แสงแดดยามเช้าที่เล็ดรอดเข้ามาในห้องผมทำให้จากห้องที่มืดสลัวได้สว่างขึ้นมานิดหน่อย
หลังจากที่ผมได้ยินเสียงของเหล่านกน้อยจากนอกหน้าต่างผมก็ได้ตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางที่งัวเงีย
“โอ๊ยยย”
ผมที่กำลังเดินไปล้างหน้าแปรงฟันดันถูกขอบโต๊ะโจมตีเข้าที่นิ้วเท้าซึ่งนั่นก็ได้สร้างดาเมจอันมหาศาลถึงขั้นทำให้ผมนอนดิ้นได้เลยทีเดียว
นี่เป็นครั้งแรกเลยละที่ผมต้องเจ็บปวดกับเรื่องแบบนี้…เพราะที่ผ่านมาห้องของผมมันรกรุงรังมันจึงมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายเต็มพื้นซึ่งมันก็ทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันขอบโต๊ะให้กับผม
จากนั้นผมก็เดินไปเปิดสวิตซ์ไฟอย่างทุลักทุเล
“มองกี่ครั้งก็ไม่ชินเลยแฮะ…”
จากห้องที่เหมือนรังโจรกลับดูสะอาดงามตา พอลองนึกดูก็ทำเอาผมสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย
มีสาวสวยมาห้องของผมและมาช่วยผมทำความสะอาดอีกทั้งเธอยังสอนหนังสือผมอีก
ซึ่งเรื่องแบบนี้มันโคตรจะเหลือเชื่อ หรือนี่ผมกำลังฝันอยู่งั้นเหรอ?
ผมลองหยิกหน้าตัวเองอย่างแรง
“คิย๊าาา~~เจ็บอาาา”
ต่อมาผมก็เดินไปดูกระจกซึ่งมันก็ได้แสดงใบหน้าที่เขร่งขึมของผมโดยที่มีรอยสีแดงตรงแก้ม พอดูๆแล้วหน้าของผมในตอนนี้ก็เหมือนพวกติดยาที่ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงเลย
หลังจากนั้นผมก็ล้างหน้าและหยิบผ้าขนหนูที่พับเอาไว้อย่างเป็นระเบียบขึ้นมาเช็ดหน้าของตัวเอง
“เธอชักผ้าให้ด้วยงั้นเหรอ….ทำตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”
โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่แทบจะไม่อยากแตะเสื้อผ้าที่สกปรกของคนอื่นเลยด้วยซ้ำแต่วาคามิยะดันทำทุกอย่างได้อย่างกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาในตอนนี้ผมรู้สึกเคารพเธอเป็นอย่างมากไม่แปลกเลยที่เธอจะเป็นที่นิยม
ถ้าจะให้เรียกเธอว่าเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรเพราะไม่ว่าจะเป็นบุคลิก จิตใจ หรือกระทั่งความสามารถก็อยู่ในขั้นดีเยี่ยม
“ถ้าเจอกันครั้งหน้าต้องขอบคุณหน่อยแล้วสิ..”
ผมบิดขี้เกียจไปมาก่อนที่จะหันมามองอุปกรณ์การเรียนบนโต๊ะ
“ถึงฉันจะไม่อยากทำก็เถอะ แต่….”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมที่กำลังจะนั่งลงก็ดันมีเสียงเคาะประตูดังขั้นมาขัดจังหวะจากนั้นผมก็เหลือบไปมองที่นาฬิกา
…9 โมงเช้า น่าจะเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์ละมั้ง
ผมเดินไปเปิดประตูพร้อมกับเกาหัวของตัวเอง
“ไม่เอาครับ—“
“อรุณสวัสดิ์ค่ะโทคิวากิซัง วันนี้อากาศดีจังเนอะ”
ห๊ะ..
ผมขยี้ตาของตัวเองจากนั้นก็หรี่ตามอง
“ดูเหมือนกริ่งมันจะพังอะฉันเลยมาเคาะประตูแทน ฉันขอเข้าไปได้มั้ยคะ?”
ชั่วขณะนั้นผมก็รู้สึกประทับใจในรอยยิ้มของวาคามิยะ แต่…
“ไหงเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ละ..”
ผมเบี่ยงสายตาหนีจากเธอก่อนที่จะถามแบบนั้นออกไป
บ้าจริง ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นเธอในชุดลำลองสองวันติด
แค่นี้ผมก็ตายตาหลับแล้วละครับ…ไม่สิ ตั้งสติก่อน
“ก็ฉันบอกไปแล้วนิคะว่าจะมาอีก”
“ปกติเขาไม่มากันติดๆแบบนี้หรอกเฟ้ย”
“แต่มันปกติสำหรับฉันค่ะ”
วาคามิยะตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ก็จริงของเธอเพราะคำว่า ปกติ ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เพราะงั้นการที่จะมายืนเถียงกับเธอมันก็จะเปลืองพลังงานเอาเปล่าๆ
“แล้วคุณว่างมั้ยคะ?”
“ถ้าว่างมันก็ว่างอยู่นะ”
“แสดงว่า ว่าง สินะคะ”
“แต่ว่านะ โทคิวากิซัง ที่แก้มของคุณโดนอะไรมาเหรอคะหรือว่าจะเป็นแมลง?”
“เออนี่มัน….ไม่มีอะไร ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก”
จ้างให้ก็ไม่บอกหรอกเฟ้ยมันน่าอายจะตาย
“ได้ค่ะ งั้นฉันขอถามอย่างอื่นแทนนะคะ ถึงมันจะดูเหมือนยุ่งไม่เข้าเรื่องก็เถอะ โทคิวากิซัง คุณกินข้าวเช้ารึยังคะ?”
“ยังไม่ได้กิน ฉันไม่จำเป็นต้องกินข้าวเช้าอยู่แล้ว”
ปกติผมกินแค่เยลลี่ก็เพียงพอแล้ว ใช้เวลาแค่10วิเองอีกทั้งยังชาร์จพลังงานได้อีก สดวกสุดๆไปเลยใช่มั้ยละ
“คุณต้องกินอาหารเช้านะคะ มันเป็นพลังงานสำหรับทั้งวันเลยแล้วก็การงดอาหารเช้าก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย”
“อ่าๆ ไว้ฉันค่อยไปกินทีหลัง”
“นี่มันก็ 9โมงแล้วนะคะ ถ้าเอาแต่พูดแบบนั้นจากข้าวเช้าได้กลายเป็นข้างเที่ยงแทนแน่”
“ก็ได้ๆ ฉันจะกินตอนนี้เลย”
ผมหยิบขนมปังกรอบออกมาจากที่เก็บเสบียงฉุกเฉินของผม
นี่แหละทั้งกรอบทั้งอร่อยเหมาะที่จะเป็นมื้อเช้าของผม
“โทคิวากิ…ซัง?”
“อ-อะไรเหรอ?”
วาคามิยะจ้องมาที่ผมด้วยความโมโห ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อหันมองไปที่เธอ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงงดงาม ในขณะที่ผมคิดเรื่องแบบนีั วาตามิยะก็หรี่ตามองมาที่ผมและจ้องด้วยสายตาที่เสียดแทง
“แค่นั้นเหรอคะที่เรียกว่าข้าวเช้า”
“ก็ฉันไม่มีอะไรให้กินแล้วนี่นา”
หลังจากที่ทำความสะอาดเมื่อวานของกินส่วนใหญ่ของผมก็ถูกเธอโยนทิ้งหมดเหลือไว้เพียงแค่ขนมปังอันนี้
“เฮ้ออ ว่าแล้วเชียว”
วาคามิยะถอนหายใจและหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพาย
“อะไรอ่ะ?”
“แซนวิชค่ะ พอดีว่าฉันทำมันเยอะไปหน่อยเพราะงั้นฉันเลยเอามาให้คุณ”
“….ให้ฉันจริงๆเหรอ?”
“ค่ะ ตามสบายเลย”
ผมกลืนน้ำลายของตัวเองจากนั้นท้องของผมก็ดังออกมาราวกับว่ามันกำลังเรียกร้องสิ่งนั้นอยู่
“ขอบคุณนะ ช่วยได้เยอะเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำไปก็เพื่อสนองนีทของตัวเองล้วนๆค่ะ”
“คร้าบๆ”
จากนั้นผมก็เขมือบแซนวิชเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งมันก็อร่อยเพลิดเพลินเป็นอย่างมากจนผมหยุดมือของตัวเองไม่ได้เลยรู้ตัวอีกทีก็กินหมดไปซะแล้ว
********
#Sarabao หนีเที่ยว
เจอกันอีกทีอาทิตย์หน้าครับ