ตอนที่ 502 สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยดูแลตัวเองดี (2)
ในป่าดอกท้อ อวิ๋นเซียวพยักหน้าช้าๆ และเห็นด้วย
ภายในถ้ำดิน บรรดาเซียนบุรุษและเซียนสตรีแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยต่างมองหน้ากันและครุ่นคิดลึกซึ้ง ส่วนใหญ่ดูมีท่าทางรู้แจ้ง
ในขณะที่บรรดาผู้ที่กำลังถือยันต์หยก ได้ทำการบันทึกถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมดลงไปคำต่อคำ
หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อว่า “หากคนทั้งคู่มีความรู้สึกดีต่อกัน ก็จะเกิดความก้าวหน้าในขอบเขตพลังได้เร็วที่สุด แต่หากมีเพียงฝ่ายเดียวที่เกิดความรู้สึกที่ดีต่ออีกฝ่าย ก็จะต้องใช้ความพยายามมากขึ้น
ครั้นเมื่อได้พูดคุยกันหลายครั้งหรือหลายสิบครั้ง ต่างก็ได้เห็นคุณลักษณะโดดเด่นที่ต้องใจในด้านต่างๆ ของอีกฝ่าย จนเกิดความรู้สึกบางอย่างในใจ อยากใช้เวลากับเขามากขึ้น และอยากพูดคุยกับเขามากขึ้น นั่นจะเป็นขอบเขตดึงดูดใจ”
ในขณะนั้นจิ้งจอกเก้าหางตัวหนึ่งที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อของนาง ก็ถ่มน้ำลายออกมาเงียบๆ
อวิ๋นเซียวกล่าวเบาๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้น เจ้ากับข้าก็น่าจะอยู่ในขอบเขตอุ่นรักใช่หรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ขอบเขตอุ่นรักหมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนกลมกลืนกันมากขึ้น มีการสื่อสารที่ดี และมีหัวใจเต๋าคล้ายกัน
ความก้าวหน้าในขอบเขตนี้อาจเร็วมากหรือช้ามากก็ได้ ไม่สำคัญ ”
“แล้วขอบเขตรุ่มร้อนเป็นอย่างไร”
“เพียงมีใจใฝ่รัก และเต็มใจจัดการเรื่องต่างๆ ให้กันและกันโดยไม่ยอมให้คนอื่นมาใส่ร้ายผู้ที่อยู่ในดวงใจ และจะไม่ปล่อยให้คนรักต้องเจ็บปวดทนทุกข์ นี่คือ รุ่มร้อน”
“บนพื้นฐานดังกล่าวนั้น หากเต็มใจจะเสี่ยงชีวิต ทำงานหนักเพื่ออีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่สนใจกรรมใดๆ แล้ว นั่นคือความก้าวหน้าและได้เข้าสู่ขอบเขตแต่งงานแล้ว”
บัดนั้น อวิ๋นเซียวก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว นางก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “ถ้าอย่างนั้น เราก็ยังต้องฝึกบำเพ็ญกันต่อไป เวลานี้ ข้ายังไม่อาจไม่สนใจกรรมเพื่อเจ้าได้”
หลี่ฉางโซ่วผงะงัน
ไม่จำเป็นต้องกล่าวเช่นนั้นก็ได้
“เราไม่อาจเร่งรัดเรื่องนี้ได้” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “อวิ๋นเซียว พี่ชายของเจ้า จ้าวกงหมิง … และเทพธิดาทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์รักระหว่างชายหญิงกันนี้ แต่พวกเจ้าก็ได้แบ่งปันมิตรภาพที่สนิทใกล้ชิดกัน ซึ่งพวกเจ้าจะเสี่ยงชีวิตให้กันและกันได้ นั่นคือ สิ่งที่ข้าอิจฉามากที่สุด”
สวรรค์! ข้าเรียกเจ้าว่าน้องสาวไม่ได้จริงๆ!
อวิ๋นเซียวกล่าวว่า “ข้าขอถามอีกคำถามได้หรือไม่?”
“ถามมาเถิด”
“เช่นนั้นแล้ว เจ้าและศิษย์น้องหญิงของเจ้ามาถึงขอบเขตแต่งงานแล้วหรือไม่?” อวิ๋นเซียวกะพริบตา
บัดนั้นกระบี่และเงากระบี่ในถ้ำนั้นก็ถูกพาดลงบนลำคอของหลี่ฉางโซ่วเกือบจะในทันที
มีแม้กระทั่งลมปราณของสมบัติเซียนเทียนเจือปนอยู่ในนั้น…
ส่ง… ส่งคำถามร้ายแรงถึงตายจริงๆ?
ทว่าหลี่ฉางโซ่วจะกล้ากล่าวเหลวไหลในเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!?!
ทุกถ้อยคำที่เขากล่าวในตอนนี้ อาจได้รับการพิสูจน์ความจริงในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องนี้!
ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วทนแบกรับแรงกดดันอันท่วมท้นและกล่าวว่า “นั่นยังยิ่งแย่กว่าอีก พวกเรายังขาดอยู่ นางเพิ่งฝึกบำเพ็ญมาได้ไม่นาน และข้าก็เป็นคนเลี้ยงดูนาง ข้าใช้เวลากับนางตลอดทั้งวัน และมีความรู้สึกบางอย่างกับนาง เป็นเพียงว่านางเจ้าอารมณ์มากเกินไปและยังไม่เป็นผู้ใหญ่เท่าใดนัก”
ข้าควรทำอย่างไรดี?
ต่อไปก็น่าจะเป็นคำถามที่สองที่จะถามถึงการเลือกระหว่างสองคนนี้ใช่หรือไม่? ไฉนจู่ๆ เทพธิดาอวิ๋นเซียว…
เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ สตรีย่อมหนีปัญหานี้ไปไม่พ้นจริงๆ…
“ดีแล้ว” อวิ๋นเซียวถอนหายใจอย่างโล่งอก
มันกำลังมา มันกำลังมาแล้ว! หลี่ฉางโซ่วคร่ำครวญในใจ
เขาเตรียมพร้อมจะตะโกนออกไปว่า “ข้ายอมหลั่งเลือดพลีชีพเพื่อสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและข้าก็เจ็บปวดทนทุกข์จากการถูกทุบตีเพื่อสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน!”
ทว่าอวิ๋นเซียวก็กล่าวว่า “หากมีโอกาส ข้าก็น่าจะพบนางเช่นกัน”
หลี่ฉางโซ่วรู้สึกสับสนมึนงง เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนหน้าผากทันที เทพธิดาอวิ๋นเซียวหมายความว่าอย่างไร?
“ศิษย์น้องหญิงและข้านั้น ถือได้ว่าเป็นคู่เหมยม้าไม้ไผ่[1] จะเป็นอะไรหรือไม่?”
“แน่นอนว่าเป็น” ดวงตาของอวิ๋นเซียวเต็มไปด้วยดวงดาว
“อย่างไรก็ตาม คุณไม่ได้ตั้งใจเริ่มต้นสิ่งนี้ระหว่างเรา ฉันมีความรู้สึกสำหรับคุณก่อน ฉันสูญเสียคุณไปชั่วขณะและฉันทำได้เพียงกลืนผลที่ตามมาอันขมขื่น”
“ทว่าเรื่องระหว่างเจ้ากับข้านั้น หาใช่ว่าเจ้าจงใจเริ่มก่อนไม่ แต่เป็นเพียงเพราะข้าหลงรักเจ้าก่อน และเมื่อรู้สึกสูญเสียเจ้าไปชั่วขณะ ข้าก็ได้แต่กล้ำกลืนผลที่ตามมาอย่างขมขื่นเท่านั้น
“ไม่มีอะไรต้องต่อสู้เพื่อเป็นคู่บำเพ็ญเต๋า มันเป็นเพียงคู่บำเพ็ญที่ฝึกบำเพ็ญร่วมกันและคอยสนับสนุนซึ่งกันและกันเท่านั้น
วันนี้เจ้ามารอข้าที่นี่ เจ้าน่าจะทำตามคำชี้แนะของท่านอาจารย์และการเตรียมการของศิษย์พี่ตั๋วเป่า ในขณะนี้ ข้าเห็นแก่ตัวและไม่อยากปฏิเสธความปรารถนาดีของท่านอาจารย์และศิษย์พี่ตั๋วเป่า
แต่ทุกอย่างต้องมีเหตุผล ข้าเองก็ไม่อาจปล่อยให้เจ้าลบเลือนความรู้สึกเดิมของเจ้าเพียงเพราะความคิดที่เห็นแก่ตัวของข้า นั่นจะไม่ไร้เหตุผลมากเกินไปหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจยาวและเงยหน้าขึ้นมองเมฆบนท้องฟ้า
เขากล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “อย่าพูดอีกเลย ขืนเจ้ายังพูดต่อไป ข้าจะ… พัฒนาความรุ่มร้อนขึ้นมาจริงๆ”
อวิ๋นเซียวรู้สึกขบขันและหัวเราะออกมาเบาๆ
ในสายตาของหลี่ฉางโซ่ว นางช่างดูอ่อนโยนนัก “ไยพวกเราไม่แลกของที่ระลึกกันเล่า”
อวิ๋นเซียวกล่าวว่า “วิธีนี้จะทำให้พวกเรารำลึกถึงกันได้เสมอ อีกอย่าง ข้ายังมีรูปเหมือนของเจ้าอีกรูปหนึ่ง เป็นศิษย์พี่เสวียนตูมอบมาให้ข้า”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น เมื่อข้ากลับไป ข้าจะวาดรูปเหมือนของเจ้า แล้วแขวนเอาไว้ในสถานที่ที่ข้าฝึกบำเพ็ญได้หรือไม่?”
อวิ๋นเซียวมองไปด้านข้างและกระซิบ “แล้วแต่เจ้าสิ”
กล่าวจบ นางก็หยิบถุงเก็บสมบัติออกมาจากแขนเสื้อ ซึ่งมีรูปเมฆปักอยู่บนนั้น จากนั้น นางก็เอื้อมมือซ้ายไปทางด้านหลังไหล่ของนางและตัดปอยผมราวเส้นไหมสีดำออกมาก่อนจะใส่ปอยผมนั้นลงในถุงเก็บสมบัตินั้นและปิดผนึกด้วยกฎห้ามก่อนจะมอบให้เขา
หลี่ฉางโซ่วรับมันมาด้วยมือทั้งสองข้าง เมื่อคิดๆ ดูแล้ว เขาก็หยิบเหรียญทองแดงออกมาจากแขนเสื้อของเขา มันเป็นหนึ่งในสองของเหรียญทองแดงลั่วเป่า จากนั้น เขาก็มอบมันให้อวิ๋นเซียว
อวิ๋นเซียวรีบกล่าวว่า “ไยเจ้าให้สมบัติวิญญาณกับข้า สายสัมพันธ์ของเรา ไม่ควรมีผลประโยชน์และกำไรระหว่างกัน”
“ข้าจะสบายใจที่สุดเมื่อทิ้งมันไว้กับเจ้า” จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หยิบเหรียญทองแดงออกมาอีกเหรียญหนึ่ง
ดวงตาของเขาฉายแววอ่อนโยนในขณะที่เขายิ้มและกล่าวว่า “พวกมันยังแบ่งออกเป็นหยินและหยาง พวกมันเหมาะกันที่สุด”
อวิ๋นเซียวไม่ปฏิเสธและเก็บเหรียญทองแดงลั่วเป่าเอาไว้
ในเมื่อนางแบ่งเส้นผมให้ข้า ข้าก็จะคืนกรรมกลับไปให้
ทว่าอวิ๋นเซียวไม่รู้ว่าเหรียญทองแดงนี้มีความหมายลึกซึ้งเพียงใด หลี่ฉางโซ่วก็จะไม่อธิบายเพิ่มเติม
“ใช่แล้ว” อวิ๋นเซียวกล่าว “ข้ายังต้องขอให้เจ้าช่วยมอบของสิ่งนี้ให้ศิษย์น้องหญิงของเจ้าด้วย” ขณะกล่าว นางก็ปลดปิ่นปักผมบนศีรษะออก แล้วมอบให้หลี่ฉางโซ่ว
ทันใดนั้นหลี่ฉางโซ่วก็อับจนถ้อยคำกะทันหัน เขาทำได้เพียงรับเอาปิ่นปักผมมาเท่านั้น การศึกษาที่เขาได้รับ ทำให้เขาไม่อาจเป็นคนใช้เท้าเหยียบเรือสองลำได้[2]!
ในขณะนั้น กระบี่สังหารเซียนทั้งสี่เล่มซึ่งไม่เป็นที่สังเกตเห็น พลันสั่นสะท้านเล็กน้อย
ใช่แล้ว ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ทงเทียน เชี่ยวชาญการอ่านใจคนจริงๆ…
………………………………………………………………..
[1] เพื่อนต่างเพศ ชายหญิง ที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เยาว์วัย หรือ คู่รักที่มีใจให้กันหรือคบกันมาตั้งแต่เด็กๆ
[2] คือ เหยียบเรือสองแคม คนรักพี่เสียดายน้อง อยากได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆ กันหรือคนนอกใจ คบชู้ คบคนสองคนหรือมากกว่านั้นในเวลาเดียวกันและใช้ในความหมายว่าเป็นคนตลบตะแลง หลอกลวง กลับกลอก