พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 2171ง้างธนูบนสาย

บทที่ 2171ง้างธนูบนสาย
หยางเจาชิงที่เดินเข้ามาในโถงยังเงียบอยู่ตลอด
เหมียวอี้เอามือยันแผนที่ดาว เงย่อหน้ามองคานห้อง กำลังคิดตามที่หยางชิ่งพูด
หยางชิ่งพูดต่อว่า “ในอาณาเขตทัพตะวันตกกับทัพเหนือยังมีกองทัพองครักษ์ห้าร้อยล้าน เป็นกำลังพลหลักสิบล้านที่ฉวยโอกาสระดมพลตอนการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้สำเร็จ ตอนเกิดศึกสามารถให้ความร่วมมือกับกองทัพพระได้เลย สังกัดสองทัพที่จะมาช่วยท่านอ๋องชี้วงชิงเวลาให้กำลังหลักของกองทัพองครักษ์กำจัดทำนอ๋อง ถ้าหากจำเป็น กำลังพลเหล่านี้สามารถฝืนบุกเข้ามาในอาณาเขตทัพใต้เพื่อช่วยกำลังหลักของกองทัพองครักษ์โดยตรง ขอเพียงกำจัดทำนอ๋องได้ในรวดเดียว ต่อให้ล่วงเกินอ๋องสวรรค์โค่วและอ๋องสวรรค์ก่วงก็ไม่เป็นอะไร สองคนั้นนขาดแรงสนับสนุนจากทัพใต้กับทัพตะวันออกแล้ว ประมุขชิงไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขาอีก พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้วเช่นกัน”
เหมียวอี้เคาะนิ้วทั้งห้าบนแผนที่ดาว ก้มีหน้าพูดต่ออย่างไม่แน่ใจว่า “ถ้าประมุขชิงคิดจะทาอย่างนี้จริง โอกาสชนะของเขาก็ขึ้นอยู่กับการกดกำลังพลทัพตะวันออกเอาไว้ กำลังพลของข้าก็กำลังพัวพันต่อสู้อยู่กับทัพใหญ่แดนรัตติกาล เขาวางแผนจู่โจมอย่างบ้าระห่าก็เท่านั้นเอง ความได้เปรียบของข้าก็คือทาลายแผนการที่ทัพ
ตะวันออกแล้ว สามารถเอาทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านของเฉิงไที่เจ๋อมาใช้งานให้ข้าได้ ทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็เป็นกำลังพลของข้าแล้วเช่นกัน ถ้าเป็นแบบนี้ เมื่อสถานการณ์รบอยู่ในความคาดหมายของเรา เถิงเฟยถูกกดดันให้อยู่ฝ่ายเราเหมือนปากกับฟัน ก็จะต้องเคลื่อนทัพมาช่วยข้าแน่นอน ทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านของเถิงเฟยก็อยู่นอกเหนือความคาดหมายของประมุขชิงเช่นกัน อีกทั้งประมุขชิงก็นึกว่ากำลังพลสี่ร้อยล้านที่เขาวางกำลังไว้ในอาณาเขตทัพใต้จะถ่วงเวลาการระดมพลของข้าได้ หารู้ไม่ว่าข้าก็ใช้ข้ออ้างปราบกบฏและฉวยโอกาสตอนอีกฝ่ายระดมพลครั้งใหญ่จนไม่ทันระวังเพื่อแอบไประดมพลวางกำลังแล้วเหมือนกัน”
หยางชิ่งบอกว่า “ใช้แล้ว นี่ก็คือโอกาสชนะของท่านอ๋องที่พวกเราคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่ปัญหาในตอนนี้ก็คือฝั่งแดนสุขาวดีเป็นภัยพิบัติที่รอเกิดอยู่ตลอด ถ้าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลเมื่อไหร่ เกรงว่าแดนสุขาวดีจะสนับสนุนประมุขชิงอย่างสุดกำลัง ในจุดนี้ก็ต้องเผชิญกับความจริงเหมือนกัน ศิษย์ชาวพุทธคือกำลังพลหนึ่งแสนล้าน แต่ส่วนใหญ่ล้วนี้เป็นฆราวาส กระจายตัวอยู่ในอาณาเขตแดนพุทธและตาหนักสวรรค์ นักพรตที่แท้จริงมีไม่ถึงสามพันล้าน ในจำนวนั้นนครั้งหนังก็กระจายกันถือธูปอยู่ในโลกมนุษย์สัมาชกที่กระจัดกระจายอย่างนี้ ถ้าอยากจะรวมตัวกะทันหันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ตอนเกิดศึกประตูดวงดาวแต่ละแห่งถูกปิดไว้ ไม่มีทางรวมตัวกันได้ เช่นั้นนกำลังพลที่แดนพุทธใช้งานได้ก็มีประมาณหนึ่งพันห้าร้อยล้าน ต่อให้ส่งเข้ามาในเขตตาหนักสวรรค์ห้าร้อยล้าน ในเขตแดนพุทธก็ยังเหลือกำลังพลอีกหนึ่งพันล้าน ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องบอกว่ามี
วิธีการตรึงกำลังที่แดนพุทธได้ มีความมั่นใจจริงหรือเปล่าขอรับ ? หรือว่าท่านอ๋องคิดจะให้ทัพใหญ่แดนอเวจีจู่โจมแดนพุทธ ? ทัพใหญ่แดนอเวจีมีแค่ประมาณร้อยล้าน ถ้าอยากจะทำให้แดนพุทธสะเทือน เกรงว่าคงยากมาก!”
เหมียวอี้ตอบว่า “ทัพใหญ่แดนอเวจีเป็นแค่หนึ่งในนน…เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าแอบวางกำลังไว้ที่ฝั่งแดนพุทธตั้งนานแล้ว พอเกิดเรื่องขน รับรองว่าประมุขพุทธะไม่มีเวลามาสนใจคนอื่นแน่”
เมื่อเห็นว่าจนป่านี้นแล้วเขายังไม่ยอมบอกเรื่องวางกำลังไว้ฝั่งแดนพุทธ หยางชิ่งก็ไม่ถามแล้วเช่นกัน “ถ้าเป็นอย่างนี้ ท่านอ๋องก็มโอกาสชนะเพิ่มอีกส่วน เช่นั้นนปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขก็เหลือแค่ว่าจะโจมตียังไงแล้ว ?”
เหมียวอี้กล่าวอย่างลังเล “เผชิญหน้ากับการรุกโจมตีของกองทัพองครักษ์แปดร้อยล้าน อย่างน้อยข้าก็ต้องระดมกำลังพลสองพันล้านถึงจะปะทะกันได้ ถ้าสามารถสู้กันโดยใช้กำลังปะทะกันตรง ๆ ได้ ต่อให้จะชนะ แต่ข้าก็ได้รับความเสียหายหนักมาก หลังจากนั้นเกรงว่าคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะโดนคนอื่นฮุบกลืน ต่อให้สู้ชนะแล้วแต่ก็ยกประโยชน์ให้คนอื่นอยู่ดี”
หยางเจาชิงที่อยู่ข้าง ๆ พูดแทรกว่า “ขยายกำลังพลหนึ่งพันห้าร้อยล้านของเฉิงไที่เจ๋อมาเป็นกำลังหลักในการโจมตี แม้จะลดความเสียหายของฝ่ายพวกเราได้ แต่ในการสู้รบขนาดใหญ่แบบนี้ เกรงว่า
กำลังพลของเฉิงไที่เจ๋อคงไม่เต็มใจดนทุรังโจมตีเช่นกัน ถึงตอนั้นนอาจจะวุ่นวายได้”
เหมียวอี้เอียงหนามิองเขา “ดังนั้นต้องหลีกเลี่ยงการใช้กำลังปะทะตรง ๆ จากทั่วทุกด้าน”
“มโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากที่กำลังพลแปดร้อยล้านจะรวมตัวกัน” หยางชิ่งพี่กำลังครุ่นคิดกล่าว ยื่นมือไปขยายแผนที่กลุ่มดาวบนแผนที่ดาว ชี้ไปตรงประตูดวงจุดหนึ่งพร้อมบอกว่า “ประตูดวงดาวทางผ่านระหว่างน่านฟ้าฉลูติงกับน่านฟ้าชวดปิ่ง! ทัพใหญ่สามร้อยล้านที่นาโดยฮวาอี้เทียนถูกกักไว้ที่นี่ ชัดเจนแล้วว่าถูกเพ่งเล็งแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ทัพใหญ่แปดร้อยล้านจะรวมตัวกันและฝืนผ่านด่านี้นไปได้ ถ้าลงมือเมื่อไหร่ก็จะแหวกหญ้าให้งูตื่นทันที่ดังนั้น ภายนอก กำลังพลสามร้อยล้านที่นาโดยฮวาอี้เทียนก็ยังอยู่ที่นี่ไม่ขยับไปไหน ใช้เพื่อทำให้ท่านอ๋องประมาท ส่วนกำลังพลห้าร้อยล้านนอกจากนี้ก็ต้องเข้ามาในเขตทัพใต้เงียบ ๆ มุ่งตรงมาที่ดาวอ๋องสวรรค์หนิว แล้วจู่โจมท่านอ๋องกะทันหัน…ส่วนการดักซุ่มอยู่ตามทางที่มา เพื่อศึกนี้ ต่อให้วังสวรรค์จะต้องเปิดโปงคนบางส่วนที่แทรกไว้ในทัพใต้ แต่ก็จะยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ตั้งแต่กองทัพองครักษ์ลอบจู่โจมอิ๋งจิ่วกวง จนถึงเรื่องดักซุ่มทัพใหญ่ไว้ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ต่างก็พิสูจน์แล้วว่าวังสวรรค์มีความสามารถที่จะทาจนถึงจุดนี้ได้ ถ้ากำลังพลห้าร้อยล้านี้นลงมือจู่โจมเมื่อไร มีเพียงหลังจากที่กำลังพลห้าร้อยล้านลงมือเท่านั้น ทัพใหญ่ที่นาโดยฮวาอี้เทียนถึงจะฉีกหน้ากากที่อ่อนโยนและเคลื่อนไหวต่อต้าน ฝืนโจมตีด่าน บุกตรงเข้ามาช่วยที่
ดาวอ๋องสวรรค์หนิว! ส่วนกำลังพลสี่ร้อยล้านที่กระจายอยู่ในเขตทัพใต้ก็จะเคลื่อนไหวทันที่จะโจมตีสกัดกองหนุนแต่ละหน่วยของท่านอ๋องทันที่”
“ให้ทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านของเฉิงไที่เจ๋อล้อมโจมตีกำลังพลสามร้อยล้านของฮวาอี้เทียน แบบนี้จะสามารถเอาชนะกำลังพลสามร้อยล้านได้โดยอยู่ในจุดที่ได้เปรียบอย่างแน่นอน คาดว่าเฉิงไที่เจ๋อก็คงไม่รู้สึกลำบากใจเกินไปด้วย!” หยางเจาชิงกล่าว
“เช่นั้นนปัญหาในตอนนี้ก็คือจะรู้เส้นทางดักซุ่มของกำลังพลห้าร้อยล้านั่นนได้ยังไง แล้วจะเลือกลงมือที่ไหนดีล่ะ ?” เหมียวอี้จ้องบนแผนที่ดาวอย่างลังเล การที่เขาพูดออกมาอย่างนี้ได้ ก็แสดงว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่หยางเจาชิงพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
หยางชิ่งบอกว่า “เคลื่อนไหวมิสู้นิ่งเงียบ ถ้าเคลื่อนไหวเยอะเกินไปในเวลานี้ กลับจะเผยพิรุธได้ง่ายด้วยซ้ำ ในเมืออีกฝ่ายลงมือจะต้องมุ่งมาที่นี่ ก็ไม่สู้ใช้อาณาเขตดาวของดาวอ๋องสวรรค์หนิวเป็นสนามรบหลักเสียเลย ท่านอ๋องสนใจแค่แอบระดมกำลังพลก็พอรอให้ข้าศึกวิ่งมาติดกับดับเอง!”
“ดี่” เหมียวอี้กล่าวอย่างเด็ดขาดว่า “ตามที่ท่านบุรุษบอก ข้าจะระดมทัพใหญ่สองพันล้านรอยอยู่ที่นี่เงียบ ๆ! ขอเพียงกำจัดกำลังพลแปดร้อยล้านี้นได้ กำลังพลสี่ร้อยล้านที่กระจายอยู่ในอาณาเขตก็ไม่พอให้กังวล! ตราบใดที่กดกำลังพลหนึ่งพันสองร้อยล้านของประมุขชิงไว้ได้ ประมุขชิงก็สูญเสียกำลังไปเกือบครึ่งแล้ว มีหรือที่อ๋อง
สวรรค์โค่วกะอ๋องสวรรค์ก่วงจะพลาดโอกาสดีในการโค่นล้มประมุขชิง ? ตราบใดที่กำจัดกำลังพลหนึ่งพันสองร้อยล้านของประมุขชิงได้ ประมุขชิงก็หมดอนาคตแล้ว! พอประมุขชิงล้ม ฝั่งแดนสุขาวดีก็ต้านการรวมกำลังของหลายฝ่ายฝั่งนี้ไม่ไหว!”
หยางชิ่งกุมหมัดคารวะอีก “ประมุขชิงไม่ใช้คนที่รับมือได้ง่ายแน่นอน ต้องป้องกันไม่ให้เขาพลิกสถานการณ์ นี่คือเรื่องที่มีความเป็นไปได้แน่นอน ดังนั้นขอเพียงอ๋องสวรรค์โค่วกับอ๋องสวรรค์ก่วงยังไม่ลงมือก็มโอกาสที่จะเกิดความเปลื่ยนแปลง มิอาจไม่ป้องกัน!”
“ท่านบุรุษมีความเห็นอันสูงส่งอะไร ?” เหมียวอี้ถาม
หยางชิ่งรีบปรับแผนที่ดาวให้เป็นเค้าโครงของทั้งใต้หล้า ชี้ทัพใต้พลางอธิบายว่า “เมื่อเริ่มเปิดศึก ก็สามารถใช้งานกำลังของตระกูลเซี่ยโห้วที่อยู่ในกองทัพองครักษ์พร้อมกันได้เลย ลูกน้องเก่าของท่านอ๋องในกองทัพองครักษ์ด้วย ควรชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ สามารถให้พวกเขาใช้ฐานะกองทัพองครักษ์โจมตีทัพที่ประจำอยู่ในทัพตะวันตกกับทัพเหนือ!”
เหมียวอี้ตาเป็นประกาย เข้าใจเจตนาของหยางชิ่งแล้ว ทำแบบนี้เพราะต้องการจะลากอ๋องสวรรค์โค่วกับอ๋องสวรรค์ก่วงมาเกี่ยวข้องด้วยตั้งแต่เนิ่น ๆ! ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีบทบาทอย่างอื่นแน่นอน อย่างน้อยเมื่อถึงตอนั้นน สองทัพจะต้องป้องกันกองทัพองครักษ์ในอาณาเขตตัวเองอย่างเข้มงวดแน่นอน ถ้ากองทัพองครักษ์ในเขตสอง
ทัพนี้คิดจะไปช่วยรบในเขตทัพใต้อย่างราบรื่น ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ถือว่าได้กำจัดปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง!
หยางเจาชิงก็เข้าใจความหมายนี้เช่นกัน แต่ก็ยังสงสัยนิดหน่อย “ในเวลานี้ ทำไมใช้งานแค่กำลังของตระกูลเซี่ยโห้วในกองทัพองครักษ์ ทำไม่ไมปลุกระดมทั้งหมดให้มาช่วยท่านอ๋องอีกแรง ?”
หยางชิ่งโบกมือส่าย่อหน้า “กำลังของตระกูลเซี่ยโห้ว ยามอยู่ในศึกใหญ่ขนาดนี้ก็แสดงศักยภาพอะไรไม่ได้มากนัก ดังนั้นเวลาตระกูลเซี่ยโห้วจะสนับสนุนใครก็ไม่ใช้ว่าเลือกส่งเดช คนที่เขาสนับสนุนล้วนมีศักยภาพในตัวเองระดับหนึ่ง ดังนั้นเหล็กีดก็ต้องใช้บนคมมีด จะใช้หมดไม่ได้เด็ดขาด! หลังจากจัดการประมุขชิงกับประมุขพุทธะแล้ว ตอนหลังยังมีพวกโค่วหลิงซวีอีก ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วแสดงเจตนาว่าจะสนับสนุนท่านอ๋องสุดกำลัง ก็จะทำให้พวกโค่วหลิงซวีตกใจ ดีไม่ดีหลังจากจบเรื่องแล้วพวกเขาอาจจะรวมกลุ่มกันมาสู้กับท่านอ๋องก็ได้ รอให้สถานการณ์ภาพรวมนิ่งก่อน ถึงจะเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะให้ตระกูลเซี่ยโห้วลงมือถ้าเปิดโปงกำลังของตระกูลเซี่ยโห้วทั้งหมดตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับเอาตัวไปเจาะคมดาบให้คนกำจัด!”
“อืม! ที่ท่านบุรุษพูดก็มีเหตุผล!” เหมียวอี้พยักหน้าเห็นด้วย
หยางเจาชิงกุมหมัดคารวะ ทำท่าทางเหมือนได้รับคำชี้แนะแล้ว
“ตอนนี้ก็รอแค่ให้เฉิงไที่เจ๋อมาพึ่งพาแล้ว…” เหมียวอี้มองไปนอกประตูพลางกล่าวช้า ๆ ในใจเต็มไปด้วยความกังวล ลูกธนูง้างอยู่บนสายแล้ว กังวลวาจะมีการเปลื่ยนแปลงอะไรทางฝั่งเฉิงไที่เจ๋อ
หยางชิ่งปลอบใจอยู่ข้าง ๆ “ขอเพียงเฉิงไที่เจ๋อเข้ามาในเขตทัพใต้แล้ว เขาก็ทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้!”
ในเขตทัพตะวันออก กำลังพลของท่านอ๋องเฉิงกำลังรวมตัวกันอย่างลับ ๆ
จวนอ๋องสวรรค์เฉิง หวังเก้า แม่ทัพใหญ่คนสนิทเดินก้าวยาวเข้ามา เดินตรงเข้ามาในโถงแล้วไม่สนใจจะทาความเคารพ ถามโดยตรงเลยว่า “ท่านอ๋อง ได้ยินว่ากำลังพลกองทัพองครักษ์ถอนทัพแล้ว มเรื่องอย่างนี้หรือเปล่า ?”
เฉิงไที่เจ๋อหน้าตึง กล่าวอย่างแค้นใจว่า “มเรื่องอย่างนี้จริง ประมุขชิงโจรสุนัข พูดแล้วคืนคา เห็นข้าเป็นตัวหมากที่ใช้แล้วทิ้ง!”
“แล้วจะทายังไงดีขอรับ ทัพใหญ่ของข้าจะไม่อยู่ในอันตรายหรอก หรือ ?” หวังเก้าหวาดระแวงกลัว
เฉิงไที่เจ๋อถามเสียงต่าว่า “ข้าเป็นคนที่จะนั่งรอความตายเหรอ ?”
หวังเก้าก้มีหน้าเงียบ ๆ แล้วจู่ ๆ ก็กุมหมัดคารวะ “ท่านอ๋อง ประมุขชิงถอนกำลังตอนนี้ พวกเราหมดอนาคตแล้ว…ท่านอ๋องไม่ต้องสนใจพวกข้าน้อย พาครอบครัวหนี้ไปก่อนเถอะขอรับ ข้าน้อยยินดีเป็นเกราะกาบังให้ท่านอ๋อง!”
เฉิงไที่เจ๋อตะคอกว่า “พูดจาเหลวไหล! ข้าจะทิ้งพี่น้องแล้วหนีเอาชีวิตรอดคนเดียวได้ยังไง ?”
” แต่ว่า…” หวังเก้ากล่าว
เฉิงไที่เจ๋อยกมือห้าม แล้วกล่าวอย่างมีลับลมคมนัยว่า “ข้ามีแผนดี ๆ แล้ว แต่เจ้าต้องให้ความร่วมมือสักหน่อย”
หวังเก้ากุมหมัดคารวะอีกครั้ง “ท่านอ๋องบอกมาได้เลย ข้าน้อยจะทุ่มสุดตัว ให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่ปฏิเสธ!”
เฉิงไที่เจ๋อขวาข้อมือเขายื่นศีรษะเข้ามาใกล้ กล่างเสียงต่าว่า “ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าไปตายหรอก รับรองว่าเจ้าจะปลอดภัยมาก ข้าให้กำลังพลเจ้าหนึ่งล้าน เจ้าพาหนี้ไปที่อาณาเขตดาวนิรนาม ต้องทำให้คึกโครมนิดหน่อย ให้ฝั่งเถิงเฟยรู้ทิศทางที่เจ้าไปคร่าว ๆ แสร้งว่าข้าหนี้ไปทางนั้น จาไว้นะ เรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามมีข่าวหลุด รอให้จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าจะไปรับเจ้ากลับมา ส่วนอย่างอื่นเจ้าก็ไม่ต้องสนใจ…”
จวนอ๋องสวรรค์เถิง แม่ทัพหลายคนมาทาความเคารพพร้อมกัน
แม่ทัพคนหนังก็ล่าวว่า “ทำไม่ทานอ๋องยังลังเลอยู่อีก ? กองทัพองครักษ์ถอนกำลังไปแล้ว ดูท่าแล้วคงจะเลิกสนับสนุนเฉิงไที่เจ๋อเปืนโอกาสดีให้พวกเราโจมตี หวังว่าท่านอ๋องจะรีบออกคำสั่งเคลื่อนทัพ!”
เมื่อเห็นเถิงเฟยยังลังเลอยู่บ้าง แม่ทพอีกคนก็บอกว่า “มีกำลังพลทัพตะวันตกกับทัพเหนือสนับสนุน พวกเราต้องช่นะแน่นอน!”
ทุกคนรู้สึกรีบร้อนมาก รอมาหลายปีขนาดนี้ ในที่สุดก็เจอโอกาสที่จะได้อยู่สูงขึ้นอีกระดับแล้ว
เถิงเฟยกล่าวด้วยความสงสัย “แน่ใจน่ะว่ากองทัพองครักษ์ถอนกำลังออกจากทัพตะวันออกหมดแล้ว ?” เขากังวลวาประมุขชิงจะเล่นตุกติก ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้โจมตีหลัก ทำได้เพียงปักหลักอยู่ที่นี่เท่านั้น ถ้าแพ้แล้วก็ไม่มีที่ให้ไป ส่วนทัพตะวันตกกับทัพเหนือยังสามารถถอนทัพกลับได้
“เร็วเข้า! ท่านอ๋อง ลังเลอีกไม่ได้แล้ว ค่าคืนยาวนานความฝันเปลื่ยนแปลงเยอะ!” แม่ทัพคนหนังก็ล่าว
ในขณะนี้ เถิงจงที่อยู่ข้าง ๆ เก็บระฆังดารา แล้วรายงานว่า “ท่านอ๋อง กำลังพลจำนวนมากของเฉิงไที่เจ๋อาจหายไปแล้ว ดูเหมือนจะหนีขอรับ!”
พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท