ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 83.1 รวมพลังพิษและพิษ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บนภูเขาด้านหลังยอดเขาหยกน้อย

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและถอนหายใจขณะยืนอยู่ข้างต้นไม้โบราณที่เหี่ยวแห้งสองสามต้น จากนั้นก็ยกมือขึ้นและตบลำต้นของหนึ่งในนั้น

“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของพวกเจ้า”

ทันใดนั้นพลันเกิดลมกระโชกแรง และกิ่งก้านของต้นไม้โบราณสองสามต้นซึ่งมีสีเขียวบางส่วนก็แกว่งไกวไปมาเบาๆ ราวกับว่าพวกมันกำลังบอกว่า ยินดี

ความจริงแล้ว พวกมันอาจจะแค่สั่นไหว

แต่ในเรื่องนี้ หลี่ฉางโซ่วก็ไม่มีทางอื่นจะทำได้ เพื่อเพิ่มจำนวนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้มากขึ้นสำหรับการต่อสู้จริง ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานี้ หลี่ฉางโซ่วจึงต้องไปที่นั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อเอายางไม้ และเขายังใช้วิธีการต่างๆ เพื่อฟื้นฟูพลังชีวิตของพวกมันอย่างต่อเนื่อง

เขาใช้กระบวนการหลากหลาย…

ในขณะนี้ พฤกษาวิญญาณโบราณที่สามารถมีชีวิตอยู่มาได้หลายหมื่นปีและมีความหวังว่าจะให้กำเนิดวิญญาณไม้ได้นั้น บัดนี้มันแทบไม่อาจทรงตัวได้อีกต่อไป

ข้าจะดูแลพวกมันอย่างดี

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจด้วยรู้สึกผิดในใจเล็กน้อย

เขามองดูกิ่งไม้ของพวกมันที่เอามาปลูกไว้เพื่อทำให้มันกลับมามีชีวิตใหม่ซึ่งอยู่ไม่ไกล และพึมพำกับตัวเองว่า “หากเจ้าไม่รอด ข้าจะดูแลลูกๆ ของเจ้าเป็นอย่างดี”

ฉับพลันนั้น ลมกระโชกแรงก็พัดผ่านมา แล้วต้นไม้โบราณก็สั่นสะท้านขึ้นอีกครั้ง

บางทีพวกมันอาจสัมผัสได้

แค่กๆ ข้าจะไม่ล้อเล่นอีกแล้วนะ

หลี่ฉางโซ่วเขย่งปลายเท้า แล้วร่างของเขาก็ล่องลอยขึ้นไปในสายลม

ในขณะนี้ เขาลอยอยู่ใกล้ทะเลสาบและยืนอยู่บนยอดไม้ท่ามกลางเหล่าพุ่มไม้

เขาหลับตาลงและเพ่งสมาธิ เส้นผมยาวของเขาซึ่งถูกมัดอย่างเรียบง่ายปลิวไสวไปตามสายลม ชายเสื้อคลุมยาวของเขาก็แกว่งไปมาเล็กน้อยตามกิ่งไม้

เมื่อมันนิ่ง มันเบาราวกับขนนก และเมื่อมันเคลื่อนไหว ก็ดูเหมือนว่ามันจะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแผ่นฟ้ายันผืนปฐพี

การทำเช่นนี้ได้โดยไม่ต้องใช้ทักษะเวทและคาถาเวทนั้น จะต้องมีพลังลมปราณในระดับสูงเท่านั้น

ตลอดหกเดือนที่ผ่านมา…

ต้องขอบคุณการมีส่วนร่วมของต้นไม้โบราณที่ทำให้ขั้นตอนแรกของแผนเตรียมการ เสร็จสมบูรณ์

โชคดีที่คนซึ่งอยากยึดครองสำนักตู้เซียนอย่างลับๆ ได้ให้เวลาเขาเตรียมตัว

ไม่เช่นนั้น หากเกิดสงครามใหญ่ขึ้นจริงๆ เขาอาจจะทำอะไรไม่ได้มาก

ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ค่ายกลที่เพิ่มเข้ามาใหม่บนยอดเขาหยกน้อยยังไม่ได้รับการปรับปรุง

แต่ในเวลานี้ ค่ายกลเหล่านั้นก็ถูกรวมเข้าด้วยกันและกลายเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แล้ว

บัดนี้ ดูเหมือนว่า จะมีลวดลายโบราณขึ้นทั่วป่า พวกมันผสมผสานเข้ากับภูเขา หญ้า และต้นไม้ ทำให้ผู้คนไม่รู้สึกถึงความกลัวอีกต่อไป

การจัดวางค่ายกลกับดักและเขาวงกตนั้น มีขึ้นเพื่อป้องกันศัตรู ส่วนค่ายกลสังหาร มีไว้เพื่อฆ่าศัตรู

หากสามารถตรวจพบอันตรายได้ล่วงหน้าและค่ายกลสามารถขัดขวางผู้อื่นไม่ให้เข้ามาได้ นั่นย่อมไม่ใช่ค่ายกลสังหารที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

ในเวลานี้ ค่ายกลใต้ดินของบนยอดเขาหยกน้อยอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเท่าที่เขาสามารถคิดได้แล้ว

เนื่องจากเขาได้รับสมบัติและอาวุธเวทระดับสูง นั่นคือคู่มือลับต้องห้าม ดังนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์จึงได้รับการซ่อมแซมและปรับปรุงเล็กน้อย ขณะนี้มันจึงเข้าถึงข้อกำหนดขั้นต่ำของหลี่ฉางโซ่วแล้ว ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเพ่งจิตจดจ่ออยู่กับพวกมันทั้งหมด

ยังมีหนทางอีกยาวไกลก่อนที่เขาจะสามารถปรับเปลี่ยนพลังและทักษะเวทนั้นให้กลายเป็นเคล็ดจำแลงกายนอกร่างได้อย่างสมบูรณ์

แต่ ณ เวลานี้ เขาต้องใช้มันไปก่อน

ในท้ายที่สุด พวกมันล้วนไม่มีความรู้สึกใดๆ พวกมันสามารถโยนพิษ ก่อไฟ และสวดมนต์พระสูตรได้ เขาสามารถควบคุมพวกมันได้ทางอ้อมและพวกมันก็เป็นอาวุธเวทลึกลับที่สามารถใช้งานได้หลากหลายตลอดทั้งวัน

แต่แน่นอนว่า ยังมีบางสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ

เขาได้รับเคล็ดวิชาพิษเทวะมาจากผู้อาวุโสว่านหลินหยุน แต่ในเวลานี้ เนื่องจากเขาไม่ได้ฝึกฝนมาเป็นเวลานาน เขาจึงเป็นเพียงผู้เริ่มต้นเท่านั้น

พลังและทักษะเวทนั้นถือว่าได้เปลี่ยนการปรุงยาพิษให้เป็นเคล็ดวิชาเวท

ทำให้เขาสามารถปล่อยพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมั่นใจในความสามารถของเขามากขึ้นด้วยเช่นกัน

หลี่ฉางโซ่วลืมตา มองไปยังทะเลสาบ เห็นว่าอาจารย์และศิษย์น้องของเขากำลังศึกษาเวทการหลบหนีอยู่

เนื่องจากคำขอร้องที่ยืนกรานหนักแน่นของหลี่ฉางโซ่ว อาจารย์ของเขาจึงไม่อาจปฏิเสธเขาได้ และเริ่มฝึกฝนหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเมื่อครึ่งปีที่แล้ว…

หลิงเอ๋อร์ได้สัมผัสกับเวทการหลบหนีแห่งเบญจธาตุมาก่อนหน้านี้ และในเวลานี้ นางก็กำลังศึกษาเวทหลีกลี้วารีเร้นกายเพราะหลี่ฉางโซ่วสั่งให้นางฝึกฝนให้หนักขึ้น

ดังนั้น…

ในบางครั้ง เขาจะมองเห็นร่างสง่างามในชุดกระโปรงพลิ้วไหว และเส้นผมสีดำของนางที่ปลิวไสวไปในสายลม นางจะโผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบและพุ่งลงไปในน้ำ ทำให้หยดน้ำสาดกระเซ็นขึ้น ซึ่งเป็นภาพที่งดงามยิ่ง

มันก็แค่…

“เจ้าช้าเกินไป”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและส่ายศีรษะ

เขาสอนเวทหลีกลี้วารีเร้นกายอย่างรวดเร็วทั้งหมดให้หลิงเอ๋อร์อย่างชัดเจน แต่นางก็ยังสนใจในเรื่อง ‘การปรากฏกาย’ และ ‘จากไป’ เป็นอย่างมาก นางกังวลในเรื่องความงามทั้งร่างของนางอย่างมาก

เจ้าสาวน้อยหลงรูปตัวเองผู้นี้นี่…

เหตุใดนางถึงไม่เอาไข่มุกล้ำค่าสองเม็ดมาใส่รอบกายนางเพื่อสร้างประกายแสงนุ่มนวลออกมาให้กับตัวเองเลยเล่า!!

หลี่ฉางโซ่วไม่อาจเอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว หลิงเอ๋อร์ก็เข้าสู่วัยแห่งความงดงามแล้ว และยังงามแท้อย่างธรรมชาติอีกด้วย…

“เจ้าคนพวกนั้นยังไม่เคลื่อนไหวอีกหรือ”

หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเองและหลับตาเพื่อสัมผัสมันอีกครั้ง

ท้องฟ้าสูง อากาศแจ่มใส และพวกเขาอยู่ใกล้กับหมู่เมฆ

บัดนี้ นับเป็นเวลากว่าสิบเดือนแล้วที่จิ่วอูและผู้อาวุโสทั้งสองกลับมาพร้อมกับอาการบาดเจ็บ

ดูเหมือนว่า คนของสำนักก็จะสงบเงียบลงอีกครั้ง และเหมือนว่า การโจมตีก็จะหยุดลงเช่นกัน

หลี่ฉางโซ่วพยายามติดตามถามจิ่วอูในเรื่องที่เกี่ยวข้อง แต่จิ่วอูก็ให้คำตอบที่คลุมเครือเท่านั้น

น่าจะเป็นเพราะว่าเขาไม่พบสิ่งใดหลังจากการสอบสวน

ปรมาจารย์จากทั้งสามสำนักบำเพ็ญเต๋าก็ไม่ได้โง่เขลาเช่นกัน และวิธีการระดับต่ำเช่นการยืมมีดเพื่อฆ่าคนอื่นก็ค่อนข้างชัดเจนเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่อาจพบว่าเป็นผู้ใดบงการ

ในช่วงเวลานี้ เมล็ดพันธุ์ของความขัดแย้งค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากความสงสัย…

และนั่นคือความฉลาดของตัวการ

ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วกำลังคิดหาวิธีบงการของผู้ยุยง

การควบคุมหุ่นเชิดจะทำให้ปราณวิญญาณของหุ่นเชิดลดลงทันที

นี่คือทักษะเวทเยี่ยงใดกัน

น่าจะเป็นคาถาเวทบางประเภท

มีปรมาจารย์มากเกินไปในโลกบรรพกาล แม้ในที่แจ้ง ข้าก็ยังไม่อาจนับได้ว่ามีมากเพียงใด แล้วจะนับประสาอะไรกับคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด

และในขณะนั้น สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็ค่อยๆ สลายไป

วันนี้ พวกเขากำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนที่สองของการเตรียมพร้อมรบ เขากำลังรอผู้อาวุโสว่านหลินหยุนส่งยันต์หยกสื่อสารมาให้ และพวกเขาทั้งสองจะทำงานร่วมกัน…

หลังจากอยู่ในห้องลับใต้ดินมาเป็นเวลาสามวันที่เขาคิดถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต หลี่ฉางโซ่วก็รีบไปที่ยอดเขาตันติ่งในทันทีเพื่อพบกับผู้อาวุโสว่านหลินหยุน

และวิธีการของเขาในการเกลี้ยกล่อมผู้อาวุโสว่านหลินหยุนนั้นง่ายมาก

หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วใช้กลอุบายต่างๆ เช่น การถ่ายทอดความฝัน คำสาบาน ยั่วยุ การคาดเดา และการให้เหตุผล ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็เชื่อในตัวหลี่ฉางโซ่วอย่างรวดเร็ว และรู้สึกว่าอาจมีศัตรูที่ทรงพลังแข็งแกร่งมุ่งหน้ามาที่สำนักตู้เซียน

นับตั้งแต่เทพเฒ่าจันทราปรากฏตัวขึ้นในความฝันของเขา หลี่ฉางโซ่วฉับพลันค้นพบว่าการใช้ข้ออ้างผู้อื่นปรากฏตัวในความฝันของเขานั้นได้ผลดียิ่ง

ย่อมไม่แปลกที่ผู้บำเพ็ญจะตรวจจับสิ่งต่างๆ และมีสัมผัสเพิ่มขึ้น

เพียงแต่เขาฝันถึงผู้คน…บ่อยกว่าคนอื่นเล็กน้อยเท่านั้น…

และหลังจากได้ยิน ‘คำแนะนำ’ ของหลี่ฉางโซ่วแล้ว ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็เตือนเจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ในนามของเขาเอง

เพราะหากเขาใช้ชื่อของหลี่ฉางโซ่ว สำนักย่อมจะไม่สนใจจริงจังมากนัก

อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วไม่อาจควบคุมผลกระทบของการแจ้งเตือนนั้นได้

ขณะนี้ เขาได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำในสิ่งที่เขาทำได้แล้ว

“ถึงเวลาแล้ว เหตุใดท่านผู้อาวุโสจึงยังไม่ออกเดินทางอีก”

หลี่ฉางโซ่วพึมพำด้วยความรู้สึกสับสนในใจเล็กน้อย

เขางุนงงเล็กน้อยในขณะที่กำลังแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ไปตรวจสอบที่ยอดเขาตันติ่ง

เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เขาก็จำได้ว่า เขาไม่ได้ทำอะไรมากนัก

ส่วนใหญ่เขาจะปรุงโอสถพิษและปรับแต่งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในหอโอสถที่ปิดสนิท

การปรุงโอสถพิษในครั้งนี้เป็นเพียงการเพิ่มพลังและปริมาณของโอสถพิษเท่านั้น

หลี่ฉางโซ่วสกัดกลั่นทุกอย่างทั้งจากที่เขาได้รับมาจากเมืองหลินไห่ สมุนไพรพิษที่เขาได้รับมาจากผู้อาวุโสว่านหลินหยุนและสมุนไพรที่เขาเก็บมาจากดินแดนเทวะอุดรให้เป็นโอสถพิษ

เขายังปฏิบัติกับยาพิษเหล่านั้นเป็นพิเศษเพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นผงพิษไร้สีไร้กลิ่น

นอกจากนั้น อาวุธเวทเสริมพิษซึ่งคล้ายกับกระบี่ก็ไม่มีข้อจำกัดที่เข้มงวดเรื่องวัสดุที่จำเป็น จึงยากจะปรับแต่ง และหลี่ฉางโซ่วก็ยังมีเวลาอีกมากในการทำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งหมด ตั้งแต่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หมายเลขหนึ่งไปจนถึงหมายเลขสิบสอง

ในช่วงเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วก็พบว่าตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มีประโยชน์อย่างมาก มันเป็นอุปกรณ์เก็บพลังเซียนได้

เขาสามารถใส่พลังเซียนเข้าไปในตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และดึงพลังเซียนออกมาจากพวกมันได้ทุกเมื่อตามต้องการ

หากในอนาคตเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรู พลังเซียนของเขาย่อมจะหมดลง ถึงเวลานั้นเขาสามารถโยนตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกมาสองสามตัวแล้วดึงพลังเซียนของเขาออกจากพวกมันได้…

สมบัติเซียนศักดิ์สิทธิ์หงหวง!

พลังเซียนร่างหลักของเขาจะสามารถได้รับการฟื้นฟูตลอดเวลา เขาสามารถเติมพลังเซียนในร่างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในช่วงพักที่เขาใช้ระหว่างการสกัดกลั่นโอสถพิษ

ความจริงแล้ว เมื่อคิดให้รอบคอบ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

พลังเซียนของข้าจะหมดไปได้อย่างไรกัน

ข้าไม่ได้ฝึกฝนวิธีการหลบหนีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เพื่อให้สูญเปล่า…

จุดสิ้นสุดของการเตรียมการขั้นตอนแรกคือการจัดการตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง! หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัว เขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์ เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้ จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง! เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิต จนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา… เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท