ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 118 คัดลายมือ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 118 คัดลายมือ

บทที่ 118 คัดลายมือ

แต่สวีเซียนหลินไม่ฟังคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน โบกมือและพูดตามตรง “ให้เป็นไปเช่นนั้นเถอะ อย่าพูดอีกเลย”

กู้เสี่ยวหวานต้องการจะพูดอย่างอื่น แต่เสี่ยวเซิ่งจื่อดึงแขนเสื้อของนางและกระซิบ “ตามนั้นแหละ ท่านลุงของข้าก็เป็นแบบนี้”

กู้เสี่ยวหวานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้ ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าพวกเขาจะมาเรียนหลังเทศกาลหยวนเซียว อย่างไรก็ตามสวีเซียนหลินหยิบหนังสือ พู่กัน หมึก กระดาษ และหินหมึกที่กู้เสี่ยวหวานได้เลือกไว้เมื่อสักครู่นี้และมอบให้กู้หนิงอัน “เก็บไว้ทั้งหมดและกลับไปลองศึกษาที่บ้าน เมื่อกลับมาข้าจะทดสอบพวกเจ้า”

ทันทีที่กู้หนิงอันเห็นหนังสือเล่มนี้ ดวงตาของเขาก็สว่าง และมีท่าทางสงบยินดี เขาจะเป็นคนที่มีในอนาคตรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน

หลังจากที่ทุกคนแสดงความเคารพ พวกเขาก็เดินตามเสี่ยวเซิ่งจื่อออกจากร้านหนังสืออวี้ กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจกับตัวเองว่าการมารอบนี้คุ้มค่าจริง ๆ นางได้ซื้อของทุกอย่างที่ต้องการซื้อ นอกจากนี้ยังได้ทำในสิ่งที่ต้องการจะทำมากที่สุดอีกด้วย กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเบิกบานเมื่อคิดว่าหลังจากปีใหม่ กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงจะสามารถไปเรียนที่สำนักศึกษาได้

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ขอบคุณเสี่ยวเซิ่งจื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เสี่ยวเซิ่งจื่อ วันนี้ข้าขอบคุณท่านมากจริง ๆ ขอบคุณความช่วยเหลือของท่านในวันนี้ ท่านแก้ปัญหาใหญ่ให้ข้าได้มากทีเดียว”

เสี่ยวเซิ่งจื่อรู้ดีว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังพูดถึงอะไร เขาจึงโบกมืออย่างรวดเร็ว “อะไรกัน เป็นเรื่องเผลอหลับแล้วศีรษะกระแทกหมอน[1]เท่านั้น ข้าเพียงแค่พาเจ้าไปซื้อกระดาษและพู่กัน ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นลูกศิษย์ของท่านลุงได้ เจ้าอาจไม่รู้ว่าเดิมทีท่านลุงของข้าเป็นข้าราชการ แต่เขาไม่ชอบเส้นสนกลในของวงการราชการจึงลาออกและกลับมาเปิดสถานศึกษาที่บ้าน เขาเชี่ยวชาญในการสอนเด็ก ๆ อ่านหนังสือเป็นอย่างยิ่ง”

หลังจากฟังเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักได้ว่าเป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าเล่าท่านลุงผู้นี้ถึงดูแตกต่างจากคนทั่วไป

“ข้ามีลูกพี่ลูกน้องอยู่คนหนึ่ง ท่านลุงของข้าไม่มีลูกชายจนกระทั่งเขาอายุสามสิบ และเขาสอบเข้าซิ่วไฉตอนอายุสิบเอ็ดปี นับเป็นเรื่องแปลกในเมือง จนทุกคนบอกว่าลูกพี่ลูกน้องของข้าเป็นอัจฉริยะ” เสี่ยวเซิ่งจื่อพูดอย่างภาคภูมิใจ “น่าเสียดายที่วันนี้ไม่ได้เจอลูกพี่ลูกน้องของข้า ไม่รู้ว่าเขาไปซื้อหนังสือที่ไหน ลูกพี่ลูกน้องของข้าคนนี้เป็นหนอนหนังสือเลยทีเดียว ตราบใดที่เขามีหนังสือ เขาก็ทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่สอบซิ่วไฉ ลูกพี่ลูกน้องข้าก็ไม่เข้าสอบ แต่กลับสอนหนังสือให้เด็ก ๆ ที่บ้านกับท่านลุงของข้า”

อย่างนี้นี่เอง กู้เสี่ยวหวานฟังแล้วก็รู้สึกเสียดายแทนเขาเล็กน้อย แต่ทุกคนต่างมีทางของตนเอง

“แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรื่องในวันนี้ก็เป็นความช่วยเหลือของท่าน” กู้เสี่ยวหวานเป็นคนที่รู้บุญคุณคน เป็นเพราะคำแนะนำของเสี่ยวเซิ่งจื่อ พวกกู้หนิงอันจึงได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนและยังได้พู่กันกับกระดาษจำนวนมากมาเป็นของขวัญ แน่นอนว่านางอยากจะขอบคุณพวกเขา

“ยังจะขอบคุณข้าอีก ข้ายังไม่ได้ขอบคุณเจ้าเลย”

ขอบคุณตัวเอง? กู้เสี่ยวหวานฟังแล้วรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย “ขอบคุณข้าทำไมเจ้าคะ? ”

“ขอบคุณสำหรับสิ่งที่เจ้าส่งไปที่ร้านครั้งก่อน!” เสี่ยวเซิ่งจื่อกล่าว “เจ้าไม่รู้หรอกว่าช่วงนี้กิจการเป็นที่นิยมแค่ไหน สิ่งที่เจ้าส่งไปครั้งล่าสุดหมดเกลี้ยงภายในสองวัน ยังมีลูกค้าที่มารอกินอีกมาก แต่ที่ร้านไม่มีของแล้ว เจ้าของร้านจึงขอให้รอหลังวันปีใหม่ แต่สาวน้อยกู้ เจ้าไปขุดหน่อไม้พวกนั้นได้นะ เจ้าของร้านก็เอาแต่พูดถึงว่าเขาต้องการให้เจ้านำหน่อไม้ไปส่ง แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้ว่าบ้านเจ้าอยู่ที่ไหน เลยทำได้แค่เป็นกังวล แต่วันนี้เราได้เจอกันพอดี ข้าจึงมาบอกเจ้าก่อน”

“ตกลง เมื่ออากาศอุ่นขึ้นพวกเราจะไปขุดหน่อไม้กัน” กู้เสี่ยวหวานคิดว่ากิจการกำลังจะมาถึงประตูอีกครั้ง จึงตอบอย่างรวดเร็วและบอกฉือโถวที่อยู่ด้านข้างว่า “พี่ฉือโถว พวกเราไปขุดหน่อไม้ด้วยกันเถอะ”

“ได้ ตกลง” ฉือโถวเองก็คิดถึงเงินที่จะได้มาอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน

“เอาล่ะ ตกลงตามนี้ เมื่อขุดหน่อไม้ออกมา พวกเจ้าก็สามารถส่งไปที่ร้านจิ่นฝูโดยเร็วที่สุด” เสี่ยวเซิ่งจื่อหัวเราะ แล้วรุดหน้าหากู้เสี่ยวหวาน ลดเสียงลงและกระซิบว่า “ครั้งสุดท้ายที่เจ้าไปที่ร้านจิ่นฝูเพื่อส่งสูตรอาหาร เจ้าของร้านชื่นชมข้าและแอบมอบซองแดงซองใหญ่ให้ข้าตอนสิ้นปีด้วย”

เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเซิ่งจื่อมีความสุขมาก กู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขเช่นกัน และทั้งหมดก็กล่าวคำอำลาด้วยเสียงหัวเราะ

จากนั้นฉือโถวจึงพาพวกเขาไปซื้อประทัด และเมื่อเห็นว่าใกล้ค่ำแล้ว เขาก็ขับเกวียนวัวกลับ

ฉือโถวส่งกู้เสี่ยวหวานและพี่น้องกลับบ้านก่อน จากนั้นจึงขับเกวียนวัวกลับบ้านของตน

ในมือกู้หนิงอันถือหนังสือเล่มใหม่ที่สวีเซียนเชิงเพิ่งให้มา และความตื่นเต้นในหัวใจของเขายังไม่สงบลง ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นความฝัน

มีหนังสือเล่มใหม่แล้ว

นอกจากนี้ยังมีพู่กัน หมึก กระดาษ และหินหมึก เมื่อฝึกเขียนจะได้ไม่ต้องนั่งยอง ๆ บนพื้นและเขียนด้วยเศษกระเบื้องอีกต่อไป

สิ่งที่ทำให้กู้หนิงอันตื่นเต้นมากขึ้นก็คือหลังจากเทศกาลหยวนเซียว เขาจะได้ไปเรียนที่สำนักศึกษาแล้ว วันนี้เขาได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์แล้ว

อารมณ์ตื่นเต้นของกู้หนิงอันนั้นยากที่จะสงบลง แต่กู้หนิงผิงนั้นสงบกว่ามาก

ในตอนเย็นหลังจากกินเกี๊ยวเสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็วางพู่กัน หมึก กระดาษ และหินหมึกลงบนโต๊ะ หยิบกระดาษออกมาแล้ววาง กู้หนิงอันล้างมือและหยิบพู่กันด้วยความเคารพ ราวกับทำความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

คนที่รักหนังสือจะถนอมหนังสือ และนี่เป็นความจริงอย่างแน่นอน

ภายใต้การแนะนำของคุณปู่ของนางในชาติที่แล้ว กู้เสี่ยวหวานเขียนภาพวาดและเขียนตัวอักษรจีนได้ค่อนข้างดี นางเคยเขียนบนพื้นด้วยกระเบื้องแตก แต่ยากที่จะมองเห็น ตอนนี้มีกระดาษและพู่กันแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงหยิบพู่กันขึ้นมาและเขียนตัวอักษรกู้ตัวใหญ่ กู้เสี่ยวหวานเคยศึกษาการคัดอักษรแบบจานฮวามาเป็นเวลานานแล้ว และรูปแบบการเขียนก็เป็นแบบชิงหว่านซิ่วรุ่น แต่การคัดอักษรแบบนี้เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า ถ้าผู้ชายเรียนคงไม่เข้ากันเลย

ด้วยเหตุนี้ กู้เสี่ยวหวานจึงเขียนคำขึ้นมาอย่างงดงาม ซึ่งสามารถเรียนรู้ได้ทั้งชายและหญิง

กู้หนิงอันมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความชื่นชม ขณะที่นางเขียนคำว่า “กู้” ทีละขีด และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ท่านพี่ ลายมือของท่านสวยมาก! ”

“ฝึกฝนให้มากขึ้น แล้วเจ้าจะเขียนออกมาได้” กู้เสี่ยวหวานชอบการคัดอักษรมานานแล้ว แต่เขียนเหมือนสุนัขคลาน[2] ต่อมาคุณปู่ก็ทนไม่ไหว เขาพากู้เสี่ยวหวานไปเรียนการคัดลายมือเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามทุกวัน ภายใต้การแนะนำของคุณปู่ กู้เสี่ยวหวานที่ได้เรียนรู้มานานกว่าสิบปีก็พัฒนาลายมือของนางจนสวยขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากได้ลิ้มรสความหวานนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่สามารถหยุดเขียนได้เลย

เมื่อนางไม่มีอะไรทำ นางก็ชอบเขียนพู่กันเป็นเวลาครึ่งชั่วยามถึงหนึ่งชั่วยาม เพราะการเขียนตัวอักษรที่ดี นางจึงได้เป็นตัวแทนของเมืองในการแข่งขันคัดลายมือระดับชาติ และได้รางวัลที่หนึ่ง

นางยังจำได้ถึงตอนที่ปู่ของนางบอกว่ารางวัลครึ่งหนึ่งเป็นของกู้เสี่ยวหวานและครึ่งหนึ่งเป็นของเขา ดังนั้น เขาจึงเอาถ้วยรางวัลไปวางไว้ในห้องหนังสือของเขา

……………………………………………………………………………………………………………………

[1] เป็นสำนวน แปลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญและเป็นดังใจปรารถนาพอดี

[2] ลายมือหวัด ลายมือไก่เขี่ย

สารจากผู้แปล

คัดอักษรจริง ๆ มันก็ยากเหมือนกันน้า

มองเห็นอนาคตของเด็กบ้านนี้เลยค่ะว่าเจริญแน่

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท