ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 97.2 ผู้สนับสนุนที่ทรงพลังยิ่งใหญ่ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ในช่วงเวลานี้ ข้ายุ่งอยู่กับการจัดการศัตรูและไม่ได้ตรวจสอบสถานการณ์ในทะเลทักษิณ

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วซึ่งนอนอยู่บนพื้นและทำเป็นหมดสติ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าใบหน้าของเขากระตุก

ในตอนนี้ บุญของเขาจากการถวายเครื่องสักการะนั้นจริงๆ แล้ว…เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอย่างไม่คาดคิดจากจำนวนที่เขาได้รับเมื่อสองปีก่อน!

มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่

หมู่บ้านสงอาศัยการส่งเสริมจากสำนักทะเลทักษิณเพื่อพยายามสร้างความมั่งคั่งหรือไม่

หลี่ฉางโซ่วแอบสัมผัสเงียบๆ มัน และทันใดนั้นเขาก็เกือบจะเป็นลม

หนึ่งพันหกร้อยยี่สิบเอ็ด…

รูปปั้นของเขากำลังมีจำนวนพุ่งทะยานสูงขึ้น…

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า บัดนี้ การต่อสู้ในวงกว้างได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เนื่องจากสำนักทะเลทักษิณมีความขัดแย้งกับสำนักบุญ-บรรจบที่มีขนาดเล็กกว่า

ช่างได้จังหวะอะไรเช่นนี้…

ปากของหลี่ฉางโซ่วกระตุก เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจึงทำได้แค่นอนอยู่ที่นั่นและแสร้งทำเป็นตาย

ลองคิดดู หากศิษย์ของเขาต่อสู้อย่างกล้าหาญ แล้วจะทำให้เขาได้รับกรรมหรือสูญเสียโชควาสนาของเขาไปหรือไม่

เอ่อ…

สำนัก? งี่เง่าน่า!

นับจากนี้ต่อไป ข้าจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเทพแห่งท้องทะเลทักษิณเลย!

ข้าน่าจะคิดหาวิธีทำศัลยกรรม หลังจากกลับมาที่ภูเขาแล้ว ข้าน่าจะสักลายคาถาสาปแช่งของเผ่าแม่มดสองสามคาถาลงบนร่างกายของข้า

แม้ว่าข้าจะถือได้ว่าสนิทสนมกับตู้เอ้อร์เจินเหริน แต่ข้าก็ยังไม่ได้รับการสนับสนุนมากนัก

ในเวลานี้ ข้าได้แต่เพียงหวังว่าอาจารย์จะเข้าสู่เซียนเสิ่นก่อนและได้ทำงานในศาลสวรรค์ จากนั้นข้าก็จะหลอกให้เขาไปที่วังดุสิตเพื่อเยี่ยมเยือนท่านปรมาจารย์ใหญ่สูงสุดเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนมากขึ้น

ผู้บำเพ็ญเหวิน

สำนักทะเลทักษิณ

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วนอนอยู่บนพื้นขณะรู้สึกหมดหนทางจนพูดไม่ออกเล็กน้อย และความเหนื่อยล้าจากการควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เมื่อก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ เข้าครอบงำเขาในขณะที่เขากำจัดมันออกไปอย่างเงียบๆ อีกครั้ง

ยามนี้ยังไม่ใช่เวลาพักผ่อน

ในขณะนี้ เป็นไปได้ง่ายที่สุดที่ข้าจะผ่อนคลายจิตใจและประมาท และยังอาจถูกจับได้มากที่สุด

หลี่ฉางโซ่วเฝ้าสังเกตทุกสภาพแวดล้อมรอบกายของเขาเงียบๆ และรีบบินออกจากถ้ำไปหลังจากรอเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม

เขาแอบเฝ้าสังเกตเหล่าผู้อาวุโสสามคนที่ดูแลกิจการภายนอกของหอไป่ฝานอย่างลับๆ ก่อนจะรีบไปที่ด้านข้างของปีศาจเผิงและฆ่ามันในขณะที่มันหมดสติ

ส่วนบรรดาศิษย์ที่รายล้อมรอบพวกเขานั้น เซียนหยวนจากยอดเขาตันติ่งได้ให้การวินิจฉัยโดยละเอียดสำหรับพวกเขาทั้งห้าคนแล้ว และกล่าวเพียงว่า พวกเขาหมดสติไปเพราะถูกวางยาเท่านั้นและไม่มีปัญหาอะไร

ทว่าพวกเขาค้นพบบรรดาขวดกระเบื้องที่แตกเป็นเสี่ยงๆ และเศษร่องรอยต่างๆ ของโอสถได้อย่างรวดเร็ว

และเมื่อฟื้นคืนสติขึ้นมา แม้พวกเขาทั้งห้าไม่เอ่ยออกมา ทุกคนก็เดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นมาก่อน…ในเวลานั้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งได้ใช้พลังเซียนของเขา ยกร่างของหลี่ฉางโซ่ว หลานหลิงเอ๋อร์ และโหย่วฉินเสวียนหย่าไปวางไว้ในป่าภูเขาที่แห้งแล้งเพื่อพักผ่อนอย่างระมัดระวัง

และก่อนที่บรรดาศิษย์กลุ่มนั้นจะรีบออกจากถ้ำ พวกเขาก็ได้ข่าวจากสำนักมาบ้างแล้ว

ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักตู้เอ้อร์เจินเหรินปรากฏตัวขึ้นแล้วสังหารเซียนจินผู้บุกรุกทั้งสามคน และปรมาจารย์เจ้าสำนักและผู้อาวุโสฉีหลิงก็จัดการกับศัตรูของพวกเขาทันที

สำนักตู้เซียนได้เข้าร่วมการต่อสู้นองเลือด สำนักไม่ได้รับเสียหายใดๆ แต่ผู้อาวุโสของยอดเขาต่างๆ ได้รับบาดเจ็บ…

สำหรับพวกเขาส่วนใหญ่ ภัยพิบัตินั้นเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุและจบลงอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่หนุ่มน้อยหน้าตาดีคนหนึ่งที่รู้เรื่องทั้งหมด…เรื่องนี้ซับซ้อนมากจนทำให้เขาเหนื่อยใจ

และไม่กี่ชั่วยามต่อมา ปรมาจารย์หว่างฉิง ผู้อาวุโสว่านหลินหยุน และเซียนเสิ่นกว่าร้อยคนของสำนักต่างก็รีบเข้ามา

จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วที่แกล้งทำเป็นลมหมดสติ ก็ได้ยินเสียงคุ้นเคย

คนผู้นั้นร้องอุทานว่า “เสี่ยวฉางโซ่ว! หลิงเอ๋อร์น้อย! อย่าทำให้ข้าตกใจกลัวสิ ไฉนพวกเจ้าถึงนอนกันหมดเยี่ยงนี้เล่า!!”

บนก้อนเมฆนั้น อาจารย์อาจิ่วจิ่ว ซึ่งนั่งอยู่บนน้ำเต้าขนาดใหญ่ ได้กระโดดลงมาและรีบวิ่งไปที่ด้านข้างป่าอย่างเร่งรีบ ผู้อาวุโสของหอไป่ฝานที่อยู่ข้างๆ ก็รีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่าพวกเขาแค่ถูกวางยาสลบเท่านั้น และไม่มีปัญหาร้ายแรงใดๆ

จิ่วจิ่วพลันถอนหายใจอย่างโล่งอกและนั่งลงข้างๆ หลิงเอ๋อร์ในขณะที่เสื้อผ้าป่านสั้นของนางสะบัดพลิ้วไปมาเบาๆ

ในเวลานั้น นางไม่มีพลังเซียนหลงเหลืออยู่มากนัก ยังคงมีบาดแผลที่ไหล่ซ้ายและเอวของนาง และแม้แต่ปราณวิญญาณของนางก็อ่อนแอลงเล็กน้อยเช่นกัน

ในระหว่างการต่อสู้เพื่อปกป้องสำนัก นางก็พยายามทุ่มเทอย่างเต็มที่เช่นกัน และหลังจากการต่อสู้ นางก็ไม่สนใจที่จะหยุดพัก แต่เร่งรีบมาที่นี่ก่อนทันทีเพื่อตามหาศิษย์ที่นางห่วงใย

และในไม่ช้า เจียงจิงซาน จิ่วอู และจิ่วซือก็รีบวิ่งเข้ามาเช่นกัน

พวกเขาใช้พลังเซียนพาพวกของหลี่ฉางโซ่วทั้งสามคนที่หมดสติกลับไปที่สำนักด้วยกัน

หลังจากนั้น ผู้อาวุโสเซียนเสิ่นสองคนก็ตื่นขึ้นหลังจากหมดสติมาทั้งตลอดทั้งวัน

ส่วนโหย่วฉินเสวียนหย่าตื่นขึ้นหลังจากหลับไปถึงเจ็ดวัน

และเพื่อให้การกระทำของเขาดูสมเหตุสมผลมากขึ้น หลี่ฉางโซ่วจึงบังคับให้ตัวเองนอนอยู่บนเตียงโดยหลับตา นิ่งไม่ไหวติงใดๆ อยู่เป็นเวลาเจ็ดวันครึ่งก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนของเขา…

ทว่าทันทีที่ลืมตาขึ้น เขาก็พบกับเตียงที่ไม่คุ้นเคย

หลี่ฉางโซ่วพลันรู้ว่าเขาและศิษย์น้องหญิงน้อยของเขาถูกพาไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ และขณะนี้เขากำลังนอนอยู่บนเตียงของจิ่วจิ่ว

ในขณะที่หลิงเอ๋อร์ถูกจัดให้อยู่ในห้องใต้หลังคาของจิ่วซือ นางยังนอนหลับสนิทอยู่โดยไม่มีใครรบกวน

ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมานี้ อาจารย์ป้าจิ่วซือมักกระตุ้นให้อาจารย์อาจิ่วจิ่วคอยแหย่และสัมผัสหลี่ฉางโซ่ว อย่างต่อเนื่อง

แต่ทุกครั้งหลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะพวกนางไม่เคยแตะต้องเขาในส่วนที่ไม่เหมาะสม

เมื่อหันศีรษะไปดู เขาก็เห็นอาจารย์อาจิ่วจิ่วกำลังนั่งเอนกายพิงเตียงอยู่บนพื้นและ มีไหเปล่าสองไหอยู่ข้างๆ ขณะที่นางกรนเบาๆ…มีผู้ใดดูแลคนป่วยอย่างนี้หรือไม่

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกทันทีขณะที่ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ เขาอาจจะจำได้ไปตลอดชีวิตว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกอาจารย์ลุงจิ่วอูพามาที่นี่ และเป็นครั้งแรกที่เขาตรวจจับทุกอย่างภายในนี้ด้วยพลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขา

มันช่างวุ่นวายเกินจะบรรยายได้เหลือเกิน…

และขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืน จู่ๆ ก็มีลูกศรสีขาวเงินพุ่งเข้ามาจากนอกหน้าต่าง แล้วหลี่ฉางโซ่วก็ยกมือขึ้นและหยุดลูกศรส่งสารเอาไว้ทันที

ทันใดนั้น เสียงที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้น

“หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ของยอดเขาหยกน้อย!”

หลี่ฉางโซ่วยืนขึ้นและประสานมือคารวะตอบว่า “ศิษย์อยู่ที่นี่ขอรับ”

“จงรีบมาที่โถงตู้เซียนเร็วๆ ท่านเจ้าสำนักรอเจ้าอยู่นานแล้ว”

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วทันทีอย่างไม่รู้ตัวแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ศิษย์รับบัญชาขอรับ”

เจ้าสำนัก?

เป็นไปได้หรือไม่ว่า เจ้าสำนักได้เห็นสิ่งที่ข้าทำและจัดฉากต่างๆ วางเอาไว้ก่อนหน้านี้?

มันไม่สมเหตุสมผลเลย หลังจากที่ข้ากลับมา ข้าก็จับตาดูผู้อาวุโสว่านหลินหยุนโดยใช้พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของข้า และข้ายังสังเกตเห็นผู้คนในสำนักจุดเครื่องหอมและถวายเครื่องสักการะให้แก่วีรบุรุษนิรนาม…

สัญญาณทั้งหมดล้วนบ่งบอกว่าไม่มีผู้ใดสงสัยข้า

ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากการเรียกตัวของเจ้าสำนักได้

หลี่ฉางโซ่วลุกขึ้นยืนและจัดเสื้อคลุมเต๋าของเขา ก่อนจะก้มศีรษะลงและวางยาวิญญาณ ‘รสอร่อย’ สองขวดเอาไว้ข้างมือของอาจารย์อาน้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่หลิงเอ๋อร์ที่กำลังหลับสนิทแล้วรีบไปที่โถงตู้เซียน

และในทันทีที่หลี่ฉางโซ่วรีบไปที่โถงตู้เซียน ถุงที่ห้อยอยู่ที่เอวของหลิงเอ๋อร์ก็เริ่มบิดเล็กน้อย

ในเวลานี้ ด้วยขอบเขตพลังของหลานหลิงเอ๋อร์ยังต่ำเกินไปขณะที่ยังคงหลับสนิท บัดนี้ นางจึงไม่รู้สึกถึงความแปลกประหลาดของถุงหนังสัตว์เลย…

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท