บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ – ตอนที่ 43 Ireful Visitor

บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่

ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ

 

ในขณะที่นากากำลังวิ่งไปตามถนนเส้นหลักของตัวเมืองทางทิศเหนือที่เขาเคยเดินผ่านมาก่อนในตอนที่เดินทางไปยังคฤหาสน์ของเวก้านั่นเอง เครื่องสื่อสารขนาดเล็กที่เขาใส่ไว้ในหูก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมา ก่อนที่เสียงของเอริกะจะดังตามมาจากเจ้าเครื่องนั่นเหมือนกับทุกครั้ง

 

“นากาคุง นายวิ่งไปถึงไหนแล้วน่ะ”

 

“เพิ่งจะผ่านประตูกั้นเขตเมืองชั้นในทางทิศเหนือมาน่ะ มีอะไรหรือเปล่า?”

 

“อื้ม…ถ้าเป็นทิศเหนือ งั้นนายจำที่ตั้งคฤหาสน์ของเวก้าได้รึเปล่า? พอนายไปถึงที่นั่นแล้วก็หันไปทางตะวันออกเฉียงเหนือแล้ววิ่งตัดแนวป่าตรงไปเรื่อยๆ เลย ใช้เข็มทิศที่ฉันให้ไปด้วยนั่นคอยตรวจดูทิศบ่อยๆ อย่าให้หลงล่ะ แล้วพอพ้นป่านั่นไปแล้วค่อยติดต่อฉันกลับมาอีกทีละกัน”

 

“พอพ้นจากป่าด้านตะวันออกเฉียงเหนือของคฤหาสน์แล้วให้ติดต่อเธอกลับไปงั้นสินะ เข้าใจแล้ว!”

 

เมื่อนากาได้ยินคำสั่งของเอริกะแล้วเขาก็ตอบกลับไปอย่างฮึกเหิมจนทำให้ชาวเมืองบางคนที่อยู่ใกล้ๆ หันมามองอย่างสงสัย ซึ่งนั่นก็ทำให้นากาต้องรีบลดเสียงลงและพูดถามเอริกะกลับไปอีกครั้ง

 

“…แล้วสรุปว่าคนที่ฉันต้องไปช่วยนี่ใช่เซซิลจริงๆ หรือเปล่าน่ะ?”

 

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เท่าที่สายของฉันรายงานมาก็คือมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายสองกลุ่มกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ที่ทุ่งหญ้าทางตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนแรกเขาก็กะว่าจะปล่อยผ่านไปเพราะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราอยู่หรอก แต่ว่าเขาดันไปเห็นเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลเข้มถือดาบคาตานะที่สวมเสื้อกันลมของโรงเรียนรีมินัสแอบดูพวกนั้นอยู่ใกล้ๆ ด้วย เขาก็เลยรีบมารายงานให้ฉันรู้น่ะ”

 

ลักษณะของคนที่เอริกะพูดขึ้นมานั้นตรงกับเซซิลแบบไม่มีผิดเพี้ยน จนทำให้นากาต้องถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงนิสัยของเพื่อนใหม่ของเขา

 

“ผมสีน้ำตาลเข้ม ถือดาบคาตานะกับสวมเสื้อของโรงเรียน… งั้นก็คงจะเป็นเซซิลแน่ๆ ล่ะ เฮ้อ… หวังว่ายัยนั่นคงจะไม่บ้าจี้เข้าไปขอท้าพวกนั้นประลองดาบหรอกนะ”

 

“เอาเป็นว่านายออมแรงเอาไว้หน่อยก็ดี เผื่อว่าจะต้องไปช่วยเธอสู้ขึ้นมาน่ะ ตรงแถวประตูกั้นเขตน่าจะมีรถม้ารับจ้างอยู่นะ จ้างให้เขาไปส่งที่คฤหาสน์ของเวก้าแล้วนายค่อยวิ่งไปต่อเองก็ได้ จะได้ไม่หมดแรงไปก่อน”

 

“เอ่อ… แต่ฉันไม่มีเงินติดตัวเลยนะ”

 

“อ๊ะ…”

 

ทันทีที่เอริกะได้ยินว่านากาไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่สักนิดเดียวเธอก็ร้องขึ้นมาเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรได้ จนทำให้นากาต้องร้องกลับไปอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน

 

“…อ๊ะ?”

 

“ก็…. ช่วงนี้มันยุ่งๆ นี่ ฉันก็เลยลืมเรื่องค่าจ้างของนายไปเลย ว่าแต่พวกเธอก็เข้าเมืองมากันได้สักพักแล้วไม่ใช่หรอ? อย่าบอกนะว่าไม่ได้พกเงินมากันเลยน่ะ”

 

“ก็ตอนนั้นพวกฉันแค่กะจะไปดูรถยนต์ที่คลินิกของอารอนเองนี่เลยไม่ได้พกเงินไปด้วย ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมีคนบุกเข้ามาจนต้องรีบหนีกันแบบนี้น่ะ ถ้ารู้ก่อนว่าจะโดนอารอนจับมาส่งถึงในเมืองเลยแบบนี้พวกฉันก็ต้องพกเงินมาด้วยอยู่แล้วสิ”

 

“แล้วสามสี่วันที่ผ่านมานี่พวกเธออยู่กันได้ยังไงน่ะ ไม่มีเงินติดตัวเลยแบบนั้น?”

 

เมื่อได้ยินคำถามของเอริกะเข้าไปนากาก็ได้แต่เกาหัวตัวเองพลางตอบกลับไปแบบค่อนข้างเกรงใจ เพราะถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้วพวกเขานั้นได้รบกวนเอริกะเอาไว้มากทีเดียว

 

“ก็พวกฉันพักอยู่ที่บ้านของเธอเลยไม่ต้องเสียเงินค่าโรงแรมนี่… ส่วนเรื่องอาหารเธอก็ทำให้แทบจะทุกวันอีก

 

เอาจริงๆ ตั้งแต่เข้าเมืองมาก็มีแค่เมื่อวานนี้เองล่ะมั้งที่พรีมูล่าใช้เงินไปซื้อขนมน่ะ”

 

“แหม่ ถ้าเรื่องแค่นั้นน่ะไม่ต้องคิดมากหรอก~ ยังไงซะพวกนายก็ไม่ได้มาอยู่ฟรีๆ อยู่แล้วนี่ อย่างคราวนี้ก็ต้องออกไปทำงานให้ฉันอีกไม่ใช่หรือไง”

 

“เอาจริงๆ ฉันรู้สึกว่าไปช่วยเพื่อนนี่เหมือนจะเป็นธุระส่วนตัวมากกว่าทำภารกิจอีกนะ…”

 

“มันก็ไม่ต่างกันนักหรอกน่— นี่อลิซอย่าเพิ่งขยับสิ!”

 

เคล๊งงง!! ปั๊ก!

 

“โอ๊ย! คุณอลิซระวังหน่อยสิครับ!!”

 

ยังไม่ทันที่เอริกะจะได้พูดจบ อยู่ดีๆ เธอก็ร้องว่าอลิซขึ้นมาเสียงดัง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของบางอย่างที่ตกลงพื้นและยังมีเสียงของคอนแนลดังแทรกผ่านเข้ามาอีกด้วย จนทำให้นากาตัดสินใจที่จะหยุดการสนทนาของพวกเขาเอาไว้เพียงเท่านี้เพื่อให้เอริกะได้มีสมาธิในการจัดการซ่อมแซมพาร์ทส่วนล่างอะไรของเธอนั่นได้เต็มที่สักที

 

“งั้นสรุปว่าพอฉันไปถึงคฤหาสน์แล้วก็ให้หันไปทางตะวันออกเฉียงเหนือแล้วก็วิ่งฝ่าไปทางนั้นจนกว่าจะเจอทุ่งโล่งแล้วค่อยติดต่อเธอกลับไปอีกทีสินะ?”

 

“อื้ม! ก็ตามนั้นล่ะ อย่าลืมนะว่าพอไปถึงทุ่งหญ้าหลังแนวป่านั่นแล้วให้ติดต่อฉันก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไปน่ะ แล้วก็ตอนอยู่ในป่าอย่าลืมดูเข็มทิศบ่อยๆ ด้วยล่ะ!”

 

“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันติดต่อกลับไปละกันนะ!”

 

นากาขานตอบกลับเอริกะเสียงดังฟังชัดก่อนที่เขาจะเร่งฝีเท้าพุ่งผ่านประตูเมืองรีมินัสออกไปในทันทีโดยไม่ทันได้สังเกตเห็นเหล่าคนในเมืองที่หันมามองดูเขาด้วยสายตาแบบเดียวกับที่ใช้มองดูคนบ้าพูดกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย

 

 

เคล๊ง! เคล๊ง!

 

ในช่วงเวลาเดียวกันนั่นเอง ที่ทุ่งราบซึ่งเป็นเป้าหมายของนากานั้นก็ได้มีกลุ่มคนสองกลุ่มกำลังเข้าปะทะกันอยู่อย่างดุเดือด

 

โดยฝ่ายหนึ่งนั้นเป็นกลุ่มทหารในชุดเกราะหนังที่มีผ้าคลุมสีแดงและฮู้ดคลุมหัวสีเดียวกันจำนวนสี่คน แยกเป็นชายสามคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน ซึ่งพวกเขานั้นได้แยกออกเป็นสองกลุ่ม เพื่อแบ่งกันรับมือกับฝั่งตรงข้ามที่มีจำนวนมากกว่า

 

กลุ่มแรกนั้นเป็นทหารหญิงที่ใช้ปืนพกขนาดเล็กจับคู่กับผู้ชายที่ใช้มีดสั้นเพื่อช่วยกันรับมือคู่ต่อสู้ทั้งสองคนที่บุกโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในขณะอีกกลุ่มนั้นเป็นผู้ชายสองคนที่ใช้ดาบทั้งคู่กำลังยืนหันหลังชนกันอยู่อีกฝั่งหนึ่งของทุ่งโล่งเพื่อช่วยกันรับมือศัตรูอีกสามคนที่ยืนล้อมพวกเขาเอาไว้อยู่

 

ซึ่งกลุ่มคนที่ทหารผ้าคลุมแดงกำลังพยายามรับมืออยู่นั้นมีจำนวนทั้งหมดห้าคนด้วยกัน โดยพวกเขาทั้งห้าได้สวมใส่ชุดผ้าสีดำและที่แขนทั้งสองข้างของทหารชุดดำพวกนั้นก็ได้สวมใส่เกราะแขนขนาดใหญ่เอาไว้

 

โดยเกราะแขนของพวกเขานั้นดูไม่เหมือนกับเกราะส่วนแขนที่ถูกออกแบบมาให้เข้าคู่กับชุดเกราะอัศวินแบบที่เหล่าอัศวินในเมืองรีมินัสสวมใส่กันเลยแม้แต่น้อย

 

เพราะว่าเกราะแขนของเหล่าทหารชุดดำนั้นเมื่อดูผ่านๆ แล้วจะเหมือนกับว่ามันคือแผ่นเกราะหลายๆ ชิ้นที่ถูกนำมาเรียงกันให้กลายเป็นแผ่นเกราะขนาดใหญ่ปกคลุมบริเวณไหล่และท่อนแขนด้านนอกเอาไว้

 

และอาวุธของทหารชุดดำทั้งห้าคนนั้นก็เป็นดาบคาตานะรูปแบบเดียวกันทุกคน ต่างจากฝั่งของทหารผ้าคลุมแดงทั้งสี่คนที่ใช้อาวุธแตกต่างกันไปตามที่ตัวเองถนัด

 

ซึ่งเมื่อดูจากสถานการณ์โดยรวมแล้ว ถึงแม้ว่าทางทหารผ้าคลุมแดงจะเสียเปรียบด้านจำนวนคน แต่ว่าพวกเขาก็ยังสามารถที่จะรับมือเหล่าทหารชุดดำได้อยู่

 

และจากการแต่งกายของทหารผ้าคลุมแดงที่น่าจะคุ้นเคยกับการเดินป่าแล้ว ถ้าเกิดว่าสถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นมาจริงๆ พวกเขาก็น่าจะสามารถปลีกตัวจากการต่อสู้และหลบหนีเข้าไปในป่าเพื่อสลัดอีกฝ่ายที่แต่งตัวเหมือนทหารหน่วยจู่โจมได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

 

ถ้านั่นไม่ใช่เพราะว่าทางด้านหนึ่งของทุ่งโล่งนั้นได้มีหญิงสาวผมสีชมพูคนหนึ่งที่แต่งตัวด้วยเครื่องแบบเดียวกับทหารชุดดำกำลังยืนกอดอกพิงดาบขนาดยักษ์เล่มหนึ่งที่ปักอยู่กับพื้นและกำลังมองดูการต่อสู้ของพวกเขาอยู่ด้วยใบหน้านิ่งเฉยที่ออกจะไปทางเบื่อหน่ายซะด้วยซ้ำ

 

ถึงแม้ว่าการแต่งตัวของหญิงสาวผมชมพูนั้นจะคล้ายกับเหล่าทหารชุดดำที่เป็นชุดผ้าและสวมแผ่นเกราะที่บริเวณแขนทั้งสองข้างก็ตามที

 

แต่ว่าชุดของเธอกลับมีสีขาวสะอาดรวมถึงเกราะแขนเองก็เป็นสีแดงประดับด้วยลวดลายสีทองแตกต่างจากเหล่าทหารชุดดำทั้งห้าคน บ่งบอกว่าได้ว่าเธอน่าจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มทหารชุดดำไม่ผิดแน่

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้ทหารหญิงในชุดเกราะหนังผ้าคลุมแดงนั้นต้องคอยแอบเหลือบไปดูท่าทีของอีกฝ่ายอยู่เป็นระยะจนทำให้คู่ต่อสู้ของเธอสังเกตเห็นได้และฉวยโอกาสที่เธอเหลือบไปมองอีกครั้งในการฟาดดาบคาตานะในมือเข้าใส่ในทันที

 

เคล๊ง!

 

ถึงแม้ว่าทหารหญิงผ้าคลุมแดงนั้นจะสามารถยกปืนพกในมือขึ้นมากันดาบคาตานะของอีกฝ่ายได้ทัน แต่ว่านั่นก็ทำให้ปืนของเธอกระเด็นหลุดมือไป รวมถึงเธอยังเสียหลักจากแรงกระแทกนั้นอีกด้วย

 

และเมื่อทหารชุดดำเห็นแบบนั้นเขาก็รีบสะบัดดาบกลับลงมาฟันใส่เธออีกครั้งอย่างไม่ปรานีเลยแม้แต่น้อย

 

เคล๊ง!

 

แต่ว่าก็โชคดีที่คู่หูของเธอนั้นได้พุ่งตัวเข้ามาใช้มีดในมือของเขาเข้ารับดาบคาตานะของอีกฝ่ายเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที

 

“ไม่เป็นอะไรนะยุย —-!?”

 

ผลัก!! ฟวับ—

 

ในขณะที่เขากำลังเอ่ยปากถามทหารหญิงนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นทหารชุดดำอีกคนหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามา ทำให้เขาตัดสินใจที่จะเหวี่ยงขาเตะทหารชุดดำเบื้องหน้าที่กำลังออกแรงยันอาวุธกันอยู่ให้กระเด็นออกไปอีกทาง ก่อนที่เขาจะอัดพลังวิซใส่มีดสั้นของตนจนมันเรืองแสงสีเขียวออกมาและตวัดไปทางทหารชุดดำที่กำลังพุ่งเข้ามาในทันที

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้แสงสีเขียวส่วนหนึ่งหลุดออกมาจากตัวมีดและพุ่งออกไปเป็นใบมีดสายลมสีเขียวตรงเข้าใส่อีกฝ่ายด้วยความเร็วสูง จนทำให้ทหารชุดดำนั้นต้องรีบหยุดฝีเท้าลงและเอียงตัวเล็กน้อยเพื่อหันเอาแผ่นเกราะบริเวณไหล่เข้ารับใบมีดสายลมที่กำลังพุ่งเข้ามา

 

และในชั่วพริบตาก่อนที่เกราะแขนของเขาจะปะทะเข้ากับใบมีดสายลมนั่นเอง ตัวเกราะของเขาก็ได้เรืองแสงขึ้นมาเล็กน้อยเป็นสัญญาณว่าเขาได้ใส่พลังวิซเข้าไปเพื่อสร้างเกราะป้องกันเสริมขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง

 

—เพล๊ง!!

 

ทันทีที่ใบมีดสายลมได้กระแทกเข้ากับเกราะพลังวิซนั้นพวกมันทั้งคู่ก็ได้แตกสลายไปเป็นเสี่ยงๆ โดยที่ไม่ได้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย

 

แต่ว่าแรงกระแทกของมันก็ทำให้ทหารชุดดำที่ยังไม่ได้ยืนตั้งหลักอย่างมั่นคงถึงกับไหล่สะบัดไปอีกทาง เผยเป็นช่องว่างให้ทหารหญิงที่คว้าปืนพกของเธอกลับขึ้นมาถือเอาไว้แล้วได้ลั่นไกใส่อย่างเต็มที่

 

ปังปังปัง!!

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้ทหารชุดดำต้องรีบหมุนตัวเพื่อเอาเกราะแขนอีกข้างเข้ารับกระสุนพวกนั้นแทน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจกระโดดถอยเว้นระยะห่างออกมาจากทั้งสองเล็กน้อยเพื่อดูท่าทีอีกครั้ง

 

“เกือบไปแล้วไง ขอบใจน— ด็อคระวัง!!”

 

ในขณะที่ทหารหญิงกำลังจะเอ่ยปากขอบคุณเพื่อนของเธออยู่นั่นเอง เธอก็เหลือบไปเห็นทหารชุดดำคนแรกที่เพื่อนของเธอเตะกระเด็นไปได้พุ่งเข้ามาประชิดตัวของเพื่อนเธออีกครั้งหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

“—!?”

 

ฉัวะ—

 

“อึ๊ก—!?”

 

ถึงแม้ว่าทหารผ้าคลุมแดงที่ใช้มีดสั้นเป็นอาวุธนั้นจะสามารถเบี่ยงตัวหลบดาบคาตานะของอีกฝ่ายที่ฟาดเข้าใส่กลางลำตัวของเขาได้ แต่ว่าใบดาบนั้นก็ปาดเข้าใส่แขนของเขาแทน จนทำให้เลือดสีแดงได้ไหลทะลักพุ่งกระจายไปทั่วบริเวณ เขาจึงต้องรีบกระโดดถอยเว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายพร้อมกับเก็บมีดของตนไปเพื่อที่จะเอามืออีกข้างมากดบาดแผลห้ามเลือดเอาไว้ก่อน

 

ซึ่งทหารชุดดำนั้นก็ได้ง้างดาบคาตานะขึ้นเหนือหัวและพุ่งตัวตามไปเพื่อหวังที่จะจบการต่อสู้ครั้งนี้ในทีเดียว และเมื่อเห็นแบบนั้นทหารหญิงก็ได้ตัดสินใจรีบหันปืนพกในมือไปทางนั้นเพื่อช่วยยิงสกัดให้ในทันที

 

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ—!?”

 

แต่ว่าทันทีที่เธอละความสนใจไปอีกทาง ทหารชุดดำคนที่เธอใช้ปืนจ่อเอาไว้เพื่อคุมเชิงก็ได้ใช้โอกาสนี้ในการพุ่งตัวเข้าใส่อย่างรวดเร็ว เธอจึงต้องรีบหันกลับมารับมืออีกฝ่ายจนไม่มีเวลาได้ยิงปืนช่วยเหลือเพื่อนของเธอเลยแม้แต่น้อย

 

ฟวับ—เคล๊ง!!

 

“บ้าจริง! หนีไปสิด็อค!!”

 

และเมื่อเธอหันกลับไปดูทางเพื่อนของเธออีกครั้งก็พบว่าเขานั้นได้ถูกทหารชุดดำพุ่งเข้าประชิดตัวเป็นที่เรียบร้อยซะแล้ว

 

“….!!”

 

ซู้มมม— เคล๊ง!!

 

ในจังหวะที่ดาบคาตานะของทหารชุดดำได้ถูกตวัดลงมานั้นเอง อยู่ๆ ก็ได้เกิดสายลมกรรโชกพัดมาจากชายป่าอย่างรุนแรง ก่อนจะตามมาด้วยร่างสูงโปร่งของเซซิลที่พุ่งเข้ามาขวางหน้าทหารผ้าคลุมแดงและใช้ดาบคาตานะของเธอเข้ารับดาบคาตานะของทหารชุดดำเอาไว้ได้ทันท่วงที

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้ทหารผ้าคลุมแดงที่เหมือนจะชื่อด็อคนั้นได้แต่พูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ

 

“น—นี่เธอ—!?”

 

“…..”

 

เคล๊ง!!

 

แต่ว่าเซซิลก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ก่อนที่เธอจะออกแรงสะบัดดาบของตัวเองขึ้นเหนือหัวจนคู่ต่อสู้เสียหลัก จากนั้นเธอก็เอื้อมมืออีกข้างไปจับด้ามดาบของตัวเองเอาไว้และฟาดมันกลับลงใส่อีกฝ่ายอย่างแรง

 

ฟุ๊บ! แกร๊ก—! เป๊ง!!

 

ถึงแม้ว่าทหารชุดดำคนนั้นจะสามารถรั้งดาบคาตานะของเขากลับมาเพื่อป้องตัวเองได้ทัน แต่ว่าทันทีที่ใบดาบของทั้งสองคนสัมผัสกัน ดาบคาตานะของทหารชุดดำนั้นก็ส่งเสียงประหลาดๆ ออกมาเล็กน้อย ก่อนที่มันจะถูกดาบคาตานะของเซซิลฟันผ่านจนขาดครึ่งอย่างน่าตกตะลึง

 

และนั่นก็ทำให้ทหารชุดดำคนนั้นไม่มีเวลาได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อยเมื่อใบดาบของเซซิลได้พุ่งปาดตั้งแต่หัวไหล่ข้างขวาของเขาลากยาวจนไปถึงบริเวณเอวอีกข้างหนึ่ง

 

ซึ่งทหารชุดดำนั้นก็ก้มลงไปมองดูร่างกายของตัวเองที่มีบาดแผลลากยาวตั้งแต่หัวไหล่ไปจนถึงช่วงเอวสลับกับใบดาบในมือของตนที่เหลือเพียงแค่ครึ่งเดียวอยู่สักครู่ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ทรุดลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

 

“—เฮ้ย!?”

 

ทันทีที่ทหารชุดดำอีกคนหนึ่งที่กำลังรับมือกับทหารหญิงอยู่ได้เห็นเพื่อนของเขาค่อยๆ ทรุดลงไปกองแบบนั้นเขาก็ร้องขึ้นมาอย่างตกใจและรีบอัดพลังวิซของตนเข้าใส่แผ่นเกราะส่วนแขนเพื่อให้มันสร้างเกราะป้องกันขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับใช้เกราะพลังวิซนั้นในการป้องกันกระสุนของฝ่ายตรงข้ามเพื่อพุ่งเข้าไปกระแทกหญิงสาวให้เสียหลักล้มกลิ้งลงไปอย่างรุนแรง

 

ผลัก!!

 

“ว๊าย!”

 

และเมื่อเขาเห็นว่าหญิงสาวในชุดเกราะหนังนั้นถูกกระแทกจนล้มกลิ้งไปแล้ว เขาก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหาเพื่อนของตนที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นในทันที

 

“ทาคาโอะเป็นยังไงบ้าง! ยังไม่ตายใช่มั้ย!?”

 

“อึก…”

 

“อดทนไว้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะรีบ—-!?”

 

ชิ้ง—

 

ในขณะที่เขากำลังดูอาการของเพื่อนของตนอยู่นั้น เซซิลก็ได้ยื่นดาบคาตานะของเธอมาจ่อที่ลำคอของเขาจนทำให้เขาต้องหยุดพูดไปกลางคัน และเขาก็ยังพบว่าทหารหญิงที่เขาเพิ่งจะกระแทกจนล้มกลิ้งไปนั้นได้ลุกกลับขึ้นมายืนอีกหนึ่งครั้งแล้ว แถมเธอยังเล็งปืนพกในมือมาทางเขาอยู่อีกด้วย

 

“เหอะ… คงจะไม่กะให้พวกฉันรอดไปได้งั้นสินะ ถ้างั้นก็เข้าม—-”

 

“พาคนเจ็บกลับไปซะ…”

 

แต่ว่ายังไม่ทันที่ทหารชุดดำจะได้หยิบดาบคาตานะของตนขึ้นมาอีกครั้ง เซซิลก็ได้ลดดาบของเธอลงเล็กน้อยและขยับตัวเข้าไปขวางระหว่างตัวเขากับทหารหญิงผ้าคลุมแดงพร้อมกับพูดขึ้นมา ก่อนที่เธอจะเหลือบไปมองทหารผ้าคลุมแดงที่ถูกฟันที่แขนไปก่อนหน้านี้และพูดย้ำขึ้นมาอีกครั้ง

 

“พาคนเจ็บกลับไปซะ… ทั้งคู่นั่นล่ะ…”

 

เมื่อทหารหญิงได้ยินแบบนั้นเธอก็เหลือบไปมองยังเพื่อนของเธอที่ถูกฟันที่แขนและตัดสินใจที่จะเก็บปืนพกในมือไป ซึ่งนั่นก็ทำให้ทหารชุดดำที่เห็นแบบนั้นรีบเก็บดาบคาตานะของตนตามไปพร้อมกับพยายามลากเพื่อนของตนที่ถูกฟันเป็นทางยาวให้ถอยไปทางทิศที่ทหารหญิงผมชมพูในชุดสีขาวคนนั้นยืนเฝ้าดูอยู่ในทันที

 

ในขณะที่ทหารชายผ้าคลุมแดงนั้นก็ได้ทรุดตัวลงอย่างเหนื่อยอ่อน จนทำให้ทหารหญิงต้องรีบนั่งลงเพื่อตรวจดูบาดแผลบริเวณแขนของเขาอย่างเป็นกังวล

 

และเมื่อเซซิลเห็นว่าทั้งสองฝ่ายยอมแยกย้ายกันไปแต่โดยดีแล้ว เธอก็หันไปทางอีกฝั่งหนึ่งของทุ่งโล่งที่มีทหารผ้าคลุมแดงสองคนกำลังยืนหันหลังชนกันเพื่อช่วยกันรับมือทหารชุดดำอีกสามคนที่เหลือซึ่งใช้วิธีการผลัดกันเข้ามาโจมตีอยู่อย่างยากลำบาก และเธอก็ได้ออกแรงพุ่งตัวไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว

 

เคล๊ง! เคล๊ง! เคล๊ง!

 

ทันทีที่เซซิลพุ่งตัวเข้าไปใกล้เธอก็เลือกเป้าหมายเป็นหนึ่งในทหารชุดดำที่ยืนอยู่ไกลจากเพื่อนที่สุด และเธอก็ได้ใช้ดาบคาตานะของเธอฟันเข้าใส่เขาอย่างต่อเนื่องเพื่อแยกตัวของเขาออกมาจากการต่อสู้ในทันที

 

เมื่อสถานการณ์ที่เคยเสียเปรียบของทหารผ้าคลุมแดงทั้งสองคนได้พลิกกลับมาอย่างไม่คาดฝันเพราะการแทรกแซงของเซซิล หนึ่งในทหารผ้าคลุมแดงนั้นก็ได้พูดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ

 

“กำลังเสริมหรอ— ใครกันน่ะ!?”

 

“ฮะฮ่า! จะใครก็ไม่รู้ล่ะ แต่ว่าตอนนี้ได้เวลาเอาคืนกันแล้ว!!”

 

ในขณะที่เพื่อนทหารผ้าคลุมแดงของเขานั้นกลับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจและรีบพุ่งเข้าไปฟาดดาบใส่หนึ่งในทหารชุดดำในทันที จนทำให้ทหารผ้าคลุมแดงคนที่พูดขึ้นมาเป็นคนแรกนั้นต้องรีบเข้าไปประกบทหารชุดดำที่เหลืออีกหนึ่งคนด้วยเช่นกัน

 

แต่ว่าพวกเขาก็เพิ่งจะฟาดดาบใส่กันได้เพียงแค่สองสามครั้ง ก่อนที่จะมีเสียงเป่าปากดังขึ้นมา

 

ฟวี๊~~~

 

โดยทันทีที่เหล่าทหารชุดดำได้ยินเสียงนั้น พวกเขาก็รีบดีดตัวถอยหลังและพุ่งตัวไปทางหญิงสาวผมชมพูที่ยืนชมการต่อสู้อยู่ไม่ไกลในทันที

 

“เฮ้ย!! คิดจะหนีไปไหนหะ!?”

 

ซึ่งเมื่อหนึ่งในทหารผ้าคลุมแดงได้เห็นแบบนั้นเขาก็รีบพุ่งตัวตามอีกฝ่ายไปด้วยเช่นกัน จนทำให้ทั้งเพื่อนของเขาและเซซิลต้องรีบตะโกนห้ามขึ้นมา

 

“ด—เดี๋ยว…!?”

 

“อย่าตามพวกนั้นไป—!”

 

ซู้มมม—

 

แต่ก็เหมือนว่ามันจะไม่ทันการซะแล้ว เพราะว่าทันทีที่สิ้นเสียงของพวกเขา ก็ได้มีสายลมกรรโชกสวนทหารผ้าคลุมแดงที่พุ่งตัวออกไปกลับมาอย่างรุนแรงจนทำให้เขาต้องหลับตาลงและยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาบังหน้าของตัวเองเอาไว้

 

“ไง~”

 

“ห—!!?”

 

และเมื่อเขาลืมตากลับขึ้นมา เขาก็พบว่าหญิงสาวผมสีชมพูที่เคยยืนกอดอกอยู่ห่างไปไกลหลายสิบเมตรนั้น บัดนี้เธอได้มายืนยิ้มโบกมือทั้งสองข้างอยู่ที่เบื้องหน้าของเขาในระยะประชิดซะแล้ว

 

ผลัก!!

 

“อ๊อออก!!?”

 

และทันทีที่หญิงสาวผมสีชมพูพูดจบ ดาบขนาดยักษ์ของเธอก็ถูกอะไรบางอย่างจับมันขึ้นมาเหวี่ยงฟาดกระแทกเข้าใส่หน้าท้องของทหารผ้าคลุมแดงอย่างรุนแรงจนทำให้ร่างของเขากระเด็นปลิวลอยข้ามหัวเพื่อนๆ ทั้งสามคนไปกระแทกกับต้นไม้ที่อยู่ริมชายป่าและลงมานอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

 

“…อิซานางิ!!”

 

ทันใดนั้นเองเซซิลก็ได้ตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น พร้อมๆ กับที่ใบดาบคาตานะของเธอได้มีเปลวไฟลุกขึ้นมาอย่างรุนแรง

 

แต่ว่าหญิงสาวผมชมพูนั้นก็หันกลับมาโบกมือทักทายเซซิลอย่างอารมณ์ดีราวกับว่าพวกเธอเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนาน ในขณะที่ดาบยักษ์ของเธอนั้นก็ถูกปักลงบนพื้นด้วยอะไรบางอย่างที่งอกออกมาจากบริเวณหลังไหล่ของหญิงสาวผมชมพู

 

“จ๋าจ๊ะ~ อิซานางิเองจ้ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยเนอะเซซิล~ เป็นยังไงบ้างเอ่ย~ สบายดีมั้ยจ้ะ~”

 

เมื่อหญิงสาวผมสีชมพูพูดจบเธอก็ได้ยกมือขึ้นมาสางผมยาวสลวยของเธอไปข้างๆ เผยให้เห็นบริเวณไหล่ใต้แผ่นเกราะสีแดงประดับลวดลายสีทองที่มีอุปกรณ์อะไรบางอย่างติดอยู่ด้วย

 

โดยเจ้าอุปกรณ์ที่ว่านั้นมีลักษณะเป็นแท่งเหล็กที่มีข้อต่อสองจุดในลักษณะเดียวกับข้อศอกและข้อมือของมนุษย์ แต่ว่าตรงส่วนที่ควรจะเป็นมือนั้นกลับถูกแทนที่ด้วยแท่งเหล็กสองชิ้นที่มีลักษณะคล้ายคีมหนีบแทนที่จะเป็นฝ่ามือและนิ้ว

 

แกร๊ก—

 

และมันก็กำลังยื่นออกไปคีบเอาดาบขนาดยักษ์ของหญิงสาวผมชมพูขึ้นมาแปะติดไว้บนแผ่นหลังของเธอได้อย่างแม่นยำโดยที่เธอไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมองดูมันเลยแม้แต่น้อย

 

“พาเพื่อนของนายหนีไป แล้วรีบตามทหารของเมืองรีมินัสมาที่นี่ซะ!”

 

ทันใดนั้นเองเซซิลก็ได้พูดขึ้นมาโดยที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่อิซานางิแบบไม่กะพริบ จนทำให้ทหารผ้าคลุมแดงที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์นั้นได้แต่ร้องออกมาอย่างสับสน

 

“ห—หะ!?”

 

“…ฉันจะถ่วงเวลาไว้ให้ พวกนายรีบไปเร็ว!!”

 

“อ—อ่า!!”

 

เมื่อทหารผ้าคลุมแดงได้ยินแบบนั้นเขาก็รีบขานตอบกลับพร้อมกับรีบวิ่งไปยังทหารหญิงกับคู่หูที่ชื่อว่ายุยและด็อค และหลังจากที่เขาอธิบายสถานการณ์ให้ทั้งคู่ฟังแล้ว พวกเขาก็รีบวิ่งไปแบกร่างของทหารอีกคนที่ถูกอิซานางิฟาดปลิวไปขึ้นมา และพากันวิ่งไปทางเมืองรีมินัสกันในทันทีภายใต้การเฝ้ามองของหญิงสาวผมชมพู

 

แต่ว่าอิซานางินั้นก็ปล่อยให้พวกเขาหนีไปโดยไม่มีท่าทีว่าจะขัดขวางเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่เธอจะหันกลับมามองเซซิลอีกครั้งหนึ่งและพูดขึ้นมา

 

“แหม่ๆ เสียสละตัวเองถ่วงเวลาเอาไว้เพื่อให้คนอื่นหนีไปก่อนงั้นหรอ? เธอนี่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเยอะเลยนะ~”

 

“หมายความว่าไง…”

 

“ก็ถ้าตอนนั้นเธอทำแบบเดียวกับตอนนี้ หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็คงจะไม่ต้องกลายเป็นทะเลเลือดหรอกใช่มั้ยล่ะ~ รู้มั้ยว่ากว่าฉันจะเก็บกวาดพวกนั้นจนหมดต้องเสียเวลาไปตั้งกี่วันน่ะ~”

 

“…แก!!”

 

ทันทีที่เซซิลได้ยินแบบนั้นเธอก็กัดฟันเค้นเสียงพูดขึ้นมา ก่อนจะพุ่งเข้าใส่อิซานางิและใช้ดาบคาตานะติดไฟในมือฟาดเข้าใส่อีกฝ่ายในทันที

 

“แหม่~ ใจร้อนจังเลยนะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานแท้ๆ ไม่คิดจะคุยกันต่อหน่อยหรอ~”

 

ถึงแม้ว่าจะเห็นเซซิลพุ่งเข้ามาใส่เธออย่างรวดเร็ว แต่ว่าอิซานางินั้นก็ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นมาทาบแก้มและพูดขึ้นมาอย่างเสียดายราวกับไม่สนใจอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามาหวังจะฟันเธอให้ขาดครึ่งเลยแม้แต่น้อย

 

แต่แล้วเมื่อเซซิลได้พุ่งเข้ามาใกล้ในระยะหนึ่ง แขนเหล็กบนไหล่ของอิซานางิก็ได้เรืองแสงขึ้นมา ก่อนที่ตัวแขนที่ถูกพับเก็บไปก่อนหน้านี้จะคลายตัวออกมาอีกครั้ง และมันก็ได้พุ่งไปคว้าเอาดาบขนาดยักษ์บนแผ่นหลังของอิซานางิออกมาปักเฉียงลงที่เบื้องหน้าของเธอ

 

ตึ้ง!!

 

“!?”

 

ถึงแม้ว่าเซซิลจะเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าแต่ว่าเธอก็ไม่อาจยั้งดาบของตนเองที่ฟันออกไปสุดแรงเพราะความโกรธได้ จนทำให้ดาบคาตานะของเธอฟันเข้าใส่ดาบยักษ์นั่นอย่างจังและครูดไถลไปตามใบดาบแบบควบคุมไม่ได้

 

ครืดดดดด—

 

ในขณะที่เซซิลกำลังจะหยุดดาบของเธอได้และคิดจะกระโดดถอยกลับนั้น อยู่ๆ แขนกลของอิซานางิก็ได้ขยับไปในทิศทางที่แขนของมนุษย์ธรรมดาไม่อาจทำได้ โดยมันได้สะบัดพับข้อศอกไปทางด้านหลังเพื่องัดเอาดาบขนาดยักษ์ที่ถูกปักไว้กับพื้นให้สะบัดขึ้นไปเหนือหัวอย่างรุนแรง

 

เคล๊ง!!

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้เซซิลที่ไม่ยอมปล่อยมือจากดาบคาตานะของตนนั้นถูกกระแทกจนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างควบคุมทิศทางไม่ได้พร้อมๆ กับดาบในมือของเธอ

 

“อยู่กลางอากาศทั้งๆ ที่บินไม่ได้แบบนั้นมันอันตรายนะจ๊ะ~”

 

ทันทีที่อิซานางิพูดจบ เธอก็ใช้พลังวิซของตนสร้างกระแสลมขึ้นมาเพื่อดีดร่างของตัวเองพุ่งเข้าใส่เซซิลที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศในทันที

 

ซู่มมมม!!

 

เซซิลที่เห็นว่าอีกฝ่ายพุ่งตัวตามขึ้นมาโจมตีเธอถึงบนท้องฟ้านั้นก็ต้องรีบปล่อยพลังวิซของตนใส่ถุงมือที่สวมใส่อยู่ เพื่อให้มันสร้างโล่ลมแบบเดียวกับที่เคยใช้รับมือนากาในระหว่างการสอบขึ้นมาขวางหน้าอย่างรวดเร็ว

 

เพล้ง!! ผั่วะ—

 

แต่ก็เหมือนกับว่ามันจะไม่ได้ผลกับอิซานางิเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงแม้ว่าหมัดของอิซานางิจะกระแทกเข้าใส่โล่ลมจนมันระเบิดมวลอากาศจำนวนมากออกมาแล้ว แต่มันก็ไม่สามารถทำให้ความเร็วของอีกฝ่ายนั้นลดลงได้เลยแม้แต่น้อย และหมัดของอิซานางินั้นก็ได้ฟาดเข้าใส่ท่อนแขนของเซซิลที่เธอยกขึ้นมาป้องกันจนร่างของเธอพุ่งลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง

 

โคร๊ม!!

 

“อั๊ก…”

 

เซซิลที่ร่วงลงมากระแทกพื้นนั้นได้สะบัดหน้าไปมาเพื่อตั้งสติอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอจึงได้เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อพยายามมองหาอิซานางิที่พุ่งตามขึ้นไปฟาดเธอร่วงลงมาเมื่อสักครู่ในทันที

 

“—!?”

 

และเธอก็ได้พบว่าอิซานางินั้นกำลังใช้แขนกลของเธอยื่นดาบขนาดยักษ์ออกมาไว้เบื้องหน้าในขณะที่กำลังร่วงลงมา และเป้าหมายของอีกฝ่ายนั้นก็คือตัวของเธอที่ร่วงลงมากระแทกพื้นก่อนนั่นเอง ซึ่งนั่นก็ทำให้เซซิลต้องรีบกระโจนตัวหลบออกไปจากจุดที่เธออยู่อย่างไม่คิดชีวิต

 

โคร๊ม!!!

 

ถึงแม้ว่าเซซิลจะรอดมาจากดาบขนาดยักษ์นั้นได้ก็ตามที แต่ว่าเธอก็ไม่มีเวลาได้ตั้งตัวมากนัก เพราะว่าอิซานางิได้ใช้แขนกลเหวี่ยงดาบขนาดยักษ์นั่นเข้าใส่เธออีกครั้งหนึ่งแล้ว ทำให้เซซิลต้องรีบใช้ดาบคาตานะของตนเข้ารับในทันที

 

เคล๊ง!!

 

“ชิ…!!”

 

ซึ่งด้วยน้ำหนักของดาบขนาดยักษ์และแรงของแขนกลนั้นทำให้เซซิลต้องใช้มือทั้งสองข้างเข้าจับด้ามดาบคาตานะของตนเอาไว้เพื่อออกแรงต้านมัน

 

“แหม่~ มีมือไม่พอแบบนี้นี่แย่จังเลยนะ~”

 

ในจังหวะเดียวกันนั้นเองอิซานางิที่ใช้แขนกลในการถือดาบก็พูดได้ขึ้นมา ก่อนที่เธอจะยกมือขวาขึ้นมากำหมัดให้เซซิลได้เห็น

 

“โชคดีนะที่มือของฉันยังว่างอยู่น่ะ!”

 

ผลั๊วะ!!

บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่

บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่

Status: Ongoing
เมื่อคำสัญญาจากอดีตได้หวนคืนกลับมาเพื่อทวงคืนสิ่งที่ถูกหยิบยืมไป การเดินทางของคนถูกทิ้งกลุ่มหนึ่งเพื่อจะช่วยเหลือมนุษยชาติจึงได้เริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน