เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 13 ต่อจากนี้ไปเธอคือคุณนายนภา
ภีมพลคีบบะหมี่เข้าปากและเคี้ยวอย่างละเอียด นี่คือการกินอาหารครั้งแรกในรอบหลายปีของเขา เขารู้สึกอร่อยมาก และไม่ทำให้คลื่นไส้เลยแม้แต่นิดเดียว
พ่อบ้านปวิธบังเอิญมาเห็นฉากนี้และรู้สึกช็อคมาก!
เหมือนกับเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก!
ภีมพลกินบะหมี่ด้วยความตั้งใจ พ่อบ้านปวิธก้าวเดินต่อไปด้านหน้า เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ฝัน!
เมื่อภีมพลได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นและหน้าซีด
“คุณภีม……” พ่อบ้านปวิธยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะน้ำชาและถามด้วยความประหลาดใจ “คุณทานอาหารได้แล้วหรอครับ? กระเพาะของคุณหายดีแล้วหรอ?”
ภีมพลตกใจเล็กน้อยและตอบกลับ “ผมจะลองดู”
“ไม่รู้สึกคลื่นไส้เลยหรอครับ?” พ่อบ้านดีใจมาก
“……” ภีมพลย้อนคิด “ก็ไม่นะ”
พ่อบ้านปวิธรู้ว่าบะหมี่นี้เป็นบะหมี่ที่คุณนภาเป็นคนทำ เขาจึงดีใจมาก ดูท่าว่าคุณนภาจะต้องเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาได้แน่ๆ!
ก่อนหน้านี้ พ่อครัวที่บ้านถูกเปลี่ยนคนแล้วคนเล่า แต่ไม่มีสักคนที่สามารถทำอาหารได้ถูกปากและตรงตามความต้องการของคุณภีมได้ ไม่ว่าเขากินอะไรเข้าไปก็มักจะอาเจียนออกมา เขาจึงได้แต่พึ่งการฉีดสารละลายธาตุอาหารแทน
คุณนภาคนนี้มีเวทมนตร์หรือไงกันนะ?
ใบหน้าของพ่อบ้านที่เข้มงวดอยู่เสมอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นี่จะต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ
ในเวลานี้ ด้านนอกฝนหยุดตกแล้วและแสดงให้เห็นดวงอาทิตย์ที่ขึ้นจากทิศตะวันออก ลานบ้านหลังฝนตกก็ดูสะอาดสดชื่นเหมือนเพิ่งล้างเสร็จ
หลังอาหารเช้า พ่อบ้านก็พาเด็กๆ ขึ้นไปชั้นบนเพื่อทำการบ้าน
นภาลัยนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทานอาหารจ้องมองไปที่แลมโบกินีคันนั้นแล้วเหม่อ จะ 8 โมงแล้ว เขายังไม่ออกไปอีกหรอ?
ใช่ เธอกำลังหลีกเลี่ยงการเจอหน้ากับเขา เมื่อถูกดวงตาทั้งสองข้างของเขาเฝ้าดู เธอมักจะรู้สึกทำอะไรไม่ค่อยถูก
ในห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่ดูเรียบง่ายแต่หรูหรา ภีมพลนั่งพับขาอยู่บนโซฟาที่สั่งทำขึ้นพิเศษ สองมือของเขากอดอกและนั่งหลังพิงโซฟา เขากำลังนั่งรอหญิงสาวคนนั้นมาลองชุดพิธีการอย่างอดทน
ไม่รู้เลยจริงๆว่าเธอจะใช้เวลากินบะหมี่ 1 ชามนานแค่ไหน!
เขากินหมดแล้ว ที่โต๊ะน้ำชาด้านหน้ามีชามเปล่าใบหนึ่งวางอยู่
เขาเกลียดการรอคอยที่สุด ในที่สุด เขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ห้องอาหาร
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องทะลุหน้าต่างเข้ามา ภีมพลได้กลิ่นหอมเป็นพิเศษ และเมื่อเขาเห็นที่เก้าอี้โต๊ะอาหารมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเหม่ออยู่ สายตาของเขาก็ยากจะคาดเดา
เขามองตามสายตานั้นไปและพบว่าเธอกำลังจ้องอยู่ที่รถของเขา
นภาลัยไม่รู้ตัวว่าภีมพลมา เธอจึงอดไม่ได้ที่จะบ่น “เป็นบ้าอะไรเนี่ย? ไม่คิดจะไปบริษัทหรือยังไงกัน?”
“คุณพูดว่าอะไรนะ คุณนายนภา?”
เธอสะดุ้ง และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไป ก็เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้า ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาทันที เหมือนกับพระพุทธรูปที่เย็นชาไม่มีผิด!
“สามีคุณเป็นคน ไม่ใช่ผี” ชายหนุ่มจ้องมองเธอและพูดขึ้น
เธอแกล้งทำเป็นสงบนิ่ง จากนั้นก็มองกลับไป หลังจากที่เธอกลอกตาใส่เขา เธอก็ลุกขึ้นยืนและเดินตามเขาไปยังห้องรับแขก
เพิ่งจะเข้ามาในห้องรับแขกเธอก็มองเห็นราวแขวนเสื้อแถวยาวเหยียดที่มีชุดพิธีการแขวนอยู่เต็มไปหมด ทั้งสีสันสดใสโดดเด่น หรูหราสง่างาม ช่างมอบความเพลิดเพลินให้กับคนที่ได้เห็นนัก
“ตอนบ่ายคุณต้องไปร่วมงานเลี้ยงกับผมงานหนึ่ง” ภีมพลยืนอยู่ด้านข้างเธอ “คุณเลือกมาสักชุดเถอะ”
นภาลัยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หันกลับไปถามด้วยความไม่แน่ใจ “คุณจะพาฉันไปเปิดตัวหรอ?”
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจว่าจะมีผู้หญิงไปออกงานด้วยหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวออกมา
“คุณน่าเกลียดถึงขนาดที่เจอคนไม่ได้เลยหรอ?” ภีมพลถามเบาๆ
นัยน์ตาสวยของหญิงสาวจ้องกลับมาที่เขา!
ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ “คุณไม่ได้เป็นมือที่สาม คุณเป็นคุณนายนภาตัวจริงเสียงจริง ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า ยังไงก็ต้องปรากฏตัวไม่ใช่หรอ?”
เขาจริงจังจริงๆ
“แต่นี่คือการแต่งงานด้วยสัญญา!” นภาลัยรู้ดีว่าการทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไม่ได้เกิดผลดีกับใครเลย และมันอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่รับไม่ไหวตามมา
“มีชื่อและมีตัวตนจริงๆ สัญญาเป็นเพียงแค่กระบวนการให้เธอปรับตัว ผมไม่ชอบการบีบบังคับ”
นภาลัยเงียบเหมือนคนใบ้อีกครั้ง
“เลือกเถอะ” ชายหนุ่มเหลือบตามองเธอเล็กน้อย “ผมขอดูรสนิยมของคุณหน่อย”
นภาลัยรู้ดีว่า ถ้าต้องการเจอลูกทุกๆ วัน ก็จะต้องทำตามสิ่งที่เขาต้องการและห้ามทำให้เขาโกรธ
“เลือกอะไรก็ได้ตามใจมาชุดหนึ่งแล้วคุณก็จะรู้รสนิยมของฉัน แต่มันมาอยู่กับคุณตรงนี้ได้ก็จะต้องเป็นชุดพิธีการที่ไม่ธรรมดาแน่นอน”
ดังนั้น เธอจึงตั้งใจเลือกมาก ชุดสีขาวชุดนั้นคุ้นตามากๆ การออกแบบที่ชายกระโปรงทั้งแปลกใหม่และมีเอกลักษณ์
“ชุดนั้นแล้วกัน” นภาลัยยื่นแขนออกไปชี้
“คุณนายนภาสายตาเฉียบแหลมจริงๆ ค่ะ” คนใช้หยิบชุดพิธีการชุดนั้นออกมาและอดไม่ได้ที่จะชม “นี่คือผลงานใหม่ล่าสุดของนักออกแบบเอ็มม่าที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ไซส์ S ค่ะ”
“ไม่ใช่ใหม่ล่าสุด เป็นของฤดูกาลที่แล้วต่างหากล่ะ” นภาลัยโพล่งออกมา
คนใช้เขินเล็กน้อย แต่ภีมพลกลับสะดุ้งเล็กๆ และมองหญิงสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่นานเขาก็ได้สติ “ไปเถอะ”