หลังจากที่ทำงานไปสักพักนึงผมก็เข้ามาพักผ่อนที่ห้องของพนักงาน แต่ผู้จัดการก็เดินเข้ามาบอกผมว่า
“ไหนๆเพื่อนเธอก็มาที่นี่แล้ว ทำไมไม่ไปพักที่นั่นละ?”
ถึงแม้ว่าผมจะพยายามปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็ยังพูดว่า
“เอาน่า เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก”
และเขาก็บังคับให้ผมออกไป
จากนั้นผู้จัดการก็ยิ้มให้ผมแบบแปลกๆ
ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินไปหาวาคามิยะที่กำลังนั่งอยู่ ในตอนนี้เธอก็กำลังนั่งกินโดนัทอย่างสบายใจเฉิบ
โห กินได้ดูน่าอร่อยมากเลยนะนั่น…
“อาเระ? ถึงช่วงพักของคุณแล้วเหรอคะโทคิวากิซัง”
“ใช่”
“ถ้างั้นก็มานั่งข้างๆฉันสิคะ อ๊ะ ขอโทษนะคะ เดี๋ยวฉันขอเอาหนังสือเรียนออกไปก่อน”
วาคามิยะเคลียร์พื้นที่โดยการเก็บอุปกรณ์การเรียนเข้าไปในกระเป๋าจากนั้นเธอก็ตบที่นั่งว่างๆข้างๆเธอประหนึ่งว่าเธอกำลังสื่อให้ผมไปนั่ง ณ ที่ตรงนั้น
สายตาของผู้ชายแถวนั้นก็เริ่มจ้องเขม็งมาที่ผม ผู้ชายบางคนก็ถึงกับบีบแก้วกระดาษในมือของตัวเอง
…ฮะ ฮาาา..
“ดูเหมือนว่าวันนี้ ฉันอาจจะตุยเย่ก็ได้”
“อืมมม แล้วฉันควรแจ้งตำรวจดีมั้ยคะ?”
“ที่ฉันหมายถึงคือจะตุยจากออร่าเกลียดชังไงล่ะ”
“อะไรละคะนั่น เรื่องแบบนั้นมีด้วยเหรอ?”
“ใช่ จะว่าไงดีละ เรื่องมันก็กำลังเกิดขึ้นตอนนี้เนี่ยแหละ”
วาคามิยะเอียงศีรษะด้วยความสงสัยดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองคือตัวต้นเหตุ
“นี่ แล้วไอ้ที่เธอพูดเมื่อตอนนั้นที่ว่า [รบกวนอย่างที่เคย] จะพูดให้มันดูคลุมเครือทำไมฟะ”
“ก็ฉันกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดถ้าฉันพูดออกไปตรงๆอะ…มันไม่ดีงั้นเหรอคะ?”
“จะไปดีได้ไงฟะ กลับกันเลย เหมือนเธอเอาน้ำมันราดเข้าไปในกองไฟด้วยซ้ำ”
“ถ้างั้นฉันควรพูดตรงๆไปเลยสินะคะว่าความสัมพันธ์ของพวกเราได้รับการอนุมัติจากพ่อแม่แล้ว?”
“ไหงเป็นงั้นไปได้ฟระะะ!!”
พ่อแม่อนุมัติ อะไรเนี้ยตูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยยย
แม้แต่เจอหน้าก็ยังไม่เคยเจอ
อย่างมากก็แค่เห็นเธอคุยโทรศัพท์กับพ่อแม่แค่นั้นเอง
“แบบนี้ก็ไม่ได้เหรอคะ? เรื่องมากซะจริง”
“มันต้องไม่ได้อยู่แล้วสิ มันไม่มีมูลความจริงเลย แล้วอะไรคือได้รับอนุมัติละนั่น”
“อืมมม ก็พ่อแม่ของฉันคิดว่าคนที่มาส่งไม่มีเจตนาร้าย พวกท่านเลยอนุมัติให้คุณมากับฉันได้ค่ะ”
“อ่อ แบบนี้นี่เอง…”
เฮ้อออตูควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดีวะเนี่ย เอาเถอะเป็นใครก็เข้าใจผิดทั้งนั้นแหละเล่นพูดซะสองแง่สองง่ามขนาดนั้น
“ที่เธออยากจะสื่อคือ พ่อแม่ของวาคามิยะซังคิดว่าถ้าให้ฉันที่เป็นคนรู้จักของเธอมาส่งก็ไม่เป็นไร ประมาณนี้ใช่ปะ”
“ค่ะ ขอโทษนะคะก็ฉันเป็นพวกอธิบายเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเก่ง”
“ก็คงงั้น แต่ฉันว่าเธอเก่งในเรื่องทำให้คนอื่นเข้าใจผิดนะ เดอะเบสเลยละ”
“อะไรนะคะ?”
“ป-เปล่าไม่มีอะไร”
ผมหันหน้าหนีจากเธอจากนั้นผมก็นำน้ำผลไม้ขึ้นมาจิบ
เห็นได้ชัดเลยว่าพนักงานคนอื่นที่มาทำงานพาร์ทไทม์แบบผมจ้องมาที่พวกเราแต่หลังจากที่พวกเขาสบตากับผมพวกเขาก็กลับไปทำงาน
….ไม่ต้องมามองเลยเฟ้ย กลับไปทำงานของพวกเอ็งเลยไป
“โทคิวากิซังขอถามอะไรหน่อยนะคะ”
“หืม?”
“คุณทำงานทุกวันเลยเหรอคะ?”
“ใช่ เพราะฉันว่างน่ะ ไม่ต้องห่วงฉันไม่ได้มาทำงานเฉพาะวันที่เธอมาหรอกนะ”
“ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้นค่ะ”
วาคามิยะถอนให้ใจและพูดด้วยน้ำเสียงโมโหเล็กนัอย
ถึงแบบนั้นผมคิดว่าเธอควรจะระวังพวกผู้ชายให้มากกว่านี้หน่อยนะเพราะผู้ชายบางคนมันก็เหลี่ยมหนาเตอะ…บอกตามตรงเธอเนี่ยจะปล่อยตัวเกินไปแล้ว
“แล้วคุณไม่เป็นไรเหรอคะ?”
“หมายถึงที่ทำงานตลอดทุกวันเลยเหรอ ก็ไม่เป็นไรนะ ฉันเป็นพวกหายเหนื่อยเร็วน่ะ”
“ไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ค่ะ”
เอ้า อย่างน้อยก็เป็นห่วงเรื่องนี้บ้างก็ยังดีนะ!!
ผมตะโกนแบบนี้อยู่ในใจ
“ฉันหมายถึงการสอบค่ะ ฉันเห็นคุณทำงานตลอดคุณไม่อ่านหนังสือบ้างเหรอคะ”
“อ่าน? ถึงทำไปมันก็ไม่มีประโยชน์ต่ออนาคตของฉันหรอก”
“ขอถามหน่อยนะคะ การสอบครั้งล่าสุดของคุณสภาพเป็นไงบ้างคะ”
“มีแต่วงกลมตัวสีแดงอ่ะ”
ทันใดนั้นผมก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นวิ่งผ่านทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันทีในตอนนี้สายตาของวาคามิยะที่มองมายังผมเป็นสายตาที่เย็นชาเป็นอย่างมาก
…..เอ๊ะ เอ๋ ผมทำอะไรผิดไปเหรอ ไหงเธอถึงโกรธละ?..
“ฉันจะไปคุยกับผู้จัดการของคุณเอง”
“หือ? ดะเดี๋ยว!!”
ทันทีที่วาคามิยะพูดออกมาแบบนั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ไหนสักแห่งอย่างรวดเร็ว
—หลังจากนั้นไม่กี่นาที
“โทคิวากิซัง ฉันขอให้ผู้จัดการขยายเวลาพักให้คุณแล้วค่ะ”
“เธอทำอะไรเนี่ยย!?”
“เพื่อที่จะให้คุณอ่านหนังสือไงคะ”
“ถึงฉันอ่านไปมันก็ไม่ได้ช่วยหรอกและอีกอย่างนะฉันไม่เคยตั้งใจเรียนในคาบเรียนเลยด้วยซ้ำ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
“แต่ฉันมีปัญหานะ”
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้พวกเราเรียนมาถึงเรื่องอะไร พูดแบบนี้อาจจะดูน่าสมเพชแต่ว่าการเรียนของผมมันหมดหวังแล้วละ
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะสอนคุณเองค่ะ”
“จริงเหรอแต่ไม่ดีกว่า เกรงใจ..”
(**いいよ別に เป็นการกล่าวปฏิเสธ)
“ค่ะ เรามาพยายามไปด้วยกันนะคะ..”
“ไหงการสนทนาของเรามันสวนทางกันได้ละ”
“ก็เมื่อกี้โทคิวากิพูดว่า “จริงเหรอ” ไม่ใช่เหรอคะ?”
(**いいよ เป็นการกล่าวตกลง)
“ใช่กับผีสิ ฉันปฏิเสธว้อยยย”
“ฉันไม่ยอมให้ปฏิเสธค่ะ”
วาคามิยะเขียนคำว่า เรียน ลงไปในสมุดบันทึกของเธอและจากนั้นเธอก็ลากเส้นยาวตั้งแต่วันนี้จนถึงวันสอบ ผมรู้สึกได้ว่าตอนนี้ใบหน้าและมุมปากของผมกระตุกไม่หยุด
“นี่….อย่าบอกนะว่าเราจะเรียนทุกวัน..”
“ค่ะพวกเราจะเรียนทุกวัน”
“อะเฮือกก ฉันเป็นภูมิแพ้การเรียน หากฉันเผลอเรียนเข้าไปละก็ฉันได้ตายแน่”
“..ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”
“เกรดของเธออาจจะลดลงก็ได้ถ้าเธอเอาเวลาของเธอมาสอนฉัน”
“ไม่มีปัญญาหาค่ะ ฉันมั่นใจในตัวเองพอสมควร”
ถ้าทำตามตารางที่เธอทำ…สักวันผมจะสามารถพูดแบบเธอได้มั้ยนะ ไม่สิผมทำไม่ได้หรอกมันเป็นไปไม่ได้
“คุณต้องลองค่ะ ฉันจะทำให้คุณมันใจเองว่าตัวเงสามารถทำคะแนนดีๆได้ เพราะงั้นตั้งตารอได้เลยค่ะ”
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ให้ฉันก็ได้”
“ตั้งแต่ที่เห็นคุณไม่จริงจังกับการเรียนฉันเลยไม่สามารถมองข้ามได้ค่ะและนอกจากนี้ฉันทำเพราะอยากทำค่ะ”
“เพราะอยากทำงั้นเหรอ?..แล้วฉันขอปฏิเสธได้ปะ”
“แน่นอนว่าไม่ค่ะ ถ้าจำไม่ผิดคุณจะกลับช่วง6โมงเย็นใช่มั้ยคะงั้นก็อย่าเสียเวลาเลยเรามาเริ่มกันเถอะค่ะ”
“วันนี้!? อย่างน้อยก็รอจนกว่าจะพ้นวันหยุดไม่ได้เหรอ”
“ไม่มีการคัดค้านใดๆทั้นนั้นค่ะ”
“เอาจริงดิ…”
เมื่อวาคามิยะตัดสินใจได้แล้วเธอก็พร้อมจะทำด้วยความมุ่งมั่น ผมที่นั่งข้างๆเธอก็ทำได้เพียงยิ้มแห้งๆออกมาแล้วยอมรับชะตากรรม