ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – ตอนที่ 576 ชื่อของเจ้าคือ ต้นไม้สมบัติเจ็ดมหัศจรรย์! (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 576 ชื่อของเจ้าคือ ต้นไม้สมบัติเจ็ดมหัศจรรย์! (1)

ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อตีงูต้องตีเจ็ดชุ่น และให้วางมีดก่อนจับแมว[1]

สำนักบำเพ็ญเต๋ากดดันภูเขาวิญญาณ และอีกฝ่ายเปิดตัวแพะรับบาป จ้าวกงหมิงจึงให้เขาพิสูจน์ตัวเองและพาตัวผู้ร้ายเหล่านี้ไปที่จุดตายตรงๆ โดยบอกให้พวกเขาพิสูจน์ตัวเองด้วยคำสาบาน

แล้วเขาจะไม่ถูกเปิดเผยเมื่อคำสาบานของเขาได้รับการพิสูจน์ยืนยันหรอกหรือ?

ในขณะนั้น นักพรตเต๋าชราก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและตวาดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดว่า “สำนักบำเพ็ญเต๋าของเจ้าไม่มีวิธีการอื่นใดที่จะพิสูจน์ความจริงแล้วนอกเหนือจากปฏิญญาต้าเต๋าหรือ!?!”

เวลานั้น สีหน้าของจ้าวกงหมิงดูมืดทะมึนเมื่อได้ยินเสียงตวาดนั้น เคราของเขาปลิวไสวไปตามสายลม และดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย เขาถือแส้ไม้สีทองเอาไว้ในมือในขณะที่มีดาวยี่สิบสี่ดวงปรากฏขึ้นข้างหลังเขา

ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีร่างสองสามร่างเดินออกมาข้างหน้าและยืนอยู่เคียงข้างจ้าวกงหมิง!

เทพธิดาจินหลิงสวมชุดสีทองที่สาดประกายระยิบระยับ นางถือพยัคฆ์มังกรหรูอี้ และมีมวลแสงทรงกลมสีทองห้าดวงปรากฏขึ้นข้างหลังนาง

เทพธิดากุ่ยหลิงถือระฆังสีเขียวอ่อนเอาไว้ในมือและเดินตามหลังศิษย์พี่หญิงของนาง ดวงตาจ้องมองของนางดูเฉียบคมชัดมากขึ้นเล็กน้อย

ฉื้อจิ้งจื่อถือกระจกหยินหยางและสวมเสื้อคลุมอมตะป้ากวา เขาแผ่พุ่งพลังลมปราณที่ยาวไกลออกไป ราวกับกลุ่มควันที่แผ่ขยายออกไปนอกสวรรค์ทั้งเก้า

ไท่อี่เจินเหรินเอามือไพล่หลังขณะก้าวออกไปข้างหน้าโดยมีโล่สมบัติลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา และมีมังกรครามทั้งเก้าตัวนอนอยู่บนนั้น ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีชีวิตขึ้นมาได้ตลอดเวลา

ในขณะนั้น มีหม้อหยกอยู่เหนือศีรษะของอี้ตี่เจินเหริน หม้อหยกนั้นลอยอยู่พร้อมกับเปล่งแสงแวววาวเจ็ดสีออกมาและโอบล้อมรอบร่างของเขาเอาไว้ในนั้น ราวกับเป็นมนุษย์เทพเซียนเทียนลงมาเยี่ยมเยือน

หวงหลงเจินเหรินสะบัดแขนเสื้อของเขาและหันไปมองบรรดาสมบัติต่างๆ ของสหายศิษย์ร่วมสำนักและสหายศิษย์ต่างสำนักของเขา

เขาพลันรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย…

ไม่จำเป็นต้องมีมากเกินไป เพียงแค่ปรมาจารย์สองสามคนเหล่านี้เดินออกมา ก้าวหน้าและล่าถอย[2]ไปพร้อมๆ กับจ้าวกงหมิง พลังแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าก็ทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดบนภูเขาวิญญาณพูดไม่ออกแล้ว

เบื้องหลังพวกเขา ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ กวงเฉิงจื่อและนักพรตเต๋าตั๋วเป่า ล้วนยืนอย่างภาคภูมิใจ

บรรดาเซียนจากทั้งสามสำนัก ซึ่งไม่ว่าจะมีชื่อเสียงหรือไม่เป็นที่รู้จัก ทว่าทรงพลังแกร่งกล้าอย่างไม่ธรรมดา ต่างก็กระตือรือร้นที่จะลอง…

บัดนั้นคลื่นที่กำลังจะก่อตัวขึ้นในใจของผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดบนภูเขาวิญญาณล้วนถูกบดขยี้จนตายในทะเลแห่งหัวใจ[3]ของพวกเขา

บรรดาเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าใช้การกระทำของพวกเขาเพื่อพิสูจน์โดยตรงว่าพวกเขามีวิธีอื่นอย่างแน่นอน เพียงแต่พวกเขากลัวว่า คนของสำนักบำเพ็ญประจิมจะทนต้านรับไม่ได้

“ให้เขาทำตามคำสาบาน” นักพรตเต๋าชรากล่าวเบาๆ ดวงตาของนักพรตเต๋าชราเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความเดือดดาล

นักพรตเต๋าวัยกลางคนตัวสั่นสองสามครั้ง ทันใดนั้นเขาก็หันศีรษะและคุกเข่าไปทางภูเขาวิญญาณ และร้องไห้ออกมาในทันที

“เจ้าสำนัก! ท่านเจ้าสำนัก! การกระทำของข้าทำให้ชื่อเสียงของภูเขาวิญญาณต้องมัวหมองและทำให้ท่านเจ้าสำนักต้องเสื่อมเสียศักดิ์ศรี!”

ในเวลาเดียวกัน ที่มุมหนึ่งของภูเขาวิญญาณ ตี้จั้งกำลังกระซิบอะไรบางอย่างกับนักพรตเต๋าชราซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ และในขณะนั้น แพะรับบาปก็กำลังถูกนักพรตเต๋าชราควบคุมเอาไว้

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความเข้าใจบางอย่างกันเป็นอย่างดี…

ในแขนเสื้อของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ หลี่ฉางโซ่วใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อส่งเสียงเตือนเขา ทันใดนั้น อักขระเต๋าหยินหยางที่ลึกลับและคลุมเครือก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ทันที

พวกเขาถูกค่ายกลใหญ่แยกออกจากกันและอยู่ห่างกันหลายร้อยลี้ และทั้งสองก็ต่อสู้กันอีกครั้ง

ในอีกด้านหนึ่งนั้น นักพรตเต๋าชราก็ได้รับคำแนะนำจากตี้จั้ง เขาควบคุมนักพรตเต๋าวัยกลางคนซึ่งถูกอาคมสะกดวิญญาณของเขาให้ลุกขึ้นยืนและหันไปรอบๆ เพื่อก้มกราบภูเขาวิญญาณและเรียกท่านเจ้าสำนัก

หลังจากนั้น นักพรตเต๋าวัยกลางคนก็ลุกขึ้นยืน และหันไปเผชิญหน้ากับเหล่าปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความขุ่นเคือง

“จ้าวกงหมิงเป็นคนที่หลอกลวงและทำร้ายข้าก่อน แม้ข้าจะเป็นคนปล่อยข่าวลือนั้น แต่ข้าก็ทำไปเพราะข้าหุนหันพลันแล่นเกินไป แล้วเหตุใดจึงต้องปลุกระดมและสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ในสำนักบำเพ็ญเต๋าให้บุกมาอย่างเอะอะใหญ่โตเช่นนี้?

พวกเจ้าแค่กำลังใช้ข้ออ้างจากปัญหาเพื่อก่อปัญหาวุ่นวาย พวกเจ้าใช้ประโยชน์จากการปราบปรามสำนักบำเพ็ญประจิมของเราเพื่อเผยพลังแผ่ศักดาบารมีของลัทธิเต๋าของสำนักบำเพ็ญเต๋าของพวกเจ้า!

ช่างไร้สาระยิ่งนัก! ได้! วันนี้ข้าจะได้เติมเต็มศักดาบารมีของสำนักบำเพ็ญเต๋าของพวกเจ้า! มาดูกันว่าพวกเจ้าจะชดใช้กรรมของสำนักบำเพ็ญประจิมอย่างไร!”

กล่าวจบ พลังลมปราณของคนผู้นั้นก็พุ่งพล่านเพิ่มขึ้น แสงสีทองสาดส่องในร่างของเขา และพลังวิญญาณโดยรอบก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ความจริงแล้ว เขากำลังจะระเบิดทำลายตัวเอง!

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่แสงรอบตัวเขาวาบสว่างขึ้น จู่ๆ ก็มีมือขนาดมหึมาปรากฏขึ้นจากอากาศและก่อนที่การทำลายตนเองนั้นจะทันได้สัมผัสปราณวิญญาณของเขา มือมหึมานั้นก็กดไหล่ของเขาและผนึกพลังเซียนของเขาในทันที

บรรดาเซียนจากทั้งสองฝ่ายล้วนตะลึงงัน

พวกเขามองไปทางฝ่ามือและเห็นแขนข้างหนึ่งและแผนภาพไท่จี๋ที่กำลังหมุน…

ทันใดนั้นนักพรตเต๋าชราสามคนที่อยู่ทางฝ่ายของภูเขาวิญญาณก็ลงมือโจมตีทันที แต่ในขณะที่พวกเขาเคลื่อนไหว แขนนั้นก็ลากนักพรตเต๋าวัยกลางคนเข้าไปในแผนภาพไท่จี๋แล้ว!

ในชั่วพริบตา นักพรตเต๋าวัยกลางคนก็มาปรากฏตัวต่อหน้าจ้าวกงหมิงและถูกไข่มุกเทพทะเลทั้งห้าเม็ดยับยั้งเอาไว้!

การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่ง

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะจับ “คนสำคัญ” ได้อย่างง่ายดายสบายๆ เช่นนี้ ต่อหน้าเหล่าปรมาจารย์ของสำนักบำเพ็ญประจิม!

บัดนั้น นักพรตเต๋าชราจากภูเขาวิญญาณแสร้งทำเป็นพุ่งออกไปข้างหน้าในขณะที่บรรดาเซียนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าก็เคลื่อนตัวออกไปข้างหน้าด้วยกัน ทันใดนั้นพลังแรงกดดันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ทำให้เหล่านักพรตเต๋าชราไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ยังไม่ทันได้พูดอะไรให้กระจ่างชัดเจนเลย แล้วเหตุใดถึงจะรีบร้อนฆ่าตัวตายเล่า? จงบอกเหตุและผลของเรื่องนี้และวิธีที่เจ้ากระจายข่าวลือออกมาให้ละเอียด แล้วค่อยบอกข้าว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยหรือไม่

หลังจากนี้ สำนักบำเพ็ญเต๋าจะลงโทษเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากฆ่าตัวตายหรือไม่ นั่นก็เป็นทางเลือกของเจ้าเอง แล้วมันจะไปมีกรรมอันใดกับสำนักบำเพ็ญเต๋าได้เล่า?”

ในขณะนั้น นักพรตเต๋าวัยกลางคนก็เบิกตากว้างด้วยความเศร้าโศกและขุ่นเคือง

นักพรตเต๋าชราจากภูเขาวิญญาณผู้หนึ่งก่นด่าออกมาว่า “ที่นี่คือ ดินแดนเทวะประจิม อยู่ต่อหน้าเจ้าสำนักของข้า! บรรดาศิษย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าของเจ้าลงมือโจมตีผู้คนจากสำนักบำเพ็ญประจิมโดยตรง พวกเจ้าไม่เห็นใบหน้า[4]ของท่านจอมปราชญ์อยู่ในสายตาของพวกเจ้าอย่างจริงจังแล้วใช่หรือไม่!?!”

………………………………………………………………..

[1] เมื่อตีงูต้องตีเจ็ดชุ่น และให้วางมีดก่อนจับแมว อุปมาว่า ไม่ว่าจะพูดคุยสนทนา กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือปฏิบัติงานใดๆ จะต้องจับจุดใจความสำคัญให้แม่น อย่างเช่น ตีงูก็ต้องตีให้แม่นยำในตำแหน่งที่หลังหัวเจ็ดชุ่น งูถึงจะสยบทันที และคนตีงูก็จะทำสำเร็จและพ้นอันตราย

[2] ร่วมเคียงข้าง เคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน

[3] ความคิด จิตใจ จิตวิญญาณ

[4] เกียรติ ศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจ ความหยิ่งทะนง

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท