ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 418 เข้าถ้ำเมฆไฟครั้งแรก และจิ้งจอกหิมะ

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 418 เข้าถ้ำเมฆไฟครั้งแรก และจิ้งจอกหิมะสงสัยถึงความรู้สึกที่แท้จริงของนาง (2)

หลี่ฉางโซ่วซึ่งนอนอยู่บนพื้น ก็ยกฝ่ามือประกบเหนือศีรษะ “ศิษย์จะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่านอาจารย์ขอรับ!”

หลิงเอ๋อร์ก็รีบกล่าวว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์ ที่ไม่ตีศิษย์เจ้าค่ะ!”

“ข้าจะไปเข้าปิดด่านบำเพ็ญเพียรแล้ว” ฉีหยวนส่ายศีรษะ จากนั้น ก็ถือแส้หางม้าและลอยกลับไปที่กระท่อมมุงจาก เหลือไว้เพียงแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยความผันผวนและเรื่องราวต่างๆ ให้เห็นเท่านั้น

ในเวลานั้น ที่หน้าขอบหน้าต่างของกระท่อมมุงจากข้างๆ ศีรษะทั้งสองที่ยื่นโผล่ออกมาจ้องเขม็งมาทางด้านนี้ก็ถอยกลับไปอย่างอ่อนแรง

“ศิษย์พี่สง ศิษย์พี่ฉีหยวนช่างดุร้ายยิ่งนัก…”

“อวี่ซือ นั่นคือปรมาจารย์ผู้นำสูงสุดแห่งยอดเขาหยกน้อยของเรา และนั่นเขาก็ไม่ได้ดุร้าย แต่เป็นว่าช่างน่าเกรงขามงามสง่า”

“อืม ข้าก็รู้สึกว่าศิษย์พี่ฉีหยวนเป็นคนดีมาก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเอ๋อร์ที่เพิ่งช่วยศิษย์พี่ของนางให้ลุกขึ้นยืนก็มองไปที่เขา

ศิษย์พี่เลิกคิ้วและศิษย์น้องหญิงน้อยก็กะพริบตา แล้วทุกอย่างเงียบลง

“ศิษย์พี่ ท่านอยากให้ข้าทายาให้หรือไม่?”

“ไม่ต้องหรอก ข้าไม่สามารถดูดซับมันได้เช่นกัน แค่กๆ ข้าจะกลับไปเข้าปิดด่านที่หอโอสถ”

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ แล้วเสกเมฆขาวก่อนจะขึ้นไปนอนบนนั้นแล้วลอยกลับไปที่หอโอสถโดยไม่สนใจจะกอบกู้ภาพลักษณ์ของเขาแต่อย่างใด

……

หลังจากจัดการแก้ไขปัญหายุ่งยากนั้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็จัดระเบียบความคิดของเขาใหม่แล้วหยุดตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งหมดก่อนจะเพ่งจิตสนใจ กลับไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘เทพแห่งท้องทะเล’ ที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน

หลังจากนี้ เขายังต้องเตรียมของขวัญเพื่อเป็นการขอบคุณเทพจันทรา

ในภายหน้า เขาไม่ควรใช้รูปลักษณ์ของท่านอาจารย์เพื่อทำสิ่งต่างๆ จนเกิดปัญหาอีก มันย่อมจะปลอดภัยกว่า หากพยายามใช้บางตัวตนที่หลี่ฉางโซ่วสร้างขึ้นมา

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเจาะพื้นดิน และเพ่งจิตไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ซึ่งอยู่ในรูปของเทพแห่งท้องทะเล แล้วเดินทางตรงไปยังที่ตั้งของถ้ำเมฆไฟต่อไป

ถ้ำเมฆไฟซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งในดินแดนเทวะมัชฌิมา มันไม่ปรากฏต่อหน้าผู้คน เฉกเช่นเดียวกับเกาะซานเซียน

เขารู้ว่าเกาะซานเซียนอยู่ในหมอกเหนือทะเล หากเขาไม่มีทางเข้า เขาก็จะไม่อาจหาร่องรอยใดๆ ได้เลย

เมื่อหลี่ฉางโซ่วต้องการหาถ้ำเมฆไฟในคราแรก เขาได้ทำมุทราหยั่งรู้และรู้ถึงสถานที่นั้น… แต่ก็ไม่อาจหยั่งรู้ลึกได้ด้วยทักษะหยั่งรู้ตื้นๆ ที่จำกัดของเขา

ทว่าเวลานี้ เขามีศาลสวรรค์คอยสนับสนุน จึงย่อมไม่ยากที่เขาจะรู้ว่าถ้ำเมฆไฟอยู่ที่ใด

เขาขี่เมฆผ่านภูเขานับพันลูกและข้ามแม่น้ำไปหลายพันสาย

หลังจากเดินทางมาได้ครึ่งวัน เขาก็พบทะเลสาบกว้างใหญ่อยู่ตรงหน้า

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็บินขึ้นสูงตรงไปยังแผ่นฟ้าแห่งทะเลสาบใหญ่ เขาบินวนไปในท้องฟ้าและตกลงไปในทะเลสาบกว้างใหญ่นั้น เพียงแต่ก่อนที่ร่างของเขาจะตกลงไปในนั้น สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาก็มองเห็นกลุ่มควันก่อตัวขึ้นมาในอากาศ

เขาจึงหยุดและขี่เมฆไปทางก้อนเมฆนั้น…

นั่นคือรายละเอียดของวิธีการเฉพาะในการค้นหาถ้ำเมฆไฟที่มีอยู่ในบันทึกของศาลสวรรค์

เมื่อหลี่ฉางโซ่วบินไปที่เมฆนั้น เขาก็รู้สึกว่ามีอักขระเต๋าลึกลับอยู่ข้างหน้าเขา เขาได้ยินเสียงดนตรีที่บรรเลงด้วยเครื่องสายเข้ามาในหู ราวกับว่ามีสรวงสวรรค์ซ่อนเร้นอยู่ข้างหน้า

ดูเหมือนจะมีประตูที่มองไม่เห็นในหมู่เมฆนั้น ทำให้หลี่ฉางโซ่วต้องหยุดเส้นทางของเขา

หลี่ฉางโซ่วพูดเสียงดัง “ทูตของศาลสวรรค์อยู่ที่นี่ตามคำสั่งของจักรพรรดิหยกให้ไปเยี่ยมบรรพบุรุษของเรา”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสียงดังลั่นว่า “ด้วยพระบัญชาขององค์เง็กเซียน ทูตแห่งศาลสวรรค์มาเยี่ยมเยือนปราชญ์บรรพชนของเรา”

ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ในใจ และจู่ๆ แผ่นแปดรูปลักษณ์จากที่ใดก็สุดหยั่งรู้ ก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเขา วงกลมทั้งแปดวงหมุนวนไปเบาๆ และเส้นโค้งที่วาดไว้ก็เปล่งแสงสลัวกะพริบริบหรี่เล็กน้อย

ข้าจะสามารถเข้าไปได้หลังจากที่มันปลดผนึกปิดกั้นแล้ว

หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับพลางใช้มือซ้ายสร้างไท่จี๋วารีไฟขึ้นมา แล้วค่อยๆ ผลักแผนภาพไท่จี๋ออกไปข้างหน้าและวางมันไว้ที่ตรงกลางของแผ่นแปดรูปลักษณ์นั้น

จากนั้น ทั้งหยินหยางก็ไหลเวียน และแผ่นแปดรูปลักษณ์ก็เริ่มกะพริบแสงเบาๆ หลี่ฉางโซ่วก็เสริมอีกประโยคในใจว่า ข้าเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ข้าขอเข้าไปได้หรือไม่ จากนั้น ประตูที่มองไม่เห็นก็หายวับฉับพลัน และมีถ้ำปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาทันที ถ้ำนั้นลึกมาก แต่ก็ยังคงมีแสงสว่างจ้าอยู่ภายในนั้น

หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับให้อีกครั้งแล้วเดินเข้าไปในถ้ำพร้อมกับของขวัญมากมายที่แม่ทัพตงมู่ได้เตรียมมาจากคลังเก็บสมบัติของศาลสวรรค์

หัวใจของเขายังคงเต็มไปด้วยความระแวดระวังอย่างเต็มที่และเตรียมพร้อมที่จะทำลายตัวเองอยู่ตลอดเวลา

หลังจากก้าวไปข้างหน้าหกสิบสี่ก้าว แล้วจู่ๆ การมองเห็นของเขาก็สว่างกระจ่างขึ้นในทันที ยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้าเขา มันดูเหมือนกับร่างน้ำที่เขาเพิ่งเห็นมา และยังเป็นภาพสะท้อนของร่างน้ำอีกด้วย

เหนือทะเลสาบนั้น เห็นได้ชัดว่ามีสองพื้นที่ขนาดใหญ่ มีภูเขาเซียนลูกลอยอยู่ทางซ้าย ทิวทัศน์ที่นั่นก็แตกต่างกัน ส่วนใหญ่ก็เงียบสงบทีเดียว

ส่วนในพื้นที่ทางด้านขวานั้น มีเทือกเขาต่อเนื่องที่เชื่อมต่อกัน มีวังและอาคารอยู่ทั่วทุกหนแห่งและได้ยินเสียงหัวเราะของสตรี เสียงพิณบรรเลงและเสียงขลุ่ยล่องลอยมา…

เห็นได้ชัดว่า ทางด้านซ้ายเป็นพื้นที่ที่ปราชญ์เมธีเผ่ามนุษย์เข้าปิดด่านอยู่ ในขณะที่ทางด้านขวาเป็นพื้นที่ของคนในตระกูลจักรพรรดิหวงเซียนหยวน

เสิ่นหนง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามกษัตริย์ อาจได้รับบุญมากกว่าเล็กน้อยในการนำเผ่ามนุษย์ต่อสู้อย่างหนักในศึกรบ รักษาต้นกล้าไฟของเผ่ามนุษย์ แม้จะมีซุ่ยเหรินซึ่งเป็นผู้นำเผ่ามนุษย์ต่อสู้เฉกเช่นเดียวกับฝูซีและเสิ่นหนง ในฐานะสามกษัตริย์ พวกเขาล้วนได้รับบุญเช่นกัน

แต่เห็นได้ชัดว่า จักรพรรดิหวงเซียนหยวนเป็นผู้ชนะที่ดำรงอยู่ท่ามกลาง ‘จักรพรรดิที่สละโลกแล้ว’! มีวังหลังทั้งหมดสามพันคนรวมอยู่ในถ้ำเมฆไฟด้วยหรือไม่?

ทุกคนล้วนเข้ากันได้ดีและพวกเขากำลังหัวเราะกันไม่หยุด พวกเขากลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่อยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี มีความสุขและไร้กังวลตลอดไปหรือ?

ช่างทรงพลังยิ่งนัก

หลี่ฉางโซ่วชื่นชมในใจอย่างเต็มเปี่ยม และไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ถึงปราชญ์บรรพชน จึงถือของขวัญและมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ว่าควรต้องไปที่ใดก่อน

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เห็นเรือลำหนึ่งอยู่ที่มุมของทะเลสาบใหญ่ ดวงตาของเขาพลันเปล่งประกายแล้วบินข้ามไปบนก้อนเมฆ เมื่อมองจากระยะไกล เขาเห็นชายร่างใหญ่กำยำสวมเสื้อกันฝนฟาง กำลังตกปลาอยู่บนเรือ ทว่าเมื่อเข้าไปใกล้อีกนิด เขาก็ได้ยินเสียงชายใหญ่ร่างกำยำ… สะอื้นเบาๆ “ผู้อาวุโส ผู้อาวุโส?” หลี่ฉางโซ่วจึงร้องตะโกนจากระยะไกล ชายร่างกำยำที่กำลังตกปลาก็รีบเช็ดใบหน้าของเขาและหันไปมองหลี่ฉางโซ่ว เขาเผยให้เห็นใบหน้าสง่างาม รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีสีหน้าไร้ความสุข

“เจ้าเป็นผู้ใดกัน? เจ้ากำลังทำอันใด? เข้ามาได้อย่างไร? แล้วไยถึงตะโกน? ที่นี่คือถ้ำเมฆไฟ!”

หลี่ฉางโซ่วเอ่ยอันใดไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงล้ำลึกของชายร่างกำยำซึ่งผสานด้วยสำเนียงหนักหน่วงของดินแดนเทวะทักษิณ

……

เป็นเพียงแค่ความเหงาจริงๆ หรือ?

บนเรือไม้ลำใหญ่ ในเวลานั้น จิ้งจอกสาวกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องที่เงียบสงบด้วยท่าทางอ้างว้าง ที่ด้านหลังของนาง มีหางจิ้งจอกขาวราวหิมะหกหางปรากฏขึ้น และกวัดแกว่งไปมาเบาๆ

นางกำลังรำลึกถึงและครุ่นคิด

ไม่ นี่ไม่น่าเป็นเพียงความเหงา!

จิ้งจอกสาวลุกขึ้นนั่ง ค้ำยันร่างของนางด้วยลำแขนดั่งหยกขาวราวหิมะขณะที่นางดูมีท่าทางตื่นเต้นแปลกๆ

นางยกมือขึ้นและโบกมือไปที่โต๊ะข้างๆ แล้วคว้าเอาพู่กัน หมึก และผ้าไหมออกจากที่ใดก็สุดรู้ จากนั้นก็กางผ้าออกบนเตียง แล้วหยิบพู่กันขึ้นมาเขียน

เผ่าชิงชิวของข้าได้เข้าสู่เต๋าด้วยความรัก เป็นไปได้หรือว่าเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลมากมายทั้งหมดนั้น ล้วนรู้สึกเหงาเท่านั้น?

ไม่สิ บางทีข้าอาจถูกล่อลวงด้วยความเหงา แต่ในตอนนี้ ข้าก็มีเขาอยู่ในใจ นักพรตเต๋าฉีหยวน…

ความคิดของนางโลดแล่นไปในขณะที่นิ้วเรียวของนางสะบัดไปมา และมีภาพปรากฏขึ้นบนผ้า

ในคุกใต้ดินอันและมืดมิด ร่างนักพรตเต๋าชรายืนนิ่งสงบอยู่เงียบๆ ขณะจ้องมองไปที่ปีศาจจิ้งจอกสีขาวราวหิมะที่อยู่ในคุก

จิ้งจอกสาวหยิบพู่กันมาเขียนคำว่า ‘ฉีหยวน’ ที่ด้านหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ นอนตะแคงลงข้างๆ ภาพวาดนั้น ดูราวกับนางจะสูญสิ้นพลังไปทั้งหมดแล้ว จากนั้นนางก็ใช้พลังปีศาจเข้าปกป้องม้วนภาพและใช้นิ้วเรียวยาวของนางสัมผัสมันเบาๆ

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม จิ้งจอกสาวก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิในขณะที่ม้วนภาพก็ลอยอยู่ตรงหน้านาง มันส่ายไปมาเบาๆ และตัวตนคนที่อยู่ข้างในก็ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาในขณะที่มีเสี้ยวอักขระเต๋าปรากฏขึ้นรอบๆ จิ้งจอกสาว

นางพึมพำเบาๆ ว่า “ข้าก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าไฉนถึงสนใจเจ้า บางทีอาจเป็นแรงกระทบย้อนกลับจากเสน่ห์อาคมของข้า หรืออาจเป็นเพราะความอ่อนโยนที่เจ้าบังเอิญเผยให้ข้าได้เห็นโดยไม่ตั้งใจ

ทว่าข้าจะค้นหาหัวใจ และความรู้สึกที่แท้จริงของข้าเอง หากคำตอบนั้นอยู่ในเต๋า ข้าก็จะไปหาเต๋า เจ้าพูดถูก หากข้าไม่เข้าใจจิตใจ และความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง ข้าย่อมไม่อาจหักล้างคำพูดตามหลักการเพียงเพราะความเหงาของเจ้าได้ และข้าชิงชิวซินหลานย่อมไม่คู่ควรกับการบำเพ็ญเต๋าความรักใดๆ แต่นักพรตเต๋า เจ้าผิดไปแล้ว … ความรักหาใช่ความเหงาไม่ ความรักคือความจริงใจ”

ขณะที่นางพึมพำ อักขระเต๋าที่ปรากฏขึ้นบนร่างของนางก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วมีร่างเงาที่พร่ามัวก็ปรากฏขึ้นข้างหลังนาง ร่างนั้นมองขึ้นไปที่ความว่างเปล่าราวกับกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง

หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไปโดยไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด อักขระเต๋านี้ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อยจนเต็มห้องและทำให้เผ่าของนางตื่นตระหนก

แล้วหางจิ้งจอกขาวราวหิมะหางที่เจ็ดก็ปรากฏขึ้นที่ข้างหลังนางเงียบๆ…

นักพรตเต๋าฉีหยวน ข้าจะไปตามหาเจ้าอีกครั้งอย่างแน่นอน

………………………………………………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน