ตอนที่ 244 สวัสดี ว่าที่เจ้าสาว !
แม่ซัวถัวจึงยิ่งมั่นใจ แต่ใบหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมา “นางเป็นคนในหมู่บ้านเราใช่หรือไม่ ? ”
ซัวถัวรีบพยักหน้า มารดาจึงคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “หมู่บ้านฉือหลี่โกวในตอนนี้ ผู้ที่ลำบากจะลำบากมากเพียงใดกันเชียว ? ขอแค่ไม่ใช่คนเกียจคร้านสันหลังยาว ทำงานบ้านได้ก็พอแล้ว ! ”
“นางทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง เวลาว่างก็มักจะออกไปหางานทำและยังขึ้นไปเก็บผลไม้ป่าผักป่าอีกด้วย! ในบ้านก็เก็บกวาดเรียบร้อยเป็นที่เป็นทาง…” กู่เหนียงที่ขยันขันแข็งเช่นนี้ทั่วทั้งหมู่บ้านมีไม่กี่คนเท่านั้น ในใจของซัวถัวเห็นว่ากู่เหนียงที่ต้องใจล้วนดีทุกด้าน !
แม่ซัวถัวยิ้ม “เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนไป หยาเอ๋อร์เป็นหญิงสาวที่ดีคนหนึ่ง ! แม่กับนางมักจะไปช่วยงานที่ตระกูลหลินด้วยกันเสมอ แล้วจะไม่เข้าใจว่านางเป็นคนเช่นไรหรือ ? ตาของแม่หยาเอ๋อร์ไม่ได้บอดสนิทหรอก งานบ้านบางอย่างก็ยังพอทำได้ ส่วนน้องชายทั้งสองก็โตแล้ว คนโตจะต้องออกไปส่งสินค้าในเขตเริ่นอันกับลุงต้าซวนของเจ้าทุกวัน บ้านนางจึงพอมีเงินบ้าง ! ”
ซัวถัวก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย “ท่านแม่ขอรับ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าหมายถึงหยาเอ๋อร์ ? ”
“เจ้าเป็นลูกชายที่คลอดออกมาจากท้องแม่ แค่หายใจก็รู้แล้วว่าเจ้าอยากจะทำสิ่งใด ! ความคิดน้อย ๆ ของเจ้าจะปิดบังแม่ได้หรือ ? รออีกสักสองสามวัน แม่จะไปสู่ขอหยาเอ๋อร์ให้ เด็กดีเช่นนี้อย่าให้โดนครอบครัวอื่นแย่งไปอีก ! ” แม่ซัวถัวคาดเดาท่าทางของบุตรชายได้อย่างแม่นยำ
ทุกวันนางต้องไปทำงานในบ้านตระกูลหลิน บัณฑิตเจียงมักจะปฏิบัติตัวต่อทุกคนอย่างดี ด้านหยาเอ๋อร์ไม่เคยแสดงออกว่าชมชอบเขาในทำนองนั้น ปกติก็มักหลีกเลี่ยงเสียด้วยซ้ำ คิดเพียงอย่างเดียวคือต้องทำงานอย่างหนัก ในที่สุดบุตรชายก็ตกหลุมรักกู่เหนียงที่แสนดีผู้หนึ่งเข้า !
ไม่ได้การ พรุ่งนี้ต้องไปร่วมเฉลิมฉลองงานหมั้นของตระกูลหลิน นางจะได้เชิญ…นางหวงมาเป็นแม่สื่อให้ซัวถัว หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนผู้อื่นตัดหน้าไปอีก
ตอนนี้ตระกูลหลินถือเป็นศูนย์กลางของคนในหมู่บ้านและได้ยกระดับให้อยู่ในตำแหน่งเทียบเท่ากับผู้ใหญ่บ้าน ปกติแล้วนางหวงก็ใจดีกับผู้อื่นเสมอ ดังนั้นน่าจะยอมช่วยเหลือ !
เสี่ยวฉาวเอ่ยถาม “ท่านแม่ขอรับ เหตุใดนางต้องโดนผู้อื่นแย่งไป ‘อีก’ ? หรือมีคนแย่งกู่เหนียงที่ท่านพี่ชอบมาก่อน ? ผู้ใดหรือ ? ข้าจะไปซัดหน้ามันเอง ! ”
“ไม่มีผู้ใดทั้งสิ้น ! เจ้าก็อย่ามัวทำตัวว่างงาน เอ้อระเหยลอยชายทั้งวัน มีเวลาก็ไปช่วยแยกสินค้าในโรงงานแปรรูป ! ตอนนี้สินค้าที่ต้องส่งไปยังเขตเริ่นอันมีจำนวนมากขึ้นทุกวัน อีกไม่นานตระกูลหลินต้องเพิ่มเกวียนเทียมล่อและรถม้าอีกแน่ ! ครั้งต่อไปก็สมัครเป็นคนขับรถม้า รู้จักแสวงหาบ้างก็ดี ! ” แม่ซัวถัวดึงหูของบุตรชายคนเล็กประจำบ้าน ดึงจนเขาต้องตะโกนร้องขอชีวิต
เสี่ยวฉาวหรือฉาวจื่อร้องตะโกนเสียงดัง “ท่านแม่ขอรับ ข้ารู้แล้ว ! เจ็บ เจ็บ ! ท่านเบามือหน่อย ! ! ”
เช้าวันต่อมา เป็นวันที่อากาศดีแสงแดดอบอุ่น สายลมพัดโชยเบา ๆ ท้องฟ้าปลอดโปร่ง นกน้อยส่งเสียงขานร้องดังระงมอยู่บนยอดไม้เก่าแก่ของหมู่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ คล้ายกำลังฉลองเรื่องน่ายินดีของทั้งสองตระกูล
ดั่งที่คนโบราณกล่าวไว้ ‘หากจะไปสู่ขอว่าที่เจ้าสาว ควรให้พ่อสื่อแม่สื่อเป็นผู้เอ่ยก่อน เมื่อได้รับการอนุญาตจึงให้เจ้าสาวทำการรับสินสอด’ ซึ่งกล่าวได้ว่าตระกูลไหนชมชอบบุตรสาวตระกูลใด ควรให้พ่อสื่อแม่สื่อทาบทามเสียก่อน หากทั้งสองฝ่ายเห็นว่าเหมาะสมก็เป็นอันว่าการทาบทามสู่ขอสำเร็จ
เช้าตรู่วันนี้ บัณฑิตเจียงแบกห่านตัวใหญ่คู่หนึ่งมาถึงหน้าประตูบ้าน ตามมาด้วยหนุ่มสาวน้อยใหญ่ที่แต่งกายด้วยชุดให้เกียรติต่อวงศ์ตระกูล บ้างก็เป็นสหายร่วมห้องเรียนที่ค่อนข้างสนิทสนมกันเมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ในสำนักศึกษา บ้างก็เป็นลูกหลานในหมู่บ้าน พวกเขาทั้งยกทั้งหามสินสอดสู่ขอมาประเคนให้ถึงหน้าประตูบ้านตระกูลหลิน
ตระกูลหลินได้เชิญคนที่มีความสัมพันธ์อันดีเข้ามาดื่มฉลองด้านใน นอกจากนี้ก็ยังมีครอบครัวผู้ใหญ่บ้าน ครอบครัวป้ากุ้ยฮวา ครอบครัวซัวถัว ครอบครัวหยาเอ๋อร์ ส่วนครอบครัวของคนงานที่ทำงานอยู่ในโรงงานแปรรูปล้วนมาช่วยเตรียมงานตั้งแต่เช้า
กำไลเงินของแม่ซัวถัวยังไม่ถูกมอบให้อีกฝ่าย ตระกูลหลินกลับพูดดักทางเสียก่อนว่าจะไม่รับของขวัญจากผู้ใดเด็ดขาด แค่มาดื่มเฉลิมฉลองด้วยกันก็พอแล้ว หากต้องให้ของขวัญอีกก็เชิญหันหลังกลับ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น
เวลานี้ลานกว้างของตระกูลหลินแน่นขนัดไปด้วยผู้คน แม้แต่บนกำแพง ต้นไม้ที่อยู่ละแวกใกล้เคียงก็ล้วน ‘แน่น’ ไปด้วยเด็กน้อย !
“ว้าว ! ห่านตัวใหญ่ ! บัณฑิตเจียงอุ้มห่านคู่มาถึงหน้าประตู ! ” กลุ่มเด็กที่อยู่ด้านนอกมองเห็นได้อย่างชัดเจนจึงทยอยกันส่งเสียงร้องตะโกนออกมา
ในบรรดาสินสอดสู่ขอสมัยโบราณ แค่ห่านตัวใหญ่ก็เป็นสินสอดได้เพราะห่านหนึ่งตัวจะมีคู่แค่ตัวเดียวตลอดชีวิต นั่นหมายความว่าตั้งแต่เกิดจนถึงตายมันจะซื่อสัตย์และจงรักภักดีไม่เปลี่ยนแปลง ! ทว่าตอนนี้ก็ปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว นกจำพวกห่านประเภทนี้พากันบินไปทางทิศใต้หมด บัณฑิตเจียงไปเอาห่านคู่นี้มาจากที่ใด ?
หลังเปิดกล่องสินสอดสู่ขอแต่ละกล่อง ในนั้นประกอบด้วยผ้า 4 ผืน เครื่องประดับ 4 ชุด ขนมมงคล 6 กล่อง ผลไม้กล่องอีก 6 ชนิด ในตอนที่ยื่นสินสอดเหล่านี้ บัณฑิตเจียงค่อนข้างไม่พอใจ จำนวนของขวัญในการสู่ขอมีการกำหนดไว้แล้ว หากเป็นขุนนางระดับสี่ขึ้นไปจะประกอบไปด้วยผ้าไหม เครื่องประดับ 8 ชิ้น อาหาร 10 อย่าง หากเป็นขุนนางระดับห้าลงมาจะต้องลดลงอย่างละ 2 ชิ้น หากเป็นขุนนางระดับแปดลงมาก็ค่อยลดอีก 2 ชิ้น ส่วนคนทั่วไปจำกัดไว้แค่ 4…
หากเป็นในอดีต เขาดำรงตำแหน่งโฉวฝู่ขุนนางระดับหนึ่ง จะสามารถกำหนดมาตรฐานดีที่สุดให้แก่คนของตนได้ ทว่าตอนนี้…เฮ้อ! ต่อให้มีเงินมีทองก็ไม่สามารถทำได้ !
เจียงโม่หานไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ชาวบ้านที่ห้อมล้อมเข้ามากลับสร้างความวุ่นวาย
“เอาน่า แค่สินสอดสู่ขอก็มากพอแล้ว ! ทั้งยังมีมูลค่ามากกว่าหลายร้อยตำลึงอีกกระมัง ? ”
“ว้าว ! ผ้าผืนนี้งดงามมาก จับแล้วให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มคล้ายก้อนเมฆที่อยู่บนฟ้าเลย…”
“ไป ไป ! หยุดคุยโว อย่าทำเหมือนเคยจับก้อนเมฆมาก่อน ผ้าผืนนี้ในเขตเริ่นอันไม่มีขายหรอก น่าจะมาจากทิศใต้ ! มีราคาแพงมาก ! ”
“เจ้ารู้ด้วยหรือ ? เจ้าเคยไปทิศใต้มาใช่หรือไม่ ? ดูเหมือนเจ้าจะเชี่ยวชาญไปเสียทุกอย่าง ! แต่มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าพูดถูกคือผ้าผืนนี้จะต้องมีราคาแพงมากแน่นอน ครั้งที่แล้วข้าเห็นผ้าผืนหนึ่งในร้านขายผ้าของเขตเริ่นอันยังไม่นุ่มเท่านี้เลย น่าจะมีราคาผืนละ 10 ตำลึงได้แล้ว ! ”
“ไอหยา มาดูเครื่องประดับชิ้นนี้เร็ว ! เป็นทองคำเสียด้วย ! ลวดลายบนกำไลคู่นี้งดงามมาก ดูปิ่นคู่นี้สิ ด้านบนยังประดับด้วยหยกอีกด้วย…คิดเป็นมูลค่าของเงินตั้งเท่าไหร่กัน ! ”
…
การสู่ขอในหมู่บ้าน หากทุ่มเงินกว่าแปดหรือสิบสองตำลึงก็ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้แก่วงศ์ตระกูลมากแล้ว นี่ตั้งใจให้ผ้าชั้นดีอีกด้วย วันนี้พวกชาวบ้านได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ ที่แท้การสู่ขอจะต้องเตรียมการมากมาย…ถึงเพียงนี้ !
ทั้งสองฝ่ายล้วนพึงพอใจเป็นอย่างมาก การสู่ขอเป็นแค่ขั้นตอนตามประเพณีเท่านั้น หลินเว่ยเว่ยยังคงนิ่งสงบเป็นแมวน้อยเชื่อฟังอยู่ในห้องของตน นางแค่อยากออกไปดูความคึกคักด้านนอก แต่มารดาไม่อนุญาต สั่งให้นางอยู่แต่ในห้อง ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด
บุตรสาวคนโตตระกูลหลินก็อยู่เป็นเพื่อนในห้องด้วยและกำลังก้มหน้าจัดการรองเท้าอยู่ด้านข้าง ไม่เอ่ยสิ่งใดแม้แต่คำเดียว ไม่นานหยาเอ๋อร์ที่วิ่งออกไปดูความคึกคักด้านนอกก็วิ่งกลับเข้ามาและเล่าสถานการณ์ด้านนอกอย่างละเอียด ห่านเอย เครื่องประดับเอย ผ้า…เล่าจนหลินเว่ยเว่ยทนไม่ไหวต้องแง้มหน้าต่างด้านเดียวกับลานกว้างเพื่อชำเลืองมองสถานการณ์ครู่หนึ่ง
เจียงโม่หานแบกห่านคู่เข้ามา สายตาของเขาชำเลืองมองอย่างอดไม่ได้ แต่แล้วเขาก็เห็นใบหน้าอ่อนหวานแอบมองมาจากรอยแง้มของบานหน้าต่าง ดวงตาคู่โตจึงกลอกไปมาด้วยความกระสับกระส่าย
เขาเอี้ยวกายมาทางนี้เพื่อให้นางเห็นห่านในมืออย่างชัดเจน ห่านสองตัวนี้เหมือนเคยเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาแล้ว มันจึงค่อนข้างนิ่งมาก ห่านตัวผู้ถูปีกของห่านตัวเมียด้วย !
นางหวงได้เชิญท่านหมอเหลียงที่เป็นพ่อสื่อและมารดาของเจียงโม่หานเข้ามาด้านใน เนื้อแผ่น ผลไม้อบแห้งและขนมหลากสีสันถูกจัดวางเรียงรายเต็มโต๊ะ หลินจื่อเหยียนก็ทำการต้อนรับสหายของเจียงโม่หานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง…