ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 112 อิทธิพลของสถานที่ต่อความรู้สึกของผู้กระจายเถ้าธุลี

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

“ศิษย์น้องฉีหยวน ข้ามีคำถาม โปรดอภัยให้ศิษย์พี่ที่โง่เขลา…”

ที่ใต้ดินในระดับความลึกหนึ่งร้อยจั้ง ในเมืองหลินตง บัดนี้ มีร่างสองร่างกำลังขดตัวเป็นลูกทรงกลม คลำไปข้างหน้าในความมืด และมองหาแสงสว่างในความมืด

ในเวลานั้น นักพรตเต๋าร่างเตี้ยจิ่วอูนำทางไปข้างหน้าขณะถือกระบี่ที่ยังคาอยู่กับฝักในมือของเขา

‘ฉีหยวน’ ซึ่งเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว กำลังติดตามหลังอาจารย์ลุงจิ่วอูเข้ามาใกล้สำนักโคมเขียวขนาดใหญ่ที่มีกลิ่นอายปีศาจอยู่

จิ่วอูหันศีรษะไปและกล่าวว่า “ว่ากันตามหลักการแล้ว ควรลอบโจมตีในยามกลางคืน”

เขากล่าวต่อว่า “ในเวลากลางวันแสกๆ และท้องฟ้าสดใสในช่วงเที่ยงวัน แต่เหตุใดเราไม่โจมตีโดยตรงเล่า”

“ศิษย์พี่ ท่านกล่าวผิดแล้วขอรับ”

หลี่ฉางโซ่วเลียนแบบเสียงของอาจารย์ของเขาและตอบว่า “ในตอนเที่ยง ที่นี่มีแขกน้อยมาก และมนุษย์สามัญเหล่านี้ก็กำลังพักผ่อนอยู่ เราเห็นแล้วว่า เมื่อคืนนี้ ที่นี่ครึกครื้นเพียงใด”

จิ่วอูพยักหน้ารับช้าๆ และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่คิดว่า เจ้าจะรู้จักที่นี่ดี ศิษย์น้องฉีหยวน”

“ข้าได้ยินฉางโซ่วพูดถึงมันสองสามครั้ง”

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ เพื่อรักษาชื่อเสียงของอาจารย์ของเขา เขาจึงทำได้เพียงเสียสละตัวเองเท่านั้น

จิ่วอูหัวเราะเบาๆ และกล่าวเสียงกระซิบว่า “เมื่อเจ้ากล่าวเช่นนั้น ข้าย่อมเชื่อเจ้า หัวใจของศิษย์คนโตของเจ้ากลายเป็นสีดำราวกับถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านในเตาหลอม! เมื่อความคิดแย่ๆ ปรากฏขึ้น แม้แต่เซียนหยวนก็ไม่อาจรับมือได้จริงๆ เซียนเสิ่นจะล่มสลาย เมื่อเขาข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์บรรลุเซียนในเวลาต่อมา บางทีเขาอาจจะกล้าแม้แต่จะวางแผนทำร้ายเหล่าเซียนเทียนด้วยซ้ำ”

หลี่ฉางโซ่วพลันเงียบงันทันที…

ข้าจะชักกระบี่แทงท่านเสีย!

“แค่กๆ” หลี่ฉางโซ่วยังคงกล่าวโดยใช้พลังปราณส่งเสียงด้วยเสียงของอาจารย์ของเขาต่อไป “ข้าเคยได้ยิน ฉางโซ่วพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน เขาชื่นชมท่านมาก ศิษย์พี่ เขารู้สึกว่าการฝึกฝนและการดูแลกิจการภายในสำนักของท่านมีส่วนสนับสนุนสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของสำนักตู้เซียน”

“เฮ้อ ไม่เป็นไร มันไม่สำคัญหรอก อย่าไปพูดถึงเรื่องนี้เลย มันทำให้ข้าไม่เคยได้ว่างเว้นเลย มีเรื่องทุกวัน ต้องวิ่งไปทุกที่ บางที่ คนอื่นก็ทำไม่ได้หากไม่มีข้า…”

เมื่อเห็นว่า จิ่วอูเริ่มจะบ่น หลี่ฉางโซ่วก็รีบขัดจังหวะเขาอย่างรวดเร็ว

“ศิษย์พี่ เราค่อยมาสำรวจเพิ่มเติมภายหลังกันดีกว่า เมื่อจัดการปีศาจแล้ว เราก็พูดคุยกันได้ตลอดทั้งคืน”

“ใช่ มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะคุยกัน” จิ่วอูกล่าวพลางยิ้มและก้าวไปข้างหน้าช้าๆ

เนื่องจากจิ่วอูไม่ได้เข้าใจวิธีหลีกลี้ปฐพีซ่อนกายอย่างลึกซึ้ง ในเวลานี้ เขาจึงไม่อาจทำได้อย่างเงียบเชียบจริงๆ

ขณะที่ทั้งสองปกปิดลมปราณของพวกเขา หลี่ฉางโซ่วแอบซ่อนลมปราณของพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง…

สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้หลี่ฉางโซ่วคิดถึงประสบการณ์ที่กระทำกับผู้อาวุโสว่านหลินหยุน

เมื่อแอบไปถึงใต้ดินของสำนักโคมเขียวอย่างเงียบๆ ทั้งสองก็เริ่มสำรวจขึ้นไปอย่างระมัดระวังรอบคอบและในไม่ช้าก็ระบุแหล่งที่มาของกลิ่นอายปีศาจทั้งเจ็ดได้อย่างรวดเร็ว

“จริงๆ แล้ว มีปีศาจเซียนเสิ่นอยู่สองตัว” จิ่วอูขมวดคิ้ว “พวกมันยึดครองที่แห่งนี้มาระยะหนึ่งแล้ว เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลย”

หลี่ฉางโซ่วตอบว่า “ผู้บำเพ็ญธรรมดาไม่น่าจะมาที่สำนักโคมเขียวเช่นนี้”

ทันใดนั้น จิ่วอูก็หัวเราะคิกคักในทันทีและกล่าวว่า “ศิษย์น้องฉีหยวน หากเป็นเช่นนั้น แล้วก่อนหน้านี้ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่เล่า”

‘ฉีหยวน’ ถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าแค่อยากหาที่ดื่มแก้เบื่อ ข้าเพิ่งได้รับสารมาสองฉบับ…”

“ศิษย์พี่ อย่าพูดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้เลย เราไปกำจัดปีศาจกันก่อนเถิด”

สารหรือ

ทันใดนั้น จิ่วอูก็ดูมีทีท่าอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วก็แอบสังเกตเห็นสีหน้าท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของอาจารย์ลุงจิ่ว และรู้ว่าเขาหว่านเมล็ดพันธุ์[1] ได้สำเร็จแล้ว

และในไม่ช้า เขาก็จะมีเหตุผลในการหารือเรื่องนี้กับอาจารย์ลุงของเขาต่อไป

‘จงไปทีละก้าว ไม่ยึดติดแผน ตัดสินตามการณ์ อำพรางเจตนา’ หลักการสุดยอดกลเม็ด เขียนโดยหลี่ฉางโซ่ว ศิษย์สำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เจ้าสำนักเทพทะเล

ทั้งสองมองไปที่ก้นของสัตว์ปีศาจที่อยู่ด้านบน จากนั้นอาจารย์ลุงจิ่วอูก็หยิบกระบี่ยาวออกมาและกำลังจะแอบจู่โจมอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาก็จะโจมตีและสังหารปีศาจเซียนเสิ่นทั้งสองก่อน

หนึ่งในสองปีศาจเซียนเสิ่นคือ เจ้าของสำนักโคมเขียวรูปงามของที่นี่ที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้

ในขณะนั้น ปีศาจอยู่ในกระท่อมไม้เล็กๆ กำลังมองดูเด็กสาวน่ารักสองคนที่กำลังฝึกดีดพิณและเป่าขลุ่ย…

“ศิษย์น้องฉีหยวน เจ้าช่วยข้าออกไปจากที่นี่หน่อย”

เมื่อจิ่วอูกล่าวเช่นนี้ ย่อมเห็นได้ชัดว่า เขาไม่ต้องการให้ฉีหยวนต่อสู้

ทว่าทันใดนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าของหลี่ฉางโซ่วก็รีบปล่อยพลังเซียนจั๋วเพื่อหยุดจิ่วอูเอาไว้อย่างรวดเร็ว

หรือว่า ‘ทักษะติดตัว’ ทั่วไปที่ใช้บ่อยที่สุดของสำนักตู้เซียนจะล้มเหลว “ศิษย์พี่ ในเมื่อเราแอบอยู่ในที่ลับและได้เปรียบแล้ว เหตุใดเราไม่ใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่เล่า ข้ามียาพิษสองสามชนิดที่ฉางโซ่วให้มาด้วยความกตัญญูเพื่อให้ข้าป้องกันตัว ศิษย์พี่ เหตุใดท่านไม่แอบใช้พวกมันแล้วฆ่าสัตว์ปีศาจอยู่ที่นี่เงียบๆ จากนั้นค่อยเอาสมบัติออกไป…”

ขณะกล่าว หลี่ฉางโซ่วก็หยิบยาสลบและยาพิษสองขวดที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนมอบให้เขาพร้อมกับอธิบายวิธีใช้ยาเหล่านี้โดยเฉพาะด้วย

ในชั้นหินใต้ดินที่ทั้งมืดและแคบ ในขณะนี้จิ่วอูมองฉีหยวนอย่างสงสัย

จิ่วอูยิ้มและกล่าวว่า “ได้สิ เอาตามนั้นเลย…”

หลี่ฉางโซ่วแอบขมวดคิ้วอย่างลับๆ เขาคิดว่าอาจารย์ลุงจิ่วอูมองทะลุผ่านและเห็นความผิดปกติบางอย่างในตัวเขา

อย่างไรก็ตาม จิ่วอูหัวเราะและกล่าวว่า “ศิษย์หลานฉางโซ่วช่างเฉียบแหลมยิ่งจนข้าไม่คิดว่าเขาได้รับการฝึกฝนจากเจ้า ศิษย์น้องฉีหยวน ปรมาจารย์ที่แท้จริงย่อมไม่เปิดเผยความสามารถของพวกเขา”

“เฮ้อ” ‘ฉีหยวน’ ถอนหายใจและกล่าวว่า “โลกนี้ช่างอยู่ยากจริงๆ พลังของข้าอ่อนแอ และข้าก็ต้องระวัง”

“ดี”

จากนั้น จิ่วอูก็แอบขยับมือ เขาควบคุมปริมาณยาสลบอย่างระมัดระวังและวางยาปีศาจทีละตัว และในไม่ช้า ร่างจำนวนสองถึงสามร้อยร่างก็ถูกโยนลงมาจากลานด้านหน้าและด้านหลังสำนักโคมเขียวขนาดใหญ่แห่งนี้

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะหลับใหลไปแล้วก็ตาม

หลี่ฉางโซ่วยังเตือนเขาอยู่ด้านข้างว่า หากมนุษย์ได้รับผลกระทบและถูกยาพวกนี้ปนเปื้อนมากเกินไป พวกเขาอาจจะตายหรือได้รับบาดเจ็บไปด้วยเช่นกัน

“สตรีในสถานที่แห่งนี้ล้วนแต่มีชีวิตลำบากยากเข็ญ ศิษย์พี่ ท่านแค่ร่ายเวทสะกดปีศาจทั้งหมดที่ดูดกลืนปราณมนุษย์ที่นี่เท่านั้นก็พอ”

“ไม่รู้ว่าศิษย์น้องฉีหยวนจะรักหยกถนอมบุปผา[2] ปกป้องสตรีมากถึงเพียงนี้”

“ข้าแค่กลัวเรื่องกรรมเท่านั้น”

“ศิษย์น้อง วางใจเถิด” จิ่วอูยิ้มและยังใช้ยาต่อไป

ในขณะนั้น เจ้าของสำนักโคมเขียวที่กำลังคีบบุหรี่พลันยกมือขึ้นประคองหน้าผากพลางก้าวถอยหลังสองก้าว แล้วค่อยๆ เอนลงบนเก้าอี้กลมช้าๆ

ฉับพลันนั้น มวนบุหรี่หยกก็ตกลงบนพื้นในขณะที่นางมีอาการมึนงงเต็มที่แล้วนอนหลับไปในสภาพไม่เรียบร้อยเล็กน้อย

ในขณะนี้ จิ่วอูพลันเริ่มค้นหาอย่างละเอียดทันทีโดยที่หลี่ฉางโซ่วไม่ต้องเตือน

ว่ากันตามตรง โดยรวมแล้ว ผู้อาวุโสจิ่วอูจะมีความละเอียดและระมัดระวังมากกว่าผู้อาวุโสว่านหลินหยุน

ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะไม่ค้นหาอย่างละเอียดถี่ถ้วน อย่างไรก็ตาม หลังจากค้นหาอย่างระมัดระวัง ทั้งคู่ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน

ท่ามกลางแสงไฟสลัวเมื่อคืนนี้ ก็มีร่างงดงามราวหยกแสนวิจิตรปรากฏให้เห็นมากมาย

แต่ในยามกลางวัน พวกนางแต่งหน้าอ่อนลง และดูสูงวัยขึ้นเฉกเช่นผู้ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย

สตรีมนุษย์เหล่านี้นับว่ามีหน้าตาดี หากไม่มีสีแดงเข้มด้วยแป้งผัดหน้า และแสงเทียนสลัว ใบหน้าของพวกนางก็ดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย

ห้า ‘นางโลม’ ของสำนักโคมเขียวที่อยู่ที่นี่นั้น ล้วนเป็นปีศาจทั้งห้าที่มีฐานพลังเซียนหยวน บัดนี้ พวกมันล้วนมึนเมาจนไร้สติแล้วเผยร่างเดิมของพวกมันออกมา ซึ่งเป็นปราณวิญญาณปีศาจคางคกสามตัวและปราณวิญญาณปีศาจจิ้งจอกขาวสองตัว…

ในขณะนั้น พวกมันก็กลายเป็นปราณวิญญาณปีศาจที่มึนเมาอย่างที่สุด

ทันใดนั้น จิ่วอูพลันส่ายศีรษะพลางถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “พวกมนุษย์สามัญเหล่านั้นชอบเข้าไปได้อย่างไรกัน”

“พวกเขาถูกลวงโดยรูปลักษณ์ภายนอก” หลี่ฉางโซ่วกล่าว ในขณะที่กำลังเฝ้าสังเกตติดตามดูความเคลื่อนไหวจากระยะไกลหลายร้อยลี้

จิ่วอูลงมืออย่างเด็ดขาดทันทีโดยใช้พิษเซียนเทียนเพื่อสังหาร ‘เซียนปีศาจน้อย’ ทั้งห้านี้อย่างเงียบๆ

พวกมันอยู่ที่นี่ ภายใต้หลังคาคุ้มภัยของสำนักโคมเขียว พวกมันมักจะอาศัยการดูดซับหยางของมนุษย์เพื่อฝึกฝน และพลังปีศาจของพวกมันล้วนไม่บริสุทธิ์ ในขณะนั้น พวกมันไม่อาจต้านทานพิษของโอสถเม็ดพิษได้อย่างเต็มที่ แล้ววิญญาณของพวกมันก็สลายไปในพริบตา

ต้องนับว่าพวกมันชาญฉลาดยิ่งที่ใช้วิธีการฝึกฝนยอดเยี่ยมเช่นนี้

พวกมันรับลูกค้าจำนวนมาก และโดยปกติพวกมันก็ไม่ได้มองหา และคร่าชีวิตมนุษย์

เช่นเดียวกับ ‘คุณชายเซี่ย’ ที่ถูกขับไล่ออกไปเมื่อวานนี้ พลังหยางของเขาและความมั่งคั่งของตระกูลของเขาเกือบจะหมดสิ้นไป แต่เขาก็ยังคงชีพอยู่ เพียงแต่อายุขัยของเขาคงไม่ยืนยาวมากนัก

“สังหารปีศาจไปไม่กี่ตัวก็ยังได้บุญ”

จิ่วอูพึมพำเบาๆ แล้วลงมือต่อไป

คราวนี้เขาต้องจัดการกับปีศาจเซียนเสิ่นสองตัวแล้ว

หนึ่งในปีศาจตะขาบเตะขาของมันทันที

แต่เจ้าของสำนักโคมเขียวซึ่งยังไม่ได้เผยร่างกายนั้น จู่ๆ ก็มีแสงสีทองอ่อนจางปรากฏขึ้นรอบๆ ตัว…

ทันใดนั้น แสงเหล่านั้นควบรวมตัวกันเป็นรูปลักษณ์ของจิ้งจอกสีขาวราวหิมะที่มีหางยาวหกหางอยู่ที่ด้านหลัง ซึ่งต้านทานเส้นสายใยพิษไร้สีที่มองไม่เห็นอยู่รอบตัว

ในขณะนั้น จิ่วอูพลันขมวดคิ้ว และกำลังจะเพิ่มการใช้พิษต่อไป แต่หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน

“ศิษย์พี่ เอายาพิษกลับมา…

…พวกเราไม่อาจจัดการปีศาจตัวนี้ได้ง่ายๆ!”

“โอ้?”

แม้จิ่วอูจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็ยังหยุดได้ทันเวลา

ทันใดนั้น เขายังสังเกตเช่นกันว่าแสงสีทองอ่อนนั้นหาใช่ธรรมดาไม่ บัดนี้ มันเปล่งพลังบุญออกมาเล็กน้อย

บุญและลมปราณบริสุทธิ์ที่ทั้งสองคนสัมผัสได้ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะไม่ได้มาจากสมบัติ แต่เป็นบุญของเจ้าสำนักโคมเขียว

หรือบางทีก็อาจมีสมบัติอยู่ที่เจ้าสำนักโคมเขียวคนนี้…

ในเวลานั้น นักพรตเต๋าร่างเตี้ยระมัดระวังอย่างมากเช่นกัน ในคราแรกที่เขาดึงพิษรอบๆ ตัวกลับมา และใช้พลังเซียนของเขากักมันเอาไว้ จากนั้นจึงค่อยๆ หยิบขวดกระเบื้องออกมา แล้วนำมันใส่ลงไปขวดกระเบื้องก่อนจะเก็บไว้ในคลังเวทจัดอย่างระมัดระวัง แล้วพลันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

บัดนั้น จิ่วอูพลันขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ศิษย์น้องฉีหยวน เจ้าคิดว่าเกิดอันใดขึ้น เป็นไปได้หรือไม่ที่ปีศาจเปิดสำนักโคมเขียวอีกแห่งและทำความดีอีกครั้งหรือไม่ พวกมันจึงสะสมบุญไว้ได้มากมายจริงๆ!”

หลี่ฉางโซ่วถามว่า “ศิษย์พี่ ท่านมีอาวุธเวทที่ใช้เก็บชีวิตมนุษย์หรือไม่”

“ข้าไม่ได้เตรียมไว้…”

“ไม่เป็นไร ข้ามี”

“เจ้านำมาด้วยหรือ…เอ๋?”

จิ่วอูมองไปที่ ‘ฉีหยวน’ แล้วยิ้มขื่นพลางกล่าวว่า “ศิษย์น้อง เจ้าออกมาทำสิ่งใดกัน จึงมีทั้งอาวุธเวทเก็บมนุษย์ และยาพิษ…”

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจพลางกล่าวว่า “โชคร้ายที่ข้าเป็นเพียงแค่เซียนจั๋ว จึงไม่อาจจะต่อสู้กับพวกเขาซึ่งหน้าได้”

“ข้าเข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว”

ใบหน้าของจิ่วอูเผยความรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที เขาไม่ควรเอ่ยเช่นนี้ซึ่งจะไปกระทบกับจุดเจ็บปวดใจของศิษย์น้องฉีหยวน

หลี่ฉางโซ่วหยิบถุงเก็บสัตว์วิญญาณของอาจารย์ของเขาออกมาและกล่าวว่า “วางยาพิษให้ปีศาจตัวนี้มากขึ้น แล้วเราค่อยคิดหาวิธีจัดการกับมันในภายหลัง”

“ศิษย์พี่ ท่านช่วยออกจากที่นี่พร้อมกับเอาปีศาจไปด้วยชั่วคราว แล้วไปที่ชายทะเลบูรพาก่อน ข้าจะจัดการบางอย่างที่นี่เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ใดเห็นร่องรอยได้”

“ได้”

จิ่วอูรีบคลานออกจากใต้พื้นดินอย่างรวดเร็วและเก็บปีศาจเจ้าสำนักโคมเขียวที่มีเสน่ห์ร้อนแรงเอาไว้ในถุงเก็บสัตว์วิญญาณ จากนั้นก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและบินตรงไปทางทะเลบูรพาอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่จิ่วอูจากไป สำนักโคมเขียวแห่งนี้ก็ถูกห่อหุ้มด้วยค่ายกลแยกตัว และทันใดนั้น ร่างอีกสองสามตัวก็เจาะทะลวงแล้วไปปรากฏขึ้นบนพื้นดิน แน่นอนว่า พวกมันคือตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ต้นกำเนิด

หลี่ฉางโซ่วจงใจขอให้จิ่วอูออกไปก่อนเพื่อปกปิดเรื่องทั้งหมดนี้

เขาค้นหาสถานที่นี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และขนซากศพปีศาจหลายตัวไปยังสวนหลังบ้านที่อยู่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและทรงประสิทธิภาพยิ่ง

แล้วทันใดนั้น พวกมันก็ท่องพระสูตร สวดมนต์ สั่นระฆัง เปิดใช้งานไข่มุกสะกดวิญญาณเพื่อรวบรวมและกักวิญญาณที่เหลืออยู่ทั้งหมด

จากนั้นเสียงแตรก็ดังขึ้นในขณะที่เหล่าปีศาจพลันเริ่มร้องร่ำคร่ำครวญ ทั้งกระดาษสีเหลืองและวิญญาณอ้างว้าง…และในเวลาไม่นาน ก็เหลือแค่เพียงเถ้าถ่านเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ เถ้าธุลีส่วนใหญ่ได้ถูกกระจัดกระจายออกไปอยู่ในภูเขาลึกและป่าทึบ ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสำนักโคมเขียวที่วิจิตรโอ่อ่าสง่างามอุดมไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมที่รุ่มรวยอีกด้วย

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วที่ปลอมตัวด้วยใบหน้าอาจารย์ของเขาพลันสะบัดแขนเสื้อ แล้วกองเถ้าธุลีที่อยู่ข้างหน้าเขาก็กระจัดกระจายกลายเป็นกองดินทันที

มันให้ความรู้สึกแตกต่างกันจริงๆ

“ในเมื่อพวกเจ้ามาที่โลกมนุษย์เพื่อทำเรื่องชั่วร้าย นี่จึงเป็นชะตากรรมของพวกเจ้าที่จะต้องพบกับหายนะแห่งชีวิตเช่นนี้”

หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วจึงกวาดเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และค่ายกลของสถานที่แห่งนี้ จากนั้นก็โปรยผงยาที่ทำให้มนุษย์ฟื้นคืนสติไว้ในอากาศ

จากนั้น เขาจึงแผ่พลังสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไป ทำให้รู้ว่าในเวลานี้อาจารย์ลุงจิ่วอูได้นำปีศาจโฉมงามออกไปหลายร้อยลี้แล้ว

และเพื่อประสานงานกับจิ่วอูอย่างเรียบร้อย หลี่ฉางโซ่วจึงติดตามพวกเขาไปอย่างใกล้ชิด…

ขณะนี้ ในกระท่อมมุงจากแห่งยอดเขาหยกน้อย

ในเวลานั้น ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วได้ยินเสียงมาจากภายนอกกระท่อมมุงจาก จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมองและเห็นอาจารย์อาน้อยและศิษย์น้องหญิงน้อยของเขากำลังพายเรือเล่นกันอยู่ในทะเลสาบ

ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดว่ามันจะชัดเจนเกินไป เขาเพิ่งไปเดินเตร่อยู่ในสำนักโคมเขียวในโลกมนุษย์สองครั้ง แล้วตอนนี้ พอมองดูอีกที…

ไม่เพียงแต่อาจารย์อาน้อยจะเป็นคนจิตใจดี มีความสามารถดีเท่านั้น แต่นางยังมีรูปลักษณ์งดงาม รูปร่างของนางยอดเยี่ยม เอวเพรียวบาง และมีใบหน้าสวยงามอีกด้วยเช่นกัน

ส่วนศิษย์น้องหญิงน้อยของเขาเองก็ยิ่งสวยสง่างามและมีเสน่ห์มากขึ้น นางมีรูปโฉมสะคราญ รูปร่างเพรียวบางงดงามจริงๆ และยังมีใบหน้างามสุดแสนวิจิตรเหนือสามัญอย่างยิ่ง…และในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เต็มไปด้วยอารมณ์ปั่นป่วนชั่วขณะหนึ่งเช่นกัน

ไม่ว่าเขาจะฝึกฝนหรือไม่ก็ตาม ผลกระทบนั้นก็มากเกินไปจริงๆ

ในชั่วพริบตานั้น ความสนใจของเขาพลันกลับไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นไข่มุกสะกดวิญญาณขณะที่ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายทันที

ปีศาจตะขาบเซียนเสิ่นที่เขาเพิ่งสังหารไปนั้น เกี่ยวข้องกับการมาถึงเมืองหลินตงของเขาจริงๆ!

และครั้งนี้ สิ่งที่คาดคิดไว้นั้นก็กลายเป็นจริง

[1] หว่านเมล็ดพันธุ์ วางรากฐานบางอย่างเพื่อรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในอนาคต

[2] รักหยกถนอมบุปผา หมายถึง บุรุษควรทะนุถนอมและอ่อนโยนต่อสตรี

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท