ไหงดาวโรงเรียนถึงชอบมาห้องของผมละเนี่ย – ตอนที่ 8 ทำไมเทพธิดาถึงดึงดันจังนะ

ไหงดาวโรงเรียนถึงชอบมาห้องของผมละเนี่ย

หลังจากที่ทำงานไปสักพักนึงผมก็เข้ามาพักผ่อนที่ห้องของพนักงาน แต่ผู้จัดการก็เดินเข้ามาบอกผมว่า

“ไหนๆเพื่อนเธอก็มาที่นี่แล้ว ทำไมไม่ไปพักที่นั่นละ?”

ถึงแม้ว่าผมจะพยายามปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาก็ยังพูดว่า

“เอาน่า เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก”

และเขาก็บังคับให้ผมออกไป

จากนั้นผู้จัดการก็ยิ้มให้ผมแบบแปลกๆ

ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินไปหาวาคามิยะที่กำลังนั่งอยู่ ในตอนนี้เธอก็กำลังนั่งกินโดนัทอย่างสบายใจเฉิบ

โห กินได้ดูน่าอร่อยมากเลยนะนั่น…

“อาเระ? ถึงช่วงพักของคุณแล้วเหรอคะโทคิวากิซัง”

“ใช่”

“ถ้างั้นก็มานั่งข้างๆฉันสิคะ อ๊ะ ขอโทษนะคะ เดี๋ยวฉันขอเอาหนังสือเรียนออกไปก่อน”

วาคามิยะเคลียร์พื้นที่โดยการเก็บอุปกรณ์การเรียนเข้าไปในกระเป๋าจากนั้นเธอก็ตบที่นั่งว่างๆข้างๆเธอประหนึ่งว่าเธอกำลังสื่อให้ผมไปนั่ง ณ ที่ตรงนั้น

สายตาของผู้ชายแถวนั้นก็เริ่มจ้องเขม็งมาที่ผม ผู้ชายบางคนก็ถึงกับบีบแก้วกระดาษในมือของตัวเอง

…ฮะ ฮาาา..

“ดูเหมือนว่าวันนี้ ฉันอาจจะตุยเย่ก็ได้”

“อืมมม แล้วฉันควรแจ้งตำรวจดีมั้ยคะ?”

“ที่ฉันหมายถึงคือจะตุยจากออร่าเกลียดชังไงล่ะ”

“อะไรละคะนั่น เรื่องแบบนั้นมีด้วยเหรอ?”

“ใช่ จะว่าไงดีละ เรื่องมันก็กำลังเกิดขึ้นตอนนี้เนี่ยแหละ”

วาคามิยะเอียงศีรษะด้วยความสงสัยดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองคือตัวต้นเหตุ

“นี่ แล้วไอ้ที่เธอพูดเมื่อตอนนั้นที่ว่า [รบกวนอย่างที่เคย] จะพูดให้มันดูคลุมเครือทำไมฟะ”

“ก็ฉันกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดถ้าฉันพูดออกไปตรงๆอะ…มันไม่ดีงั้นเหรอคะ?”

“จะไปดีได้ไงฟะ กลับกันเลย เหมือนเธอเอาน้ำมันราดเข้าไปในกองไฟด้วยซ้ำ”

“ถ้างั้นฉันควรพูดตรงๆไปเลยสินะคะว่าความสัมพันธ์ของพวกเราได้รับการอนุมัติจากพ่อแม่แล้ว?”

“ไหงเป็นงั้นไปได้ฟระะะ!!”

พ่อแม่อนุมัติ อะไรเนี้ยตูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยยย

แม้แต่เจอหน้าก็ยังไม่เคยเจอ

อย่างมากก็แค่เห็นเธอคุยโทรศัพท์กับพ่อแม่แค่นั้นเอง

“แบบนี้ก็ไม่ได้เหรอคะ? เรื่องมากซะจริง”

“มันต้องไม่ได้อยู่แล้วสิ มันไม่มีมูลความจริงเลย แล้วอะไรคือได้รับอนุมัติละนั่น”

“อืมมม ก็พ่อแม่ของฉันคิดว่าคนที่มาส่งไม่มีเจตนาร้าย พวกท่านเลยอนุมัติให้คุณมากับฉันได้ค่ะ”

“อ่อ แบบนี้นี่เอง…”

เฮ้อออตูควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดีวะเนี่ย เอาเถอะเป็นใครก็เข้าใจผิดทั้งนั้นแหละเล่นพูดซะสองแง่สองง่ามขนาดนั้น

“ที่เธออยากจะสื่อคือ พ่อแม่ของวาคามิยะซังคิดว่าถ้าให้ฉันที่เป็นคนรู้จักของเธอมาส่งก็ไม่เป็นไร ประมาณนี้ใช่ปะ”

“ค่ะ ขอโทษนะคะก็ฉันเป็นพวกอธิบายเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเก่ง”

“ก็คงงั้น แต่ฉันว่าเธอเก่งในเรื่องทำให้คนอื่นเข้าใจผิดนะ เดอะเบสเลยละ”

“อะไรนะคะ?”

“ป-เปล่าไม่มีอะไร”

ผมหันหน้าหนีจากเธอจากนั้นผมก็นำน้ำผลไม้ขึ้นมาจิบ

เห็นได้ชัดเลยว่าพนักงานคนอื่นที่มาทำงานพาร์ทไทม์แบบผมจ้องมาที่พวกเราแต่หลังจากที่พวกเขาสบตากับผมพวกเขาก็กลับไปทำงาน

….ไม่ต้องมามองเลยเฟ้ย กลับไปทำงานของพวกเอ็งเลยไป

“โทคิวากิซังขอถามอะไรหน่อยนะคะ”

“หืม?”

“คุณทำงานทุกวันเลยเหรอคะ?”

“ใช่ เพราะฉันว่างน่ะ ไม่ต้องห่วงฉันไม่ได้มาทำงานเฉพาะวันที่เธอมาหรอกนะ”

“ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้นค่ะ”

วาคามิยะถอนให้ใจและพูดด้วยน้ำเสียงโมโหเล็กนัอย

ถึงแบบนั้นผมคิดว่าเธอควรจะระวังพวกผู้ชายให้มากกว่านี้หน่อยนะเพราะผู้ชายบางคนมันก็เหลี่ยมหนาเตอะ…บอกตามตรงเธอเนี่ยจะปล่อยตัวเกินไปแล้ว

“แล้วคุณไม่เป็นไรเหรอคะ?”

“หมายถึงที่ทำงานตลอดทุกวันเลยเหรอ ก็ไม่เป็นไรนะ ฉันเป็นพวกหายเหนื่อยเร็วน่ะ”

“ไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้ค่ะ”

เอ้า อย่างน้อยก็เป็นห่วงเรื่องนี้บ้างก็ยังดีนะ!!

ผมตะโกนแบบนี้อยู่ในใจ

“ฉันหมายถึงการสอบค่ะ ฉันเห็นคุณทำงานตลอดคุณไม่อ่านหนังสือบ้างเหรอคะ”

“อ่าน? ถึงทำไปมันก็ไม่มีประโยชน์ต่ออนาคตของฉันหรอก”

“ขอถามหน่อยนะคะ การสอบครั้งล่าสุดของคุณสภาพเป็นไงบ้างคะ”

“มีแต่วงกลมตัวสีแดงอ่ะ”

ทันใดนั้นผมก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นวิ่งผ่านทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันทีในตอนนี้สายตาของวาคามิยะที่มองมายังผมเป็นสายตาที่เย็นชาเป็นอย่างมาก

…..เอ๊ะ เอ๋ ผมทำอะไรผิดไปเหรอ ไหงเธอถึงโกรธละ?..

“ฉันจะไปคุยกับผู้จัดการของคุณเอง”

“หือ? ดะเดี๋ยว!!”

ทันทีที่วาคามิยะพูดออกมาแบบนั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ไหนสักแห่งอย่างรวดเร็ว

—หลังจากนั้นไม่กี่นาที

“โทคิวากิซัง ฉันขอให้ผู้จัดการขยายเวลาพักให้คุณแล้วค่ะ”

“เธอทำอะไรเนี่ยย!?”

“เพื่อที่จะให้คุณอ่านหนังสือไงคะ”

“ถึงฉันอ่านไปมันก็ไม่ได้ช่วยหรอกและอีกอย่างนะฉันไม่เคยตั้งใจเรียนในคาบเรียนเลยด้วยซ้ำ”

“ไม่มีปัญหาค่ะ”

“แต่ฉันมีปัญหานะ”

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้พวกเราเรียนมาถึงเรื่องอะไร พูดแบบนี้อาจจะดูน่าสมเพชแต่ว่าการเรียนของผมมันหมดหวังแล้วละ

“ไม่ต้องห่วง ฉันจะสอนคุณเองค่ะ”

“จริงเหรอแต่ไม่ดีกว่า เกรงใจ..”

(**いいよ別に เป็นการกล่าวปฏิเสธ)

“ค่ะ เรามาพยายามไปด้วยกันนะคะ..”

“ไหงการสนทนาของเรามันสวนทางกันได้ละ”

“ก็เมื่อกี้โทคิวากิพูดว่า “จริงเหรอ” ไม่ใช่เหรอคะ?”

(**いいよ เป็นการกล่าวตกลง)

“ใช่กับผีสิ ฉันปฏิเสธว้อยยย”

“ฉันไม่ยอมให้ปฏิเสธค่ะ”

วาคามิยะเขียนคำว่า เรียน ลงไปในสมุดบันทึกของเธอและจากนั้นเธอก็ลากเส้นยาวตั้งแต่วันนี้จนถึงวันสอบ ผมรู้สึกได้ว่าตอนนี้ใบหน้าและมุมปากของผมกระตุกไม่หยุด

“นี่….อย่าบอกนะว่าเราจะเรียนทุกวัน..”

“ค่ะพวกเราจะเรียนทุกวัน”

“อะเฮือกก ฉันเป็นภูมิแพ้การเรียน หากฉันเผลอเรียนเข้าไปละก็ฉันได้ตายแน่”

“..ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”

“เกรดของเธออาจจะลดลงก็ได้ถ้าเธอเอาเวลาของเธอมาสอนฉัน”

“ไม่มีปัญญาหาค่ะ ฉันมั่นใจในตัวเองพอสมควร”

ถ้าทำตามตารางที่เธอทำ…สักวันผมจะสามารถพูดแบบเธอได้มั้ยนะ ไม่สิผมทำไม่ได้หรอกมันเป็นไปไม่ได้

“คุณต้องลองค่ะ ฉันจะทำให้คุณมันใจเองว่าตัวเงสามารถทำคะแนนดีๆได้ เพราะงั้นตั้งตารอได้เลยค่ะ”

“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ให้ฉันก็ได้”

“ตั้งแต่ที่เห็นคุณไม่จริงจังกับการเรียนฉันเลยไม่สามารถมองข้ามได้ค่ะและนอกจากนี้ฉันทำเพราะอยากทำค่ะ”

“เพราะอยากทำงั้นเหรอ?..แล้วฉันขอปฏิเสธได้ปะ”

“แน่นอนว่าไม่ค่ะ ถ้าจำไม่ผิดคุณจะกลับช่วง6โมงเย็นใช่มั้ยคะงั้นก็อย่าเสียเวลาเลยเรามาเริ่มกันเถอะค่ะ”

“วันนี้!? อย่างน้อยก็รอจนกว่าจะพ้นวันหยุดไม่ได้เหรอ”

“ไม่มีการคัดค้านใดๆทั้นนั้นค่ะ”

“เอาจริงดิ…”

เมื่อวาคามิยะตัดสินใจได้แล้วเธอก็พร้อมจะทำด้วยความมุ่งมั่น ผมที่นั่งข้างๆเธอก็ทำได้เพียงยิ้มแห้งๆออกมาแล้วยอมรับชะตากรรม

ไหงดาวโรงเรียนถึงชอบมาห้องของผมละเนี่ย

ไหงดาวโรงเรียนถึงชอบมาห้องของผมละเนี่ย

Status: Ongoing
โทคิวากิ โทวะ ที่อุทิศตัว​ถวายพลังชีวิตให้กับงานพาร์ทไทม์​แต่แล้ววันนึงเขาดันบังเอิญไปพับกบพบกับสาวสวยที่ถูกขนาดนามว่าเทพธิดาหรือชื่อของเธอคนนั้นคือ วาคามิยะ ริน เพราะความบังเอิญ​ในครั้งนั้นก็ทำให้ชีวิตประจำวันของทั้งสองได้เข้ามาพัวพัน​ซึ่งกันและกัน และนี่ก็คือเลิฟคอมระหว่างคนสองคนที่ไม่เคยรู้จักกันที่จะ[ค่อยๆ]​พัฒนา​ความสัมพันธ์​ละมั้ง และนี่ก็คือเรื่องราวของพ่อหนุ่มคลั่งพาร์ทไทม์​กับเทพธิดาสุดรั่ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท