หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 561 ข้าชอบความรู้สึกแบบนี้

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 561 ข้าชอบความรู้สึกแบบนี้

“ถ้ายังเรียก ‘องค์หญิง’ และ ‘องค์หญิง’ อีก ข้าจะถีบท่านติดกำแพงและทำให้ท่านฝังอยู่ในนั้นจนดึงออกมาไม่ได้” หลินเว่ยเว่ยยกเท้าขึ้นเผยให้เห็นรองเท้าหนังคู่น้อยที่เย็บปักขึ้นมาอย่างวิจิตรบรรจง

ลู่เหวินจวินแสร้งทำเป็นหวาดกลัว “หลินกู่เหนียงโปรดออมแรงด้วย ร่างกายน้อย ๆ ของข้าทนกับความทรมานนี้ไม่ไหวหรอก ! หลินกู่เหนียงพอจะมีเวลาคุยกันหรือไม่ ? ”

หลินเว่ยเว่ยพยักหน้า “ด้านหน้ามีโรงน้ำชาตั้งอยู่ ไปนั่งดื่มชาร้อน ๆ ที่นั่นกันเถิด ! ”

หลังจากทุกคนหย่อนกายนั่งลงที่ห้องส่วนตัวของโรงน้ำชาแล้ว ลู่เหวินจวินก็เริ่มรินชาให้พวกหลินเว่ยเว่ย…ทีละถ้วย ทีละถ้วย แล้วจึงเริ่มพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “วันนี้ช่างเป็นวันดีของข้าจริง ๆ ออกจากบ้านก็ได้พบแขกผู้มีเกียรติ ขอให้เรื่องที่คิดไว้สมปรารถนาด้วยเถิด ! ”

“หืม ? คุณชายลู่อยากพบข้าหรือ ? มีธุระอันใด ? ” หลินเว่ยเว่ยยกถ้วยชากระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินขาวขึ้นมา แต่นางไม่ได้ดื่ม เพียงนำมาอุ่นมือตัวเองเท่านั้น

ลู่เหวินจวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ไม่ทราบว่าหลินกู่เหนียงมีความคิดจะทำการค้าเมล็ดสนและเมล็ดถั่วคั่วรสชาติต่าง ๆ ที่เมืองหลวงหรือไม่ ? ”

“ถ้ามีข้อจำกัดด้านวัตถุดิบก็ไม่อาจทำงานได้ดี แม้ข้าอยากทำการค้าสองอย่างนี้ แต่ก็ไม่อาจทำเมล็ดสนและเมล็ดต่าง ๆ ออกมาได้ในชั่วพริบตา ! ” หลินเว่ยเว่ยมองลู่เหวินจวินเพื่อรอให้เขาพูดต่อ

เป็นอย่างที่คิดว่าลู่เหวินจวินไม่ทำให้นางผิดหวัง “ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ข้าซื้อเมล็ดสนและเมล็ดทานตะวันไว้หนึ่งชุด ตอนขนมาจากทุ่งหญ้า ข้ายังไปที่หมู่บ้านฉือหลี่โกวด้วย เดิมทีคิดจะคุยการค้าครั้งนี้กับหลินกู่เหนียง แต่คาดไม่ถึงว่าท่านและเจียงเจี้ยหยวนจะเดินทางมาที่เมืองหลวงแล้ว…”

หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้ม “คาดไม่ถึงว่าคุณชายลู่จะมีหัวการค้าเหมือนกัน ! ท่านซื้อเมล็ดสนและเมล็ดต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว มั่นใจขนาดนั้นเลยหรือว่าข้าจะยอมร่วมลงทุนกับท่าน ? ”

คุณชายลู่ถูมือพลางพูดด้วยความประหม่า “ที่จริง นี่เป็นเรื่องดีของทั้งสองฝ่าย เดิมทีข้าคิดว่าหลินกู่เหนียงคงไม่ปฏิเสธ แต่ตอนนี้…แค่ก แค่ก ไม่ทราบว่าท่านยังพอจะเห็นกำไรเล็ก ๆ จากการค้าครั้งนี้อยู่ในสายตาหรือเปล่า ! ”

ก็จริง เพราะวัตถุดิบของฉือหลี่โกว…เมล็ดสนมีจำกัด กอปรกับโรงงานแปรรูปแทบจะหยุดงานไปถึงครึ่งปี นอกจากนี้ยังเป็นปีที่นางส่งมอบโรงงานให้ทางหมู่บ้านแล้ว ผลประโยชน์จึงกลายเป็นของคนทั้งหมู่บ้าน

ลู่เหวินจวินขนเมล็ดสนปากอ้าจากหมู่บ้านฉือหลี่โกวมาจนถึงเมืองหลวง แน่นอนว่ามันได้รับความนิยมในวงกว้าง แม้ราคาจะเพิ่มสูงกว่าแดนเหนือถึงเท่าตัว แต่ก็ยังขาดตลาด หากเปิดโรงงานแปรรูปเมล็ดสนที่เมืองหลวงก็จะต้องได้กำไรสูงกว่าของที่ได้รับจากหมู่บ้านฉือหลี่โกวแน่นอน ! ถือว่าน่าสนใจมาก !

