ตอนที่ 645 พวกเจ้าหน้าตาอัปลักษณ์กันทั้งบ้าน
ผู้ดูแลฉูและขันทีฝูหรงอยู่ดูแลที่ไร่ เมื่อข้าวขาวเริ่มแตกยอดขึ้นใหม่ คนงานในไร่ก็ทำตามรูปแบบเดิมที่เคยทำมา หลินเว่ยเว่ยจึงได้มีเวลาว่างสักที ส่วนเจียงโม่หานกำลังติดตามการแผ้วถางที่ดินของชาวบ้านและมีเวลาช่วยภรรยาทำเครื่องแกะเมล็ดข้าวโพด
ฝักข้าวโพดผ่านเข้าไปตามช่อง โดยมีฟันเฟืองจากแรงคนหมุนทำให้ฝักข้าวโพดผ่านไปตามรางเลื่อนแล้วโดนใบมีดด้านในทำให้เมล็ดข้าวโพดหลุดออก ขั้นตอนสุดท้ายคือเมล็ดแต่ละขนาดจะผ่านตะแกรงด้านล่างเพื่อคัดแยกเมล็ดข้าวโพดที่อวบอ้วนออกมา
หลินเว่ยเว่ยรับหน้าที่แค่ออกความคิดเห็น ในส่วนเฉพาะทางมีเจียงโม่หานเป็นผู้ดูแล เจียงโม่หานออกไปตามหาช่างไม้และช่างตีเหล็กที่ฝีมือไม่เลวเพื่อมารวมตัวเป็น ‘ทีมวิจัยและพัฒนา’ หลังผ่านการทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็ทำเครื่องแกะเมล็ดข้าวโพดที่ทั้งสะดวกและประหยัดเวลาได้สำเร็จ
ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ใช้ซังข้าวโพด รำข้าวสาลี กากถั่วและก้างปลาป่นมาทดลองผสมเข้าด้วยกันเพื่อทำอาหารไก่และอาหารหมู อาหารชนิดนี้ไม่เพียงเป็นที่โปรดปรานของพวกสัตว์ แต่ยังมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและลดโรคที่จะเกิดกับพวกมันด้วย…
ไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ ต้องรอถึงครึ่งปีกว่าจะโต ฟาร์มปลอดเชื้ออย่างสวนผลไม้ให้อาหารไก่เพิ่มทุกคืน ผ่านไปเพียง 4 เดือนก็มีน้ำหนัก 4-5 ชั่งแล้ว หมูที่ได้กินอาหารชนิดนี้ หลังจากเลี้ยงได้ครึ่งปีก็สามารถนำออกมาเชือดได้ แต่ละตัวยังมีน้ำหนักมากกว่า 200 ชั่งขึ้นไปอีกด้วย
พวกเกษตรกรผู้เช่าในไร่ต่างรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาก็เคยเลี้ยงหมูมาก่อน ต้องเลี้ยงถึง 1 ปีกว่าจะนำออกมาเชือดตอนสิ้นปีได้และน้ำหนัก 150 ชั่งก็ถือว่าอ้วนมากแล้ว !
ไร่ทั้งสองเลี้ยงสัตว์ปีกและปศุสัตว์เหมือนกัน! ทว่าพวกไก่ เป็ด ห่าน หมูและแกะในไร่ของหลินเว่ยเว่ยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีตลาดรับซื้อเพราะแค่ร้านอาหารที่นางร่วมลงทุนกับองค์หญิงเจียวเจียวก็ใช้ไปกว่าครึ่งแล้ว
หลังจากทำตามคำเรียกร้องของญาติมิตร ในเมนูของร้านก็มีอาหารประเภทย่างและตุ๋นเพิ่มขึ้นมา มีทั้งไก่ย่าง เป็ดย่าง หมูตุ๋น ไส้ตุ๋น ในแต่ละวันขายหมดเกลี้ยงจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ร้านอาหารต้องการ !
การเกษตรแบบผสมผสานของหลินเว่ยเว่ย นอกจากลงทุนต่ำแล้วผลผลิตที่ได้ยังมากกว่าปกติ แม้การทดลองในปีแรกจะทำให้เห็นผลเลยก็ตาม ภายใต้ความช่วยเหลือของเจียงโม่หาน นางยังเขียนฎีกาเกี่ยวกับประสบการณ์ในการเพาะปลูกขึ้นถวายฮ่องเต้หยวนชิงอีกเล่มหนา
แน่นอนว่าไร่ของชาวบ้านจะเหมือนไร่ของผู้มีอำนาจไม่ได้ การจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่และเลี้ยงสัตว์ได้จำนวนมากอะไรทำนองนั้น หลินเว่ยเว่ยยังยกตัวอย่างของชาวบ้านและออกแบบการทำเกษตรที่เหมาะสมที่สุดเพื่อช่วยประหยัดต้นทุนในการทำไร่ทำนาของราษฎร หรือแม้แต่สูตรอาหารสัตว์ก็ยังเขียนแบ่งปันแก่ราษฎรด้วย
ฮ่องเต้หยวนชิงทรงพระเกษมสําราญพลางมีพระราชโองการไปยังเขตปกครองซุ่นเทียนทันที…บอกว่าเจียงโม่หานสามีของหลินเว่ยเว่ยเป็นผู้เผยแพร่แนวคิดนี้ออกมา คนทั่วซุ่นเทียนต่างอิจฉาตาร้อนกันทันที…นี่ไม่เท่ากับยัดผลงานใส่มือรองผู้ตรวจการเจียงหรือไร ?
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าวิธีทำการเกษตรแบบผสมผสานนี้ถูกสร้างขึ้นโดยภรรยาของรองผู้ตรวจการ เพราะในสายตาของพวกเขาคือเด็กสาวที่มาจากชนบทคนหนึ่งจะมีความสามารถสักเท่าไรกันเชียว สุดท้ายแล้ว ‘การเกษตรแบบผสมผสาน’ ต้องมีรองผู้ตรวจการคอยชี้แนะแน่นอน ? ต้องทราบก่อนว่ารองผู้ตรวจการเป็นคนมากความสามารถ ความรู้กว้างขวาง แถมตอนที่ยังเป็นบัณฑิตถงเซิงอยู่ก็สร้างกังหันน้ำกระดูกมังกรและวิธีกรองน้ำให้กองทัพออกมาได้แล้ว…
อย่ามองว่ารองผู้ตรวจการมีหน้าตาดีแล้วจะนิสัยแย่ เพราะสำหรับภรรยาที่หน้าตาอัปลักษณ์ของเขาคนนั้น (หลินเว่ยเว่ย “เจ้านั่นแหละหน้าตาอัปลักษณ์ พวกเจ้าหน้าตาอัปลักษณ์กันทั้งบ้าน ! ” ) เขากลับรักนางดั่งแก้วตาดวงใจ
ลือกันว่าเพราะกลัวสาวน้อยจะขึ้นไปตักน้ำบนเขาทุกวันจนเหนื่อย เขาจึงสร้างกังหันน้ำกระดูกมังกรขึ้นมา วิธีเขียนบัญชีรูปแบบใหม่ของกรมคลังก็คิดเพื่อนาง ตอนอยู่ที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือก็เหมือนกัน ภรรยาต้องการแผ้วถางที่ดินเพาะปลูก เขาจึงสร้างคันไถล้อคู่ขึ้นมา จากนั้นกังวลว่านางจะไม่สะดวกสบายในการใช้น้ำจึงขุดคลองสร้างระบบชลประทาน สร้างปูนขึ้นมาโดยหมายจะทำเขื่อนกั้นน้ำเพราะนาง…
เฮอะเฮอะ ! ตอนนี้ยังได้ผลงานการทำเกษตรแบบผสมผสานไปอีก กระนั้นทุกอย่างเขาก็ยกให้เป็นผลงานของภรรยาทั้งนั้น ฮ่องเต้ต้องอ่านใจเขาออกจึงยกรีบผลงานนี้ให้เขาก่อน ไม่พูดก็คงไม่ได้ว่าเจ้าหนุ่มมีทั้งความสามารถและโชคลาภจริง ๆ !
แต่พวกเขาคาดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่คิด นอกจากกังหันน้ำกระดูกมังกรแล้ว ผลงานอย่างอื่นล้วนมีความคิดแรกเริ่มมาจากหลินเว่ยเว่ย แม้นางจะทำเพื่อสนับสนุน ‘ความปรารถนา’ ของตนก็ตามเถิด ส่วนการทำเครื่องไม้เครื่องมือเฉพาะทางล้วนเป็นผลงานของเจียงโม่หาน
เจียงโม่หานผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ เดิมทีคิดจะไม่ทำตัวให้สะดุดตา ค่อย ๆ ก้าวสู่ตำแหน่งเหนือคนนับหมื่นอยู่เบื้องล่างเพียงคนผู้เดียวอย่างไม่หวือหวา แต่ใครจะไปคิดว่าภรรยาของเขาจะคอยผลักดันเขาไปข้างหน้าเรื่อย ๆ…เขาเองก็อยากทำตัวให้ไม่สะดุดตาอยู่หรอก แต่สภาพความเป็นจริงไม่เอื้ออำนวยให้ทำแบบนั้น !
จากวันที่ข้าวงอกใหม่ออกรวงอีกครั้ง ไร่ของหลินเว่ยเว่ยก็เหมือนทิวทัศน์แดนตะวันตก ราษฎรที่อยู่ในละแวกนั้นต่างได้ยินข่าวลือว่าไร่ทดลองการเกษตรแบบผสมผสานเป็นของราชสำนัก พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น
ขันทีฝูหรงพาผู้เช่าและคนคุ้มกันเดินตรวจตราโดยรอบไร่อย่างเข้มงวดเพราะกลัวจะมีชาวบ้านชอบริษยาคนอื่นมาทำให้เสียเรื่อง หลังรู้สถานการณ์นี้แล้วหลินเว่ยเว่ยก็ไปคุยกับเจียงโม่หานว่า
“ปิดกั้นแย่กว่าเปิดเผย ฮ่องเต้ไม่ได้รับสั่งให้เจ้าส่งเสริมการทำเกษตรแบบผสมผสานหรอกหรือ ? เจ้าเรียกนายอำเภอ ปลัดอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน รองผู้ใหญ่บ้านและกลุ่มรักษาความปลอดภัยระดับหมู่บ้านต่าง ๆ ในละแวกนี้มารวมกลุ่มกันแล้วไปดูการทำเกษตรที่ฟาร์มหลวง พอถึงเวลานั้นข้าจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาอธิบายวิธีทำเกษตรและประโยชน์ของมันให้พวกเขาฟัง คู่มือการทำเกษตรนั้นแต่ละหมู่บ้านมีไว้สักหนึ่งชุดและยังสามารถเลือกคนสักกลุ่มหนึ่งมานำร่องในการทำเกษตรสำหรับหมู่บ้านต่าง ๆ ได้ด้วย พอคนพวกนี้ได้สัมผัสประสบการณ์จริงแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องเปลืองน้ำลายต่อไป ประเดี๋ยวพวกเขาก็ลงมือทำกันเอง ไฉนเลยยังจะต้องหาวิธีส่งเสริมอีก ? ”
เจียงโม่หานมองเข้าไปในแววตาของนางแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เจ้าเป็นภรรยาที่ดีของข้าจริง ๆ ! รู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าชอบพูดบ่อย ๆ ว่าเบื้องหลังของบุรุษที่ประสบความสำเร็จต่างมีสตรีที่โดดเด่นคอยหนุนหลังเสมอ ตอนนี้ข้าเริ่มมั่นใจแล้วว่า…ในใต้หล้านี้ไม่มีสตรีคนใดโดดเด่นกว่าภรรยาของข้า ! ถ้าเจ้าเป็นบุรุษ จะต้องกลายเป็นขุนนางผู้ทรงอำนาจแน่นอน ! ”
“เอาน้ำแกงเพ้อฝันให้ข้าน้อยหน่อยเถิด ! ” แม้หลินเว่ยเว่ยจะพูดแบบนั้น แต่มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม “เวลาเขียนหนังสือเหล่านั้นข้าง่วงนอนจะตาย ตัวอักษรยังไม่ทันเขียนเสร็จ การสอบบัณฑิตครั้งแรกก็จบลงแล้ว จะเป็นขุนนางผู้ทรงอำนาจได้อย่างไร ? ข้าก็แค่โชคดีไปหน่อย มีไหวพริบบ้างเล็กน้อย เทียบกับสามีอย่างเจ้าไม่ได้หรอก ! ”
“อย่างเจ้าเรียกมีไหวพริบเล็กน้อย ? เรียกว่าอัจฉริยะต่างหาก ! ได้ภรรยาเช่นนี้ ข้ายังปรารถนาอะไรอีก…” เจียงโม่หานดึงตัวภรรยาเข้ามาแล้วให้นางนั่งบนตักของเขา
หลินเว่ยเว่ยยกมือโอบรอบคอเขาแล้วหัวเราะคิกคัก “เราสองคนชมกันไปกันมาแบบนี้ไม่รู้สึกแปลกบ้างหรือ ? ”
“นี่เรียกว่ายกยอปอปั้นซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายต่างรักใคร่…” เมื่อมีหยกเนื้องามอยู่ในอ้อมกอด รองผู้ตรวจการเจียงไม่ใช่หลิ่วเซี่ยฮุ่ย (ตัวแทนของชายที่มีคุณธรรมและมีจิตใจแน่วแน่มั่นคง) จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง สองสามีภรรยาแลกจุมพิตกันไปมาจนย้ายมาถึงเตียง หลังจากปลดม่านและเป่าเทียนให้ดับ ทั้งสองก็เริ่มทำเรื่องไร้ยางอาย…
เนื่องด้วยเทศกาลไหว้พระจันทร์ในวันที่ 15 เดือน 8 ร้านเถียนมี่ฉือกวงจึงเปิดตัวขนมไหว้พระจันทร์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นขนมไหว้พระจันทร์แบบซูซื่อ ขนมไหว้พระจันทร์แบบกว่างตง ขนมไหว้พระจันทร์บัวหิมะ ไส้ลาวา…แป้งแบบขนมเปี๊ยะก็มี ไส้หวานและไส้เค็มก็มาทุกแบบ โดยรวมแล้วมีมากกว่า 20 ชนิด กล่องของขวัญสุดแปลกตากับขนมไหว้พระจันทร์แสนเลิศรส ไม่ว่าจะเอาไปฝากใครหรือใช้ต้อนรับแขกก็ได้หน้าได้ตาทั้งนั้น แน่นอนว่าเก็บไว้กินเองก็รสชาติถูกปากเช่นกัน