เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 29 เธอกลายเป็นยาของเขา
“คุณไม่จำเป็นต้องโมโหขนาดนี้” นภาลัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
คิดไม่ถึงว่าเขาจะบีบไหล่เธออย่างแรง และมีโทสะขึ้นมาทันที “นภาลัย ผมโกรธ เพราะผมแคร์ลูกของผม! ผมไม่อนุญาตให้ใครเห็นพวกเขาเป็นจุดอ่อนของผม!”
“…” เธอสบตากับเขา เจ็บจนต้องสูดลมหายใจ
พ่อบ้านปวิธที่อยู่อีกด้านร้อนใจอยากจะไกล่เกลี่ย แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี
“ฉันรับปากคุณก็ได้” นภาลัยไม่อยากยั่วโมโหเขา “ปล่อย”
สามวินาทีหลังจากนั้น เขาก็ปล่อยมือ และหมุนกายเดินขึ้นไปข้างบน
“คุณไม่ไปบริษัทแล้วหรอ”
“ไม่ไป”
มองดูแผ่นหลังของชายหนุ่มหายลับไปบริเวณหัวมุมบันได
พ่อบ้านปวิธอธิบายกับนภาลัยอีกครั้ง “คุณนาย คุณภีมให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นพิเศษ หวังว่าคุณนายจะสามารถเข้าใจคุณภีมได้นะครับ”
“ฉันรู้สึกว่าเขามีความคิดเกินกว่าเหตุมาก” มุมปากนภาลัยโค้งขึ้น “ไม่มีความเชื่อใจในตัวคนอื่นด้วยซ้ำ”
ตอนบ่ายนภาลัยเข้าครัว เธอลงมือเตรียมมื้อเย็นด้วยตัวเอง
แม้ว่าจะไม่มั่นใจว่าภีมพลจะกินได้หรือไม่ แต่ก็ยังลงมือทำด้วยตัวเอง พ่อบ้านปวิธรู้สึกปลาบปลื้มใจมาก หวังว่าพวกเขาจะใกล้ชิดกันมากกว่านี้อีกนิดจริงๆ
หกโมงเย็น แชมป์กับขวัญข้าวเดินไปที่หน้าห้องหนังสือ
มือเล็กๆเคาะประตู
“แด๊ดดี้?” เด็กๆผลักประตูห้องที่ปิดแต่ไม่ได้ล็อกให้เปิดออกอย่างเบามือ และเดินไปทางชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ ดวงหน้าเล็กๆนั้นงดงามอย่างสุดซึ้ง
ตอนที่เห็นลูกๆ ภีมพลก็รีบหยุดงานในมือทันที สีหน้าก็ผ่อนคลายลงมาก
“แด๊ดดี้ ลงไปกินมื้อเย็นเถอะครับ?” แชมป์ดึงมือเขา พลางเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “หม่ามี๊ยุ่งอยู่ในครัวเป็นชั่วโมงแล้ว ทำของอร่อยเต็มโต๊ะเลย แด๊ดดี้ลองลงไปชิมมั้ยครับ”
ขวัญข้าวที่ขี้อาย ไม่ค่อยกล้าทำเหมือนกับพี่ชาย เธอยืนอยู่ในจุดที่ไม่ไกล ขณะมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แด๊ดดี้คนนี้หน้าตาดีจริงๆ อดไม่ได้ที่จะมองให้บ่อยครั้งขึ้น
“ได้” ภีมพลลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าขวัญข้าว และอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา
อีกมือหนึ่งก็จูงเเชมป์ และพาลูกๆลงไปที่ชั้นล่างทั้งแบบนี้
ในห้องอาหาร ภาพที่นภาลัยสวมผ้ากันเปื้อนยกอาหารมากับป้าโสนเข้าสู่สายตาภีมพล กลิ่นอายไร้เดียงสาบนตัวเธอ ไม่ว่าจะแต่งกายยังไงก็อำพรางไม่มิด
พ่อบ้านปวิธรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นพิเศษที่คนหนึ่งยอมทำอาหาร อีกคนก็ยอมลงมากินข้าว นี่เป็นภาพที่งดงามที่สุดภาพหนึ่ง
โคมไฟคริสตัลที่สลับซับซ้อนสาดแสงสว่างไสว ส่องทั้งห้องอาหารให้สดใสพร่างพราวราวกับคริสตัล
ป้าโสนตักข้าวสี่ชาม และถอยออกจากห้องอาหารไปพร้อมกับปวิธ
“ดีจริงๆ ฉันยังกังวลว่าคุณภีมจะไม่ลงมา”
“หวังว่าคุณภีมกินแล้วจะไม่คลื่นไส้ แบบนี้คุณนายก็จะกลายเป็นยาของเขาแล้วจริงๆ”
นภาลัยหยิบช้อนตักน้ำแกงมา เธอเห็นภีมพลนั่งประจำที่อยู่กับลูกๆ
“คุณลองชิมดู” นัยน์ตาเธอสดใสสว่างไสวราวกับสายตา “ดูสิว่ากลืนลงไปได้มั้ย ถ้าหากไม่ได้ล่ะก็ ฉันจะไปต้มบะหมี่ให้คุณ” ภาพบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุขนั้นมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของลูก เธอไม่ได้เอาใจเขา
แต่ท่าทีของเธอทำให้ภีมพลอารมณ์ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
มหัศจรรย์ที่อาหารเหล่านี้ถูกปากเขามาก ภีมพลถึงกับกินข้าวไปสองชาม และไม่มีร่องรอยอาการคลื่นเหียนใดๆ
กินข้าวเข้าปากแล้วกลืนลงไปในท้อง นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
ในใจเขารู้สึกประหลาดใจเป็นพิเศษ และทะนุถนอมความรู้สึกงดงามที่สามารถกินอาหารเข้าไปได้นี้มาก
“แด๊ดดี้ เยี่ยมไปเลย! หลังจากนี้พวกเราสามารแข่งกันกินข้าวได้แล้ว!”
ความจริงแล้วนภาลัยก็รู้สึกประสบความสำเร็จมาก
วันนี้ก็ยังคงเหมือนกับเมื่อคืน แชมป์กับขวัญข้าวมาที่ห้องนอนของพวกเขา ปีนขึ้นเตียงมากางแขนแด๊ดดี้ และดันหม่ามี๊ไปไว้ในวงแขนของแด๊ดดี้
“ราตรีสวัสดิ์ครับ ขอให้ แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ฝันดี จำเอาไว้ด้วยนะครับว่าความสัมพันธ์ที่ดีของแด๊ดดี้หม่ามี๊ มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของลูกๆ” เด็กๆเอ่ย “พรุ่งนี้ไปโรงเรียนใหม่ด้วยกันนะครับ! รัก แด๊ดดี้กับหม่ามี๊นะ!”
อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศมื้อเย็นผ่อนคลายมาก นภาลัยจึงอยากจะหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ เป็นเด็กสองคนที่น่ารักฉลาดเฉลียวจริงๆ “ราตรีสวัสดิ์ ลูกรัก”
ภีมพลก็เอ่ยว่า “ราตรีสวัสดิ์”