“ย่อมเห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ! แม้ยุงมีขนาดเล็กแต่ก็ยังมีเนื้อ ! แล้วจะมองไม่เห็นได้อย่างไร ? ” หลินเว่ยเว่ยคิดว่าเดือนสิบสองน่าจะเป็นเดือนแห่งโชคลาภของนาง เพราะมีแต่คนนำเงินมามอบให้ถึงที่ ! “คุณชายลู่คิดจะร่วมลงทุนกับข้าอย่างไร ? ”

“แบบนี้ ! ขอแค่ท่านคิดค้นสูตร เรื่องอื่นข้าก็ไม่ทำให้ท่านปวดหัว ส่วนเรื่องผลกำไร…เราแบ่งเป็นสามต่อเจ็ดดีหรือไม่ ? แต่หากท่านไม่พอใจ เราแบ่งเป็นสองต่อแปดก็ได้ ! ข้าสอง ท่านแปด ! ” ลู่เหวินจวินรีบแสดงความจริงใจออกมา ยังไม่ทันรอให้หลินเว่ยเว่ยได้พูดอะไร เขาก็ออกตัวเปลี่ยนส่วนแบ่งใหม่แล้ว !

หลินเว่ยเว่ยเหนื่อยหน่ายทันที “คุณชายต้องดูแลทั้งวัตถุดิบและยังจัดการงานต่าง ๆ อีก นี่ยังทำการค้าเป็นอยู่หรือเปล่า ขอแค่สองส่วนสิบ ? สมองไม่ได้มีปัญหาใช่หรือไม่ ? ”

“ข้ามีสติดี ! หลินกู่เหนียง ฐานะในตอนนี้ของท่านมีคนมากน้อยเพียงใดที่คิดจะเป็นหุ้นส่วนแต่ไม่มีลู่ทาง การที่ท่านร่วมลงทุนกับข้าก็ถือเป็นเกียรติของพวกเราตระกูลลู่…” ลู่เหวินจวินนึกถึงบิดาและพี่ชายที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดของตน คาดไม่ถึงว่าตนจะเจรจาออกมาได้อย่างราบรื่นขนาดนี้ ทำให้องค์หญิงเว่ยเว่ยพยักดวงพักตร์ได้ !

ต้องทราบก่อนว่าตอนนี้องค์หญิงเว่ยเว่ยเป็นบุคคลที่กำลังโด่งดังในเมืองหลวง ยังไม่พูดถึงเรื่องที่นางเป็นบุตรสาวตำหนักหมินอ๋อง พูดแค่เรื่องการช่วยชีวิตฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเอาไว้ก็เพียงพอให้นางสร้างคลื่นลมในเมืองหลวงได้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นคือฮ่องเต้ยังแต่งตั้งนางเป็นองค์หญิงและยังเป็นองค์หญิงที่ได้รับที่ดินศักดินาอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้โปรดปรานนาง ! พูดกันว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงและองค์หญิงเจียวเจียวก็ปฏิบัติต่อนางต่างออกไปด้วย ! เมื่อเทียบกับบุตรชายผู้ทรงอำนาจในเมืองหลวงแล้ว ชื่อเสียงขององค์หญิงเว่ยเว่ยยังดียิ่งกว่าเสียอีก !

“พอแล้ว ! เลิกเอาเรื่องฐานะมาพูดได้หรือไม่ ? เวลาเจรจาการค้าท่านไม่คิดว่ามันเสียเปรียบเกินไปหน่อยหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยวางถ้วยชาในมือลงแล้วสอดมือใส่ที่อุ่นมือเตียวผี ( ขนมิงค์ ) แทน

“ไม่เสียเปรียบ ! ” ลู่เหวินจวินพูดเปิดอก “หลินกู่เหนียง ท่านลองคิดดูว่าสูตรทำเมล็ดสนปากอ้านี้ ถ้าไม่มีเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่าน ตระกูลลู่ที่ต้อยต่ำอย่างพวกเราจะสามารถคิดขึ้นมาได้อย่างไร ? สำหรับวิธีแบ่งผลกำไรของพ่อค้าและผู้ทรงอำนาจ วิธีที่เราทำอยู่ถือว่าปกติมากในเมืองหลวง ใช่ว่าเพราะข้าอยากเอาใจท่านแล้วยัดเงินใส่มือท่านแต่อย่างใด ! ”

หลินเว่ยเว่ยโบกมือ “พอแล้ว ! เลิกพูดได้แล้ว ! แบ่งตามที่ข้าเคยตกลงไว้กับคุณชายหนิงก็แล้วกัน…สามต่อเจ็ด ! กลับไปแล้วข้าจะเขียนสูตรออกมาและให้คนนำมาส่งแก่ท่าน ! ”

ลู่เหวินจวินคาดไม่ถึงว่ามันจะราบรื่นถึงขนาดนี้จึงดีใจยิ่งกว่าอะไร จากนั้นก็พูดกับหลินเว่ยเว่ยว่า “วางใจได้ ผ่านไปอีกไม่ถึงห้าวัน ข้าจะต้องสร้างโรงคั่วเมล็ดออกมาได้แน่นอน ! ก่อนปีใหม่นี้เราจะได้เงินก้อนโต ! ”

“ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าขอใช้ชาแทนสุราเพื่ออวยพรให้คุณชายลู่ทำสำเร็จโดยไว ! ” หลินเว่ยเว่ยยกถ้วยชาขึ้น หลังชนถ้วยชากับลู่เหวินจวินแล้วนางก็ยกขึ้นจิบเบา ๆ…นางไม่ชอบดื่มชาสักเท่าไร โดยเฉพาะชาที่มีรสเข้มข้นแบบนี้ ขมจะตายไป ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนถึงชอบดื่มกันนัก !

แต่ลู่เหวินจวินกลับดื่มมันราวกับดื่มสุราเลิศรส กระดกดื่มไปถึงครึ่งถ้วย แต่โดนลวกลิ้นเพราะน้ำชาร้อนจึงกระโดดโหยง ใบหน้าแดงระเรื่อและมีน้ำตาคลอเบ้า…นี่มันเครื่องมือฆ่าคนชัด ๆ !

หลินเว่ยเว่ยชี้เขาแล้วหัวเราะจนท้องแข็ง ลู่เหวินจวินเกาศีรษะด้วยความเขินอาย ถึงแม้หลินกู่เหนียงจะกลายเป็นองค์หญิงเว่ยเว่ยแห่งตำหนักหมินอ๋องแล้วกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ยังคงร่าเริงและสดใสเหมือนเดิม !

เมื่อออกมาจากโรงน้ำชา หิมะก็หยุดตกแล้ว แม้อุณหภูมิของเมืองหลวงจะไม่ต่ำเท่าภาคเหนือ แต่ฤดูหนาวก็ยังคงหนาวเหน็บดังเดิม หลินเว่ยเว่ยพ้นลมหายใจอุ่น ๆ ลงบนฝ่ามือ เจียงโม่หานที่อยู่ด้านข้างก็ยกมือขึ้นพร้อมกับที่อุ่นมือ “ยินดีกับองค์หญิงเว่ยเว่ย ได้แม่ทัพเพิ่มมาอีกนายแล้ว ! ”

“เช่นกัน เช่นกัน ! ” หลินเว่ยเว่ยสอดมือใส่ที่อุ่นมืออีกรอบแล้วยกมือขึ้นคารวะเขาอย่างขอไปที “ข้าเองก็ขอให้เจียงเจี้ยหยวนตีพิมพ์ตำราออกมาไว ๆ ความสำเร็จของตำราเล่มใหม่งอกงามราวกับรวงข้าว ! ”

หลินจื่อเหยียนปิดหน้าแล้วพูดกับทั้งสองว่า “พวกท่านพอได้แล้ว ! ”

“ไม่พอ ! ” หลินเว่ยเว่ยทำตาขวางใส่น้องชาย “ถ้าบัณฑิตน้อยได้อยู่ที่เมืองหลวงต่อ จึงจะเป็นเวลาที่ข้าแสดงฝีมืออย่างแท้จริง ! ข้าจะเปิดร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มีอาหารพิเศษกว่า 100 ชนิด ทำให้ลูกค้าได้กินสิบวันก็ยังไม่ครบ…บัณฑิตน้อย พวกชนชั้นสูงในเมืองหลวงทำการค้าได้หรือไม่ ? จะโดนกล่าวโทษว่าหาผลประโยชน์และแข่งขันกับสามัญชนหรือเปล่า ? ”

“เจ้าเห็นชนชั้นสูงบ้านใดลงมาทำการค้าอย่างออกหน้าออกตาบ้าง ? ส่วนใหญ่ก็ทำเหมือนที่เจ้าร่วมลงทุนกับคุณชายลู่และคุณชายหนิง เจ้าแค่รับความเคารพจากชนชั้นที่ต่ำกว่า มีบางคนจดทะเบียนร้านค้าด้วยชื่อของข้ารับใช้…” เจียงโม่หานเดินตามหลังนางไปบนถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ

ร้านค้าตลอดสองข้างทางมีคนออกมาทำความสะอาดหิมะตรงหน้าร้านกันแล้ว พวกเขาทำความสะอาดหิมะหน้าร้านของตนเท่านั้น หรือจะอธิบายอย่างสมบูรณ์แบบว่า ‘กวาดหิมะหน้าร้านตัวเอง’

“กุบกับ กุบกับ กุบกับ…” เสียงเกือกม้าดังขึ้นที่ด้านหลัง หลินเว่ยเว่ยยื่นมือออกไปแล้วดึงบัณฑิตน้อยที่เดินเล่นอย่างเพลิดเพลินให้กลับมาอยู่ข้างกายนาง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท