ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 366 นับถอยหลังสู่ทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 366 นับถอยหลังสู่ทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน (2)

น้ำเต้าบนหลังของนาง!

จิ่วจิ่วฝึกบำเพ็ญมานานกว่าพันปีแล้ว แต่น้อยครั้งนักที่ได้เข้าสู่โลกมนุษย์ นางเพียงแค่อยู่ในภูเขาเท่านั้น

เมื่อนางมาถึงโลกมนุษย์ในวันนี้ นางก็ถูกความคึกคัก มีชีวิตชีวาของโลกมนุษย์ดึงดูดอย่างรวดเร็ว นางมองไปรอบ ๆ และเห็นการรวมตัวกันทางทิศตะวันตก นางสังเกตเห็นมนุษย์ที่แปลกประหลาด นางยังหยุดอยู่ตรงหน้าขอทานข้างถนน และหยิบโอสถถั่ววิญญาณสองเม็ดมอบให้พวกเขา

จากนั้นนางก็ถูกขอทานดุด่าว่า “อย่าใส่ทุกอย่างลงในชามของเรา?! เหตุใดกัน เจ้ายังต้องการวางยาพิษข้าหรือ?!”

จิ่วจิ่วพ่นลมหายใจ แต่ก็ไม่สนใจมนุษย์เหล่านั้น จากนั้นก็ค่อยๆ ก้าวเดินเบา ๆ พลางมองหาสถานที่ที่ดูคึกคักฟู่ฟ่ามากที่สุด

นางจะซื้อหน้ากากหลากสีแล้วสวมมัน จากนั้นก็แตะด้านข้างของหลี่ฉางโซ่วเงียบ ๆ แล้วทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้อง ‘ว้าว’ ขึ้นมาทันที

นางยังหยุดอยู่ตรงหน้าแผงที่เร่ขายขนมหวานอีกด้วย และอดจะเอามือเล็กๆ เช็ดมุมปากไม่ได้ จากนั้นก็ถามว่าขอใช้หินหยกสองก้อนแลกซื้อพวกมันสองอย่างได้หรือไม่

หลี่ฉางโซ่วเฝ้ามองด้วยรอยยิ้มจากด้านข้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วย…ความรู้สึกราวกับบิดาชราที่พาธิดาตัวน้อยออกมาซื้อของ

จิ่วจิ่วเล่นอยู่บนถนนพักหนึ่ง ก็ได้รับความสนใจ เป็นที่ดึงดูดสายตามากมายโดยไม่รู้ตัว

นางได้กลิ่นอาหารข้างทางอีกแล้ว จึงลากหลี่ฉางโซ่วไปยังร้านอาหารที่อยู่ใกล้ แต่ไม่นาน จิ่วจิ่วก็หมดความสุขและตื่นเต้น และกลับออกมาหลังจากผิดหวัง

นางเคยกินสัตว์วิญญาณที่เลี้ยงบนภูเขาในสำนัก และรู้สึกว่ารสชาติของมนุษย์เหล่านี้น่าเบื่อจริงๆ

ในขณะนั้น จิ่วจิ่วก็ยังสังเกตเห็นว่า ดูเหมือนว่า หลี่ฉางโซ่วจะอยู่ในสภาวะที่ผิดปกติ

แววตาของเขาดูไม่มั่นคง และอักขระเต๋าของเขากำลังปรากฏ…

นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการรู้แจ้งอย่างชัดเจน

แม้ว่าปกติแล้ว จิ่วจิ่วจะชอบเล่นไปทั่ว แต่คราวนี้นางก็ค่อนข้างจริงจังเช่นกัน

อย่างแรก นางถอยไปครึ่งก้าวอย่างแนบเนียนและคอยตามหลังหลี่ฉางโซ่ว จากนั้น นางก็หยิบกริชที่มีฝักออกมาแล้วถือเอาไว้ในมือก่อนจะแผ่รังสีพลังสะกดข่มออกมาเพื่อสกัดกั้นเหล่ามนุษย์ที่อยู่รอบๆ และปกป้องหลี่ฉางโซ่ว

ในเวลานี้ หัวใจของหลี่ฉางโซ่วก็เต็มไปด้วยอักขระเต๋า…

‘เต๋าของข้า เป็นอย่างที่ข้าปรารถนาจริงๆ หรือ? ’

เขาถามตัวเองเช่นนั้น แล้วก็ได้แต่เดินไปรอบ ๆ เมืองใหญ่ พลางครุ่นคิด รำลึก ฟัง เฝ้าดู หวนคิดถึง…

“วอวอโถว[1] สี่ชิ้นหนึ่งเฉียน!”

“ขายผักราคาถูกๆ จ้า! ขายผักถูกๆ จ้า ผักทั้งนั้นเลยจ้า!”

“แม่จ๋า หนูอยากกินแตงอบ!”

หลี่ฉางโซ่วเดินไปที่ตลาดโดยไม่รู้ตัว เขาเดินไปตามความประสงค์ เคลื่อนไหวไปตามกระแส เพื่อมองหาโอกาสของตัวเขาเอง

เขาไม่ได้คิดถึงสิ่งใด ณ ขณะนี้ เขาไม่มีความกลัวอะไรมาก สิ่งเดียวที่เขาคิดคือต้องอยู่อย่างปลอดภัยและหากเกิดการรู้แจ้งและพบทิศทาง เขาจะระงับมันเอาไว้

จิ่วจิ่วเดินตามมาเงียบๆ สักพัก และในไม่ช้าก็พบปัญหาเล็กน้อย…

เหตุใดข้าถึงไม่เข้าใจอักขระเต๋าบนร่างของศิษย์หลานตัวน้อยตรงหน้านี้เลย?

มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่?

จิ่วจิ่วกะพริบตา นี่เป็นครั้งแรกที่นางสัมผัสถึงอักขระเต๋าของหลี่ฉางโซ่วและอักขระเต๋านี้ก็คลุมเครือและเข้าใจยากยิ่ง แม้จะมีต้นกำเนิดเหมือนกันกับเต๋าที่นางฝึกฝนมาก็ตาม แต่ก็ไม่เหมือนกันเลย

ต้นไม้บานพันดอก ล้วนมีแกนแตกต่างกัน.

แต่นางไม่อาจเข้าใจอักขระเต๋าของเสี่ยวฉางโซ่ว นั่นหมายถึงว่า มีปัญหา!

เกิดอันใดขึ้น? เสี่ยวฉางโซ่วทะลวงด่านหรือไม่? ’

จิ่วจิ่วเม้มปาก จู่ๆ นางก็เกิดความคิดอยากเอาชนะขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบายได้ ยิ่งไม่เข้าใจ นางก็ยิ่งเริ่มมุ่งมั่นมากขึ้น

จากนั้น…นางก็เกิดการตระหนักรู้เช่นกัน

ขณะที่หลี่ฉางโซ่วเดินไป เขาก็เข้าใจคร่าวๆ ว่าการหยั่งรู้เต๋าของเขาขาดอะไรไป และหลุดพ้นจากการตรัสรู้เต๋าของเขา

ข้ามาจากโลกมนุษย์เพื่อแสวงหาความเป็นอมตะ

เขาเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่จำเป็นต้องระงับความคิดในใจ และไม่ต้องยับยั้งธรรมชาติของตัวเขาเองเพราะเขารู้สึกว่า เรื่องนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะฝึกบำเพ็ญเพียร

อืม… คำว่า “มั่นคง” ถูกเขียนไว้ในแก่นของตัวตนของเขาแล้ว

ในชีวิตชาติก่อนของเขา เขามักได้ยินคนกล่าวว่า ที่ใดที่มีผู้คนอยู่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้

และสิ่งที่เขาอยากเข้าใจในตอนนี้ คือความจริงแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนมี ‘ธรรมชาติของมนุษย์’ และสถานที่ของธรรมชาติมนุษย์ก็คือโลกมนุษย์

เต๋าไม่ใช่ตัวตนของข้า แต่ธรรมชาติของข้าคือความจริง

และร่องรอยสุดท้ายของเต๋าก็ได้ถูกเติมเต็มเพิ่มเข้าไปในวันนี้แล้ว

บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างสงบในใจราวกับว่าเขาได้เห็นแสงสว่างวาบของประตูตรงหน้าเขา

และเพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวแล้วเปิดประตูนี้ ก็จะสามารถเข้าถึงขอบเขตใหม่ทั้งหมดแห่งชีวิตได้…

อายุยืนยาวในระยะที่เอื้อมถึง

บัดนี้ เขาได้เข้าสู่ช่วงก่อนการเริ่มต้นข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้ว

หลี่ฉางโซ่วสงบใจลงและกลับคืนจากการรู้แจ้งของเขา เมื่อพร้อมที่จะกลับสำนักแล้ว เขาก็จะเริ่มเตรียมการขั้นสุดท้ายก่อนเกิดทัณฑ์สวรรค์

ในขณะนั้น ยังมีเสี้ยวอักขระเต๋าพุ่งพล่านอยู่ด้านหลังเขา

เมื่อหันกลับไปมองจิ่วจิ่ว เขาก็พบว่ามีอักขระเต๋ากำลังห้อมล้อมอาจารย์อาน้อยของเขา พลังเซียนในร่างของนางพลุ่งพล่าน และดวงตาโตของนางฉายแววสงสัยอยู่เล็กน้อย…

ไฉนอาจารย์อาน้อยถึงกำลังทะลวงด่านเช่นกัน?

การตรัสรู้เต๋าอันยิ่งใหญ่ของโลกมนุษย์ได้ผลดีหรือไม่?

หลี่ฉางโซ่วขยับนิ้วทำมุทราหยั่งรู้ และเข้าใจในทันทีว่าเป็นเพราะเขาเปิดเผยอักขระเต๋าออกมาโดยบังเอิญเมื่อเขาหยั่งรู้ถึงหัวใจเต๋า ซึ่งส่งผลต่ออาจารย์อาน้อย

อาจารย์อาจิ่วจิ่วอยู่ที่เซียนเสิ่นขั้นสูงสุดแล้ว ตอนนี้ นางได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว เป็นไปได้มากที่นางจะก้าวเข้าสู่เซียนเทียนทันที

เขาไม่อาจไม่ระวังการทะลวงด่านของอาจารย์อาในครั้งนี้เช่นกัน

หลี่ฉางโซ่วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปสำรวจทั่วเมือง และตรึงอยู่ที่จวนแม่ทัพอย่างรวดเร็ว และเห็นสตรีสาวที่มีท้องยื่นออกมาเล็กน้อย นางมีสาวใช้คอยประคองในขณะเดินเล่นในลานบ้าน

จากนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวก็กระโดดออกมาจากแขนเสื้อของหลี่ฉางโซ่ว ก่อนจะจมดิ่งลงไปในพื้นแล้วหายตัวไปทันที

หลังจากนั้น ก็มีชั้นเมฆหมอกปรากฏขึ้นรอบ ๆ ร่างของหลี่ฉางโซ่ว แล้วเข้าห่อหุ้มร่างของจิ่วจิ่ว ซึ่งอยู่ในช่วงการตรัสรู้ จากนั้น เขาก็ใช้พลังเซียนและหลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย เพื่อพานางออกไปจากสถานที่นี้ แล้วรีบพุ่งไปที่ทะเลบูรพา

พลังขุ่นที่นั่นผสมปนเปกัน หากนางทะลวงด่านที่นั่น ย่อมจะทำให้ร่างเซียนบริสุทธิ์ของอาจารย์อาน้อยแปดเปื้อนได้ง่าย

นี่ถือได้ว่าไม่มีใจปลูกต้นหลิว แต่ต้นหลิวกลับเติบโตให้ร่มเย็น[2]

หลี่ฉางโซ่วพบเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในทะเลทะเลบูรพา จากนั้น เขาก็จัดวางค่ายกลเวทเอาไว้สองชั้น

เขากระซิบที่หูของอาจารย์อาน้อยว่า “ท่านอาจารย์อาน้อย ท่านเข้าปิดด่านอยู่ที่นี่ ข้าจะคอยป้องกันให้อยู่ข้างๆ”

“ได้” จิ่วจิ่วตอบกลับ และไม่นานก็หลับตาลงและตั้งสมาธิ นางนั่งลงในค่ายกลเวทด้วยความรู้สึกสงบสุขในใจอย่างประหลาด

หลี่ฉางโซ่วทำหน้าที่สองอย่าง ในขณะที่เขาใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้ปกป้องอาจารย์อาน้อย ร่างหลักของเขาก็อยู่ในห้องลับใต้หอโอสถ และเริ่มตรวจสอบถุงเก็บสมบัติซึ่งทำเครื่องหมายกากบาทที่เขาเตรียมไว้

ถุงเก็บสมบัติปรากฏขึ้นแวบหนึ่งแล้วหายไปในฝ่ามือทีละใบอย่างต่อเนื่อง มีทั้งเครื่องมือเวท ของวิเศษ สมุนไพร ค่ายกลขนาดเล็ก และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ สำหรับการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้ถูกจัดเตรียมไว้ภายในอย่างเต็มที่และเพียงพอแล้ว

เมื่ออาจารย์อาจิ่วจิ่วทะลวงด่านเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็จะขอให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ลงมายังโลกและช่วยปกป้องเขาในระหว่างข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้

ถือได้ว่าเป็น “สวัสดิการพนักงานที่ยอดเยี่ยม” ที่เขาได้รับจากการทำงานเพื่อสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมาโดยตลอด ซึ่งดีเป็นพิเศษกว่ากองกำลังผู้พิทักษ์ในช่วงที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์…

เพียงเล็กน้อย

………………………………………………………………..

[1] เป็นอาหารที่ทำจากแป้งข้าวโพดชนิดหยาบ ใช้เป็นอาหารหลักพบได้ทั่วไปในภาคเหนือของจีน ทานเป็นจานหลักอย่างเดียวกับหมั่นโถว แต่จะมีราคาถูกกว่าหมั่นโถวมาก

[2] ได้มาโดยไม่คาดฝัน หรือเกินคาดหวัง เปรียบว่าได้พรหรือโชคโดยบังเอิญ ทำนองเดียวกับบุญหล่นทับ หรือส้มหล่น

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท