ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 908 อย่าวู่วาม

ตอนที่ 908 อย่าวู่วาม

หลังจากทัพอู่เว่ยพบว่าผู้นำของพวกเขาไม่คิดจะรับพวกเขาเป็นทาสก็ต่างรู้สึกเสียดาย…

หลี่เฮยทั่นพูดอย่างเคร่งขรึมกับฝูงชน  พวกเราคงอ่อนแอเกินไป ใต้เท้าดูถูกพวกเรา!  

ทหารของทัพอู่เว่ยต่างมองหน้ากัน มันก็เป็นไปได้สูงเหมือนกัน ลองคิดดูว่าคนรับใช้เขายังมีพลังระดับหนึ่ง พวกเขาจะมีคุณสมบัติอะไรถึงมาเป็นทาสเขา…

แล้วจะทำอย่างไร บางคนใจร้อนอยากรีบบำเพ็ญแต่ปัญหาคือ… วิชาของพวกเขาช้าเร็วก็จะต้องถึงจุดคอขวด บำเพ็ญไปก็ไร้ประโยชน์

เป็นผลให้ทุกคนรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ว่าโอกาสที่หลี่ว์ซู่พูดถึงคืออะไร ในความคิดของพวกเขาหลี่ว์ซู่ คือโอกาสนั้นเอง

คนธรรมดาก็มีปัญญาแบบคนธรรมดา พวกเขาคุ้นเคยกับกาล้อไปตามแรงลมพัดเหมือนต้นหญ้าแล้วใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็ง

แต่หลี่ว์ซู่ต้องการให้พวกเขากลายเป็นต้นไม้ใหญ่ แบกรับเส้นทางอันยาวไกล

พวกจางเว่ยอวี่พบว่าเรื่องต่างๆ เริ่มพัฒนาไปในทิศทางที่พวกเขาไม่เข้าใจ

หลี่ว์ซู่ทอดถอนใจเสียงแผ่วเบา  ฉันเกือบจัดการสถานการณ์ไม่ได้ พวกนายกังวลถูกแล้ว เกือบจะเกิดจลาจลขึ้นแล้ว 

จางเว่ยอวี่มองมีหน้าของหลี่ว์ซู่ที่แฝงร่องรอยความพอใจ…

[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +666!]

คนอื่นๆ ดึงจางเว่ยอวี่ไว้  อย่าวู่วามๆ นายเอาชนะเขาไม่ได้… 

ถึงหลี่ว์ซู่จะไม่อยากควบคุมอิสรภาพของผู้อื่นแต่หลายคนร้องไห้และตะโกนว่าพวกเขาต้องการเป็นทาสก็เป็นความรู้สึกที่น่าภูมิใจเหมือนกัน หลังจากกลับไปที่โลก เขาจะพูดกับคนอื่นๆ ในเครือข่ายฟ้าดินว่า พวกนายรู้ไหม หลังจากที่ฉันไปที่นั่น มีคนมากมายอยากจะเป็นทาสฉัน…

จางเว่ยอวี่หัวเราะเยาะใส่ทหารวังในคนอื่น  ปล่อยให้เขาได้ใจไปก่อน เขาไม่รู้ว่าพันธสัญญาต้องใช้พลังจิตวิญญาณมาก คราวนี้ฉันจะไม่เตือนให้เขาแบ่งลงนามพันธสัญญาเป็นชุดๆ ฉันอยากจะเห็นผู้มีพลังระดับสี่ตัวเล็กๆ จะมีสภาพยังไงเมื่อใช้พลังจิตวิญญาณจนหมด!  

พวกเขาได้บอกหลี่ว์ซู่เรื่องวิธีการลงนามในพันธสัญญาแล้ว ในตอนนี้หลี่ว์ซู่ไล่ยอมรับพันธสัญญาและมอบพลังจิตวิญญาณให้ทหารอู่เว่ย หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ว่าเขาเริ่มเชื่อมต่อกับทัพอู่เว่ยผ่านการลงนามพันธสัญญานี้ เขาไม่สามารถควบคุมอีกฝ่ายได้แต่สามารถสัญญาณลับๆ ได้และสัญญาณประเภทนี้เป็นการส่งทางเดียว

หลี่ว์ซู่ลองคิดแต่เขาไม่ได้พูด หลี่เฮยทั่นเหมือนได้รับสัญญาณจึงวิ่งไปหยิบเก้าอี้ให้หลี่ว์ซู่ นี่คือข้อความที่หลี่ว์ซู่ส่งถึงเขา

ทันใดนั้น หลี่ว์ซู่ก็ตระหนักว่าพันธสัญญาแบบนี้…ดูเหมือนจะเกิดมาเพื่อใช้ในสนามรบ หากผู้บัญชาการมีความสามารถในการส่งข้อมูลและมีความสามารถในการสั่งการที่ดีมาก การรวมพลังทั้งสองอย่างไว้ด้วยกันจะเพิ่มพูนกำลังรบได้อย่างชัดเจนให้กับกองทัพ

จางเว่ยอวี่กำลังเฝ้าดูอยู่ เขาอยากรู้ว่าพลังจิตวิญญาณของหลี่ว์ซู่จนหมดเมื่อไหร่ ปกติแล้วพลังจิตวิญญาณเกี่ยวพันกับการบำเพ็ญ ผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งก็จะยิ่งมีพลังจิตวิญญาณที่กล้าแกร่ง

โดยทั่วไปแล้ว ต่อให้ยอดฝีมือพลังระดับหนึ่งธรรมดาก็ไม่อาจต้านทานพันธสัญญามากกว่า 3,000 คนในคราวเดียวได้

แต่คำถามคือหลี่ว์ซู่ยอมรับพันธสัญญาไปมากกว่า 1,000 คนแล้วแต่เขาก็ยังดูปกติดีอยู่!

มีคนกระซิบด้วยความประหลาดใจ  นี่คือผู้มีพลังระดับสี่จริงๆ เขายอมรับพันธสัญญาไปมากกว่าพันคนแล้ว ทำไมยังปกติดีอยู่ พวกนายดูสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปสักนิดเลย 

 รอต่อไปก่อนๆ …   จางเว่ยอวี่จ้องมองหลี่ว์ซู่

ในตอนนี้ทุกครั้งที่หลี่ว์ซู่ยอมรับพันธสัญญาเขาจะพูดกับอีกฝ่ายอย่างจริงจังว่า  ตอนนี้พวกนายไม่ใช่ทาสของฉัน ไม่ใช่เพราะฉันดูถูกพวกนาย แต่หวังว่าพวกนายจะเข้าใจความหมายของชีวิตนายเอง กินเพื่ออยู่แต่ไม่ได้อยู่เพื่อกิน ช้าเร็วสักวันหนึ่งพวกนายจะขอบคุณฉันที่มอบอิสรภาพให้ในวันนี้และสนุกกับมัน 

ทหารทัพอู่เว่ยเหมือนจะเข้าใจ ระดับวัฒนธรรมของพวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าหลี่ว์ซู่หมายถึงอะไร แต่ไม่รู้ทำไมพวกเขารู้สึกประทับใจอยู่ข้างในไม่มากก็น้อย

เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าอุดมการณ์ของหลี่ว์ซู่แตกต่างจากโลกนี้ ซึ่งในนั้นมีเสน่ห์ที่เรียกว่า  การปลุกจิตสำนึก  หรือ  เสรีภาพ 

เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าหลี่ว์ซู่ปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะมนุษย์

ในกลียุคนี้ ทาส คนเร่ร่อนได้รับการปฏิบัติเสมือนมนุษย์ เป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง

ส่วนหลี่ว์ซู่ไม่เคยคิดว่าจะพึ่งพาทัพอู่เว่ยให้ทำเรื่องยิ่งใหญ่แต่เขาเริ่มรู้สึกว่าคนกลุ่มนี้เริ่มเข้าใจหลักการของการเป็นมนุษย์และไม่เต็มใจที่จะเป็นมดอีกต่อไป

พันธสัญญานี้ดำเนินไปตั้งแต่เช้าจรดค่ำถึงจะเสร็จสิ้น ทำเอาหลี่ว์ซู่รู้สึกล้าเล็กน้อย

แต่เมื่อเขาลุกขึ้นยืน เขาก็รู้สึกสงสัยเมื่อเห็นพวกจางเว่ยอวี่กำลังมองตัวเองด้วยความประหลาดใจ…

จางเว่ยอวี่เดินมาสำรวจหลี่ว์ซู่อย่างละเอียด  อย่าฝืนไปเลย ฉันรู้ว่านายเหนื่อยมากที่ยอมรับพันธสัญญามากมายในครั้งเดียว 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าพิลึกคน  พูดอะไรนะ บ่นพึมพำอะไร… 

พูดเสร็จหลี่ว์ซู่ก็ไปฝึกกระบี่ที่ถ้ำต่อ…ทิ้งให้จางเว่ยอวี่มองหลังหลี่ว์ซู่เดินไปอย่างเคร่งขรึม

จางเว่ยอวี่ไม่รู้ว่าในวันแรกของการฝึกกระบี่ของหลี่ว์ซู่ หลี่เสียนอีก็พูดว่าพลังจิตวิญญาณคือสอ่งที่สำนักหอกระบี่บำเพ็ญฝึก

จิตวิญญาณที่ทรงพลังนั้นจะผสานไปกับฟ้าดิน จิตวิญญาณเป็นสำนึกกระบี่

สิ่งที่ลึกลับแสนจะลึกลับนี้ จนทุกวันนี้หลี่ว์ซู่ยังไม่สามารถเข้าใจได้ถ่องแท้ แต่ก็ยืนยันฝึกกระบี่มาได้นานขนาดนี้ ระดับพลังที่ทำให้พลังกระบี่ของหลี่ว์ซู่ผสานไปกับฟ้าดินได้คือพลังระดับหนึ่ง

ตอนนี้แค่ร่างกายเขายังตามไม่ทันเท่านั้นเอง

 เด็กคนนี้แปลกเสียจริง  มีคนข้างหลังจางเว่ยอวี่พูดขึ้น

 ไม่ใช่แค่แปลกแต่แปลกไปทุกที่ แต่พูดตามตรงฉันชอบนิสัยของเขา น่าสนใจมาก  ตงเยี่ยหัวเราะ

จางเว่ยอวี่ขมวดคิ้ว  ฉันไม่รู้ว่าตัวเลือกของพวกเราถูกต้องหรือเปล่า ตอนที่ฉันอยู่ในเมืองเถียนเกิ่งเคยบอกว่าเขาเป็นมังกรซ่อนเร้น ในตอนนั้นฉันเห็นว่าเขายังห่างไกลวันที่จะทะยานขึ้นฟ้า แต่ตอนนี้…ฉันรู้สึกว่าวันนั้นอยู่ไม่ไกลแล้ว 

 คิดมากไปทำไม  ตงเยี่ยหัวเราะ  ยิ่งเขาบินได้สูงเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งช่วยเราได้มากเท่านั้น ตอนฝึกทหารก็สร้างมิตรภาพดีๆ กันไว้ รอจนท่านนั้นมาหาพวกเรา พวกเราก็จะไม่ใช่คนไร้ประโยชน์อีกต่อไป อย่างน้อยก็ยังมีประโยชน์ 

 ว่าแต่ทำไมชายหนุ่มคนนี้ต้องไปที่สำนักกระท่อมกระบี่  มีคนถามขึ้น  เขามีฐานะเป็นผู้นำกองทัพในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงที่สำนักกระท่อมกระบี่ 

จางเว่ยอวี่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า  ฉันเหมือนรู้สึกว่าเขากำลังตามหาอะไรบางอย่างและสิ่งนั้นเกี่ยวพันเรื่องต่างๆ มากมาย เดิมทีฉันอยากจะบอกเขาว่าไม่จำเป็นต้องไปที่สำนักกระท่อมกระบี่ก็ได้แต่ตอนนี้ฉันไม่คิดแบบนั้นแล้ว ตอนนั้นฉันคาดหวังว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาไปที่สำนักกระท่อมกระบี่… 

 แน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเราต้องวางแผนให้กองทัพอู่เว่ยพลิกโฉมให้สำเร็จ!  

 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น!

ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย

ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน