พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 2174 ลงมือได้แล้ว

บทที่ 2174 ลงมือได้แล้ว
“อ้อฉางฮูหยินมีไมตรีจิตลึกซึ้งขนาดนี้ ท่านอ๋องกลับหลบเลี่ยงไม่ยอมพบ ไม่อยากรู้หรือว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่ ?”
หยางชิ่งรับถาดอาหารมาจากมือหยางเจาชิง เปิดฝาออกเห็นของว่างทั้งดงามประณีตอยู่ข้างใน จึงถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เหมียวอี้ทาเสียงฮึดฮัด “สายลับของหน่วยตรวจการซ้าย จู่ ๆ ก็ทอดสะพาน ไม่ต้องคิดก็รู้ว่ามีเจตนาไม่ดี โดยเฉพาะในเวลานี้ เป็นไปได้สูงว่ามีเจตนาจะลอบสังหารข้า ถ้ายอมพบแล้วเจอกับเรื่องนี้ ข้าจะยังปล่อยให้นำงสังหารตามใจเชียวเหรอจะไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น หรือไง ?”
หยางชิ่งมองหยางเจาชิงพร้อมถามว่า “ก่อนหน้านี้ฉางฮูหยินเคยทอดสะพานอย่างนี้มาก่อน หรือเปล่า ?”
” เมื่อก่อนก็เคยทำ แต่ติดที่กฎระเบียบในจวนท่านอ๋อง รู้ว่าสำเร็จยากจึงถอย ไม่เดินหน้าต่อเหมือนครั้งนี้” หยางเจาชิงตอบ
หยางชิ่งปิดฝาภาชนะช้า ๆ แล้วกล่าวอย่างลังเล “ดูท่าแล้ว กำลังพลของเฉิงไที่เจ๋อที่หายตัวไปได้ทำให้ประมุขชิงตื่นตัวแล้วจริง ๆ แต่ข่าวก็พิสูจน์แล้วว่าเฉิงไที่เจ๋อหนี้ไปไหนอาณาเขตดาวนิรนามแล้ว แต่ประมุขชิงขี้ระแวงมาก ก็เลยลังเลตัดสินใจไม่ถูก นี่คือการหยั่งเชิงหาความจริงจากท่านอ๋อง”
ทั้งสองมองมา เหมียวอี้ถามว่า “หมายความว่ายังไง ?”
หยางชิ่งอธิบายว่า “ฝั่งประมุขชิงคงยังไม่รู้ว่าท่านอ๋องรู้ตัวตนของฉางฮูหยินแล้ว ในเวลานี้ให้ฉางฮูหยินเคลื่อนไหวผิดปกติอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่าจงใจจะทำให้ท่านอ๋องสงสัย ก็เหมือนที่ท่านอ๋องพูดไว้ก่อนหน้านี้ กลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ตามปกติแล้วไม่เคยให้พบ แต่การกระทำที่ผิดปกติของฉางฮูหยินทำให้ท่านอ๋องสงสัยแล้ว แต่ท่านอ๋องก็ยังไม่ให้พบเหมือนุเคย แบบนี้ไม่น่าสงสัย หรือ ? อย่าบอกน่ะว่าท่านอ๋องไม่อยากรู้ว่าฉางฮูหยินคิดจะเล่นตุกติกอะไรกันแน่ ?”
หยางเจาชิงเผยสีหน้าครุ่นคิด
เหมียวอี้ค่อย ๆ หรี่ตาลง “เจ้ากำลังจะบอกว่า ถ้าข้าไม่ไปทำให้ชัดเจน ก็แสดงว่าข้ากลัวจะแหวกหญ้าให้งูตื่น เพราะมีแผนชั่วอยู่ในใจ แต่ถ้าข้าแหวกหญ้าให้งูตื่น กลับจะพิสูจน์ได้ว่าในใจข้าไม่ได้มีแผนอะไร ?”
หยางชิ่งตอบว่า “ท่านอ๋องยังจาตอนแรกที่จับเซี่ยโห้วท่า แล้วหวังเฟยก่อเรื่องในจวนได้มั้ย ? ครั้งนี้กับครั้งนั้นมีความต่างในความเหมือน ต้องทำให้ประมุขชิงสงบใจให้ได้!”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” เหมียวอี้พยักหน้าเบา ๆ สายตาเผยความเยียบเย็นดุร้าย เอียงหน้าบอกใบ้หยางเจาชิง “บอกฉางเซียงเอ๋อร์ ว่าข้าเห็นนำใจของนางแล้ว คืนี้นข้าจะไปค้างกับนาง!”
“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับ
ตกกลางคืน เพิ่งจุดโคมไฟ คนกลุ่มหนังก็เดินมาถึงนอกเรือนหลังหนึ่ง ทหารอารักขารออยู่ข้างนอก เหมียวอี้เดินก้าวยาวเข้าไป
ฉางเซียงเอ๋อร์ที่ได้รับข่าวอาบน้าแล้ว นางรอต้อนรับอยู่ตรงประตูพอเห็นเหมียวอี้ก็นามสวใช้ย่อเข่าคานับทันที่”ผู้น้อยคานับท่านอ๋อง!”
เหมียวอี้ยื่นมือประคองแขนนางขึ้นมา พินิจพิจารณาผู้หญิงคนนี้อย่างจริงจังงามหยาดเยิ้มมีเสน่ห์ เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น นับว่าเป็นยอดหญิงงามที่มีอยู่น้อยมากในจวน อดไม่ได้ที่จะเสียดาย แต่ในใจเขาก็รู้ดีเช่นกัน ว่าสายลับที่ถูกส่งมาที่แบบนี้ นอกจากแต่งตัวสวยไปวัน ๆ ก็ใช้งานสำคัญไม่ได้เลย
เขาวางความคิดอื่น ๆ ลง แล้วยกถาดอาหารใบหนึ่งขึ้นมากล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “นำใจของเจ้าข้าเห็นแล้ว ข้าลองชิมแล้วด้วย ฝีมือใช้ได้เลย ข้านาของมาคืนเจ้า”
“ท่านอ๋องชมเกินไปแล้วค่ะ” ฉางเซียงเอ๋อร์กล่าวยังเขินอาย ดวงตาฉายแววกังวลอยู่เพียงแวบเดียว
สาวใช้ที่อยู่ข้างกันรีบรับถาดอาหารไว้
ถ้าหวังให้ท่านอ๋องมาที่นี่แล้วพลอดรักกันช้า ๆ ก็เป็นเรื่องที่เพ้อฝันไปหน่อย ในเขตทัพใต้ตั้งมเรื่องสงคราม พอเดินเล่นในเรือรอบหนึ่ง ของมันแน่นอนอยู่แล้ว เหมียวอี้จูงมือสาวงามเข้าไปในห้องนอน…
กลางดึก ไข่มุกราตรีที่อยู่ในห้องยังคงส่องแสงสว่าง ในผ้าห่ม เหมียวอี้ที่หักโหมใช้แรงมากเกินไปเหมือนจะหลับสนิท หายใจช้าลง
ฉางเซียงเอ๋อร์ที่นอนสยายผมงามอยู่ข้างกายแอบลืมตาเงียบ ๆ ลืมตาแล้วหลับตาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว สุดท้ายก็จัดฟัน จู่ ๆ ใต้ผ้าห่มก็เคลื่อนไหวอย่างรุนแรง แล้วก็นิ่งค้างไปอีก
ฉางเซียงเอ๋อร์เบิกตากว้าง ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เห็นเพียงเหมียวอี้ที่นอนอยู่ข้างกันหันหน้าช้า ๆ มามองนาง ดวงตาฉายแววเยียบเย็น เหมือนเสือที่ต้องการจะกินคน ทำให้คนที่เห็นตัวสั่นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้หนาว
แม้ในใจจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไม่มีใครสามารถเข้าใจความเดือดดาลในใจเหมียวอี้ตอนนี้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่ร่วมหลับนอนกับตนต้องการจะสังหารตน!
ฉางเซียงเอ๋อร์ที่ทำสีหน้าสิ้นหวังต้องการจะแลกทุกอย่างเพื่อสู้ตาย แต่กลับถูกเหมียวอี้สะบัดแขนออกจากผ้าห่ม คว้าข้อมือฉางเซียงเอ๋อร์แล้วบิดไว้
มือที่ถือมีดสั้นของฉางเซียงเอ๋อร์หักเสียงดัง “กรอบ” นางร้อง “อา!” ออกมาอย่างน่าเวทนา
เหมียวอี้ถือโอกาสใช้ฝ่ามือตบนหน้าอกอีกฝ่าย
ฉางเซียงเอ๋อร์ที่กระอักเลือดสดกระเด็นออกมาแล้ว ร่างเปลือยตกกระแทกบนพื้น ร่างอรชรนอนหมอบดิ้นรนอยู่อย่างนั้น อาเจียนี้เป็นเลือดไม่หยุด ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกโจมตีจนสาหัสแล้ว
เหมียวอี้ที่ร่างเปลือยลุกขึ้นั่นงบนเตียง เผยลายกล้ามเนื้อให้เห็นชัดเจน จ้องผู้หญิงที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเยียบเย็น พลางร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนว่า “ทหาร!”
สาวใช้ของฉางเซียงเอ๋อร์วิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฉากนี้ก็ตกใจมาก เมื่อครูเพิ่งได้ยินเสียงร้องโอดครวญผิดปกติ เพียงแต่ไม่กล้าบุกเข้ามา นึกไม่ถึงว่าจะเกิดภาพเหตุการณ์อย่างดีขึ้น ทั้งสองตกใจแทบแย่ พวกนางไม่รู้ว่าฉางเซียงเอ๋อร์ต้องการจะลอบสังหาร
จากนั้น มู่หรงซิงหัวก็นากลุ่มทหารอารักขาหญิงประจำเรือนชั้นในพุ่งเข้ามา
มู่หรงซิงหัวพถ่งนำเข้ามาก่อน นางรีบย้ายสายตาออกจากเหมียวอี้ที่นั่งเปลือยใช้ผ้าห่มคลุมท่อนล่างอยู่เตียงพอเห็นมีดสั้นตกอยู่ข้างกายฉางเซียงเอ๋อร์ ก็รู้แล้วว่าเรื่องที่หยางเจาชิงกาชับไว้ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว
ไม่ต้องพูดอะไรเลย ทหารอารักขาหญิงสองคนรีบจับตัวฉางเซียงเอ๋อร์ให้ลุกขึ้นมา รีบช่วยสวมเสื้อผ้าเพื่อปิดบังความน่าอับอาย แล้วก็ลากไปอย่างนี้เลย
“ท่านอ๋อง พวกเราไม่รู้อะไรเลย…”
สาวใช้สองคนที่ตกใจคุกเข่าร้องไห้ก็อาจจะไม่รอด ถูกลากออกไปแล้ว คำอธิบายของพวกนางไม่มีความหมายใด ๆ เหมียวอี้ไม่จำเป็นต้องฟัง…
วันต่อมา นอกจวนท่านอ๋อง ทั้งชายทั้งหญิง ทั้งเด็กและคนแก่หลายร้อยคนกำลังร้องไห้และถูกกำลังพลกลุ่มหนังก็ดให้คุกเข่าบนพื้น ทั้งหมดคือคนในครอบครัวของฉางเซียงเอ๋อร์ หลังจากเกิดเรื่องเมื่อคืนี้นิทานอ๋องก็เดือดดาลมาก ในจวนท่านอ๋องมีคำสั่ง คนในครอบครัวที่ไม่รู้ความจริงเลยสักนิดถูกกำลังพลที่อยู่แถวนั้นล้อมไว้แล้ว ไม่พูดพร่าทาเพลง ยึดบ้านจับคนเสียเลย คนที่หลบหนีถูกประหารโดยไม่ละเว้น!
“ข้าต้องการพบท่านอ๋อง ข้าพเจ้าต้องการพบท่านอ๋อง…” ฉางลวี่ตะโกนเสียงดังไม่หยุด เขาคือบิดาของฉางเซียงเอ๋อร์ เป็นอดีตหัวหน้าภาค
ทหารคนหนังก็าวขึ้นมา ตบหน้าหนึ่งที่ตบจนฟันร่วงเลือดไหล ทำให้ฉางลวี่หุบปากแล้ว
ผ่านไปไม่นาน บรรดาสาวใช้ในจวนท่านอ๋องก็แทบจะถูกไล่ออกมาหมด อนุภรรยาของเหมียวอี้ สาวใช้และบ่าวไพร่ในจวน ทั้งหมดมาร่วมตัวกันบนลานกว้างนอกจวนท่านอ๋อง เรื่องเมื่อคืนี้นทำให้สั่นสะเทือนทั้งจวนท่านอ๋อง ท่ามกลางวงล้อมของทหารจำนวนมาก ตอนนี้แต่ละคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะพาลโกรธลามมาถึงพวกเขาหรือเปล่า
ใช้เวลาไม่นาน ในจวนท่านอ๋องก็มีคนคนหนึ่งถูกลากลงมา พอออกจากจวนท่านอ๋องก็ถูกผลักให้เดินมาข้างหน้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนตัวมีรอยเลือดจากการโดนแส้ฟาดทั้งร่าง นางก็คือฉางเซียงเอ๋อร์ ถูกทรมานจนสภาพไม่เป็นผู้ไม่เป็นคนแล้ว
ตรงจุดที่นางเดินผ่านด้วยเท้าเปล่า ทุกย่างก้าวล้วนทิ้งรอยเลือดเอาไว้ เจ็บจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“เซียงเอ๋อร์ ! ทำไมกัน! เพราะอะไรกัน…” มารดาบุญธรรมของฉางเซียงเอ๋อร์ตะโกนร้องไห้จนพูดไม่เป็นภาษา
ผลปรากฏว่ามีคนถลันตัวเข้ามาตบหน้า ตบจนหุบปากไปแล้ว
ไม่เห็นคนในครอบครัวถูกจับให้คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างจนตรอก ในดวงตาฉางเซียงเอ๋อร์ไม่ได้ฉายแววตาเศร้าสลด ไม่น่าเชื่อว่านางจะรู้สึกสะใจที่ได้ล้างแค้น
นางถูกผลักให้ยืนอยู่ใต้ธง ถูกคนจับสองมือให้แขวนไว้ข้างบน แขวนไว้บนเสาธงสูง
หยางเจาชิงเดินออกจากจวนท่านอ๋องดูสีหน้าเย็นชา ประสานมือสองข้างตรงหน้าท้อง ยืนอยู่ตรงหน้ากลุ่มคน กวาดมองคนที่อยู่บนเสาธงด้วยแววตาเงียบ ขรึม แล้วก็กวาดมองคนในครอบครัวของนางอีก แล้วโบกมือส่งสัญญาณให้แม่ทัพอยู่ข้าง ๆ
“ประหาร!” แม่ทัพคนั้นนออกคำสั่ง
ทหารที่คุมตัวคนตระกูลฉางควงดาบฟันทันที่ศีรษะหลายร้อยใบกระเด็นออกมา เลือดนับร้อยสายพุ่งสาด
สมาชิกครอบครัวที่เป็นผู้หญิงในจวนท่านอ๋องตกใจจนหน้าซีด บางคนหันหน้าหนีเสียเลย ไม่กล้ามองอีก
และอีกด้านหนึ่ง มือธนูร้อยคนง้างสายธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แล้ว แต่กลับไม่ร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุ้นธนูยิงออกไปตามวิธีการปกติ
ฉางเซียงเอ๋อร์ที่ห้อยอยู่บนเสาธงโดนยิงจนกลายเป็นเม่นในชั่วพริบตาเดียว เลือดสดหยดติ๋ง ๆ
ผู้หญิงในจวนท่านอ๋องไม่น้อยตกใจจนก้มีหน้า
ตอนนี้หยางเจาชิงที่สีหน้าเรียบเฉยถึงหันตัวมาเผชิญหน้ากับพวกนาง แล้วเตือนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “คาดว่าทุกท่านคงได้ยินเรื่องนี้แล้ว หวังเฟยให้บ่าวมาแนะนำทุกท่าน การลอบสังหารท่านอ๋องเป็นพฤติกรรมที่โงเง่า ไม่ว่าในจวนท่านอ๋องจะมีสายลับของบ้านอื่น หรือไม่ ถ้ามี ก็เป็นฝ่ายไปยอมรับผิดต่อหวังเฟยเอง หวังเฟยรับประกันว่าจะไม่เอาเรื่อง ถ้าปฏิเสธไม่ยอมชี้แจง แล้วถูกตรวจเจอก็จะไม่ลงโทษประหารธรรมดาเหมือนครั้งนี้แล้ว แต่จะแล่เนื้อเปืนพ้นดาบหมื่นดาบ ทรมานจนอยู่มิสู้ตาย!” พูดจบก็กุมหมัดคารวะ แล้วหันตัวเดินก้าวยาวจากไป
บนตึกในจวนท่านอ๋อง ซิงกับมู่หรงซิงหัวยืนเคียงข้างกัน
ขณะมองกลุ่มคนด้านนอกกกที่สลายตัวไปด้วยสีหน้าซีดขาว มู่หรงซิงหัวก็ถอนหายใจเบา ๆ
ซิงถอนหายใจเช่นกัน “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกราชันในโลกมนุษย์ถึงเย็นชาไร้นำใจแบบนั้น แม้แต่คนที่นอนอยู่ข้างกายก็ยังไว้ใจไม่ได้ ยังวางแผนที่าร้ายเจ้าได้ เล่นงานให้เจ้าถึงตายได้ ต่อให้เปป็นคนใจอ่อนขนาดไหน แต่ก็ต้องค่อย ๆ เปลื่ยนี้เป็นคนใจดาอามหิตอยู่ดี ท่านอ๋องใช้ชีวิตแบบนี้ไม่เหนื่อยเหรอยังจะมีความหมายอะไรอีก ?”
วังสวรรค์ ตาหนักดาราจักร ซือหม่ำเวิ่นเทียนเดินเข้ามาอย่างกังวล มองซ่างกวนชิงที่ยืนเก็บมืออยู่ข้าง ๆ แวบหนึ่ง แล้วเดินช้า ๆ ไปข้างกายประมุขชิงกับอู๋ฉวี่ที่ยืนอยู่หน้าแผนที่ดาว ก่อนจะทาความเคารพ “ฝ่าบาท!”
ประมุขชิงไม่เงย่อหน้า ถามเสียงเรียบว่า “สถานการณ์แต่ละแห่งเป็นยังไงบาง ?”
ซือหม่ำเวิ่นเทียนตอบว่า “ฝ่าบาท สายลับที่ลอบสังหารหนิวโหย่วเต๋อทาพลาดแล้ว ฉางเซียงเอ๋อร์ถูกจับทั้งตระกูล แม้แต่ฉางเซียงเอ๋อร์ก็ถูกประหารไปด้วยท่ามกลางฝูงชน” เขาก้มีหน้าเตรียมตัวโดนด่า
ประมุขชิงกลับเงย่อหน้าช้า ๆ มองเขาแวบหนึ่งแล้วเลิกคิ้ว แล้วก็มองอู๋ฉวี่อีก “ลงมือได้แล้ว!”
“…” อู๋ฉวี่งุนงง
“ถ่ายทอดบัญชาของข้า ให้ทัพใหญ่บุกโจมตีตามแผนเดียวนี้อย่าให้ผิดพลาด!” ประมุขชิงยืนยันด้วยเสียงดังอีกครั้ง
“ขอรับ!” อู๋ฉวี่กุมหมัดรับบัญชา แม้ในจะสงสัยว่าข่าวที่ซือหม่ำเวิ่นเทียนส่งมาเกี่ยวอะไรกับการบุกโจมตีครั้งนี้ แต่ก็ยังหยิบระฆังดาราออกมาถ่ายทอดคำสั่งทางทหาร
ใบหน้าซือหม่ำเวิ่นเทียนเต็มไปด้วยความงุนงง มองซ่างกวนชิงที่อยู่ข้างกัน อีกฝ่ายยังมีสีหน้าสงบนิ่ง มองไม่ออกว่ามีปฏิกิริยาใด ๆ…
บนดาวเคราะห์ที่รกร้างดวงหนึ่ง ฉวี่ฉางเทียนที่รออยู่ในถ้าใต้ดิน เงียบ ๆ เก็บระฆังดาราแล้ว จากนั้นหันตัวไปหาบรรดาแม่ทัพที่ล้อมอยู่ตรงหน้าแผนที่ดาว “ทัพใหญ่บุกโจมตีตามแผน ปฏิบัติ!”
พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท