลินเว่ยเว่ยว่า “สุราองุ่นนี้ พวกท่านยังมีอีกหรือไม่ ? ”
“มี ! ในห้องใต้ดินยังมีอีกสิบกว่าไห หากท่านทั้งสองชอบก็เอากลับไปคนละไหได้เลย ! ” ในสายตาของหลินเว่ยเว่ยเห็นว่าวัตถุดิบในการทำสุราองุ่นเหล่านี้อยู่ในป่า ขอแค่ออกแรงหน่อยก็ได้แล้ว ไม่มีค่าอันใดให้หวงแหนเลย