เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 35 ความรู้สึกที่ถูกปฏิเสธ
“ภารกิจเร่งรีบของพวกเราในตอนนี้คือซ่อมแซมระบบ ดูสิว่าข้อมูลของพวกเราหายไปหรือไม่”
“ถูกต้อง เร็วเข้า”
สรุปแล้ว สำนักงานใหญ่แห่งR-Alan กรุ๊ปก็ยุ่งวุ่นวายเละเป็นโจ๊ก ถ้าหากข้อมูลหาย ความเสียหายก็จะมหาศาลแล้ว
แสงอาทิตย์อันอบอุ่นส่องลงบนโรงเรียนอนุบาล ภีมพลเห็นสภาพของลูกๆโอเคแล้ว ก็เอ่ยลาลูกๆกลับบริษัทไป
ในภายหลังแชมป์ก็ค้นพบว่ามีคนตรวจสอบตำแหน่งของเขา เขายิ้มเย็น หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาติดตั้งระบบป้องกันอย่างไม่สะทกสะท้าน
เด็กที่นั่งเล่นแท็ปเลตบนสนามหญ้าดึงดูดความสนใจของครูนาดา
คุณครูเดินไปทางเขา “แชมป์ ทำไมหนูถึงไม่ไปเล่นกับเพื่อนๆล่ะจ๊ะ”
“ผมไม่ชอบเล่นเกมส์ครับ มันอ่อนหัด” เด็กชายเอ่ยโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้น “ผมมาโรงเรียนอนุบาลเพราะจะปกป้องน้องสาว ไม่ได้มาเรียน” เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
ครูนาดายิ้มกระอักกระอ่วน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก อย่างไรเสียก็เป็นลูกคุณภีม
เธอมองแท็ปเลตเขาแวบหนึ่ง ก็มีรหัสเลขยาวเฟื้อยที่ครูนาดาดูแล้วไม่เข้าใจ เธอนึกว่าเขากำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่
ทีเอ็ม กรุ๊ป
อาคารบริษัทที่สูงตระหง่านหลายสิบชั้น logoที่สะดุดตาเรืองรอง
อาคารยิบย่อยหลายหลังตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่คึกคักที่สุดในเมือง ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สว่างไสว คล้ายกับพระราชวังที่ทำได้เพียงแค่มองแต่มิอาจเข้าใกล้ได้
ห้องทำงานประธานบริษัทอยู่ชั้นที่ 22 ของอาคาร พื้นที่ภายในห้องสามร้อยตารางเมตรเต็มๆ ใช้สีดำขาวเทาเป็นหลัก เป็นสไตล์การตกแต่งที่เรียบง่ายทันสมัย
ภีมพลที่รูปร่างสูงโปร่งยืนมือไพล่หลังอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ แววตาลึกล้ำมองไปทางนอกหน้าต่าง ใครก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เสียงฝีเท้าหนึ่งดังลอยมา เขาเก็บงำความรู้สึก แต่กลับไม่ได้หันกลับไป
“ภีมพล ดื่มกาแฟด้วยกันเถอะ”
ญาณีที่ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ภีมพลหันมา สายตามองผ่านใบหน้าเธอไปตกลงบนแก้วกาแฟที่มีควันร้อนลอยออกมาในมือเธอ แต่กลับรีรอไม่ยื่นมือออกไปรับ
“ฉันอยากจะรำลึกความหลังกับคุณ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบา “ไม่เจอกันสองปี หลายวันมานี้ทุกคนล้วนยุ่งมาก กระทั่งพูดคุยก็ยังไม่มีเวลา”
“นี่คือเวลาทำงาน” ชายหนุ่มมีท่าทีเฉยชา
หญิงสาวกลับยิ้มเจิดจ้างดงาม “ฉันรู้ แต่ว่าเลิกงานแล้วคุณก็ต้องกลับไปอยู่กับลูก ฉันเพิ่งจะออกแบบไปสองชั่วโมง ตาล้าเล็กน้อย ดังนั้นจึงออกมาเดินเล่น หลังจากคุณเลิกงาน ฉันยังต้องทำงานล่วงเวลา”
เธอถือแก้วกาแฟยื่นไปตรงหน้าเขา พร้อมกับแย้มรอยยิ้มให้อย่างอดทน หวังว่าเขาจะสามารถดื่มได้จริงๆ
ภีมพลเหลือบมองเธออีกครั้ง สองวินาทีหลังจากนั้น เขาก็ยื่นมือไปรับ และถอนสายตากลับไปมองนอกหน้าต่างต่อไป “มีเรื่องอะไรต้องคุยหรอ”
เห็นเขาดื่มกาแฟไปคำหนึ่ง ญาณีก็รู้สึกปลาบปลื้มใจ ในใจรู้สึกหวานล้ำยิ่งกว่าน้ำผึ้ง
“สองปีมานี้กรินทร์รักษาโรคกระเพาะคุณหายแล้วรึยัง” เธอเริ่มเป็นห่วงสุขภาพเขา “ยังกินอะไรไม่ได้อีกหรอ”
เขาไม่ตอบ
ญาณีถอนหายใจเบาๆ มองไปยังเมืองหลวงที่คึกคักอันคุ้นเคยตรงหน้า จิตใจก็รู้สึกหนักอึ้งอย่างน่าประหลาด “ฉันรู้จักคุณหมอคนหนึ่งที่ต่างประเทศ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคกระเพาะ ฉันนัดเขามาที่เมืองไนร์ก้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ จะหาเวลาสักสองชั่วโมงให้เขามาช่วยดูอาการคุณได้หรือเปล่า”
“ไม่ต้อง” ชายหนุ่มเอ่ย “ใช้ความคิดไปกับการออกแบบเถอะ”
“แต่ฉันนัดเขาแล้ว เขานัดยากมาก ทำไมถึงไม่ยอมรับเรื่องที่ดีกับตัวเองกัน” ญาณีกลุ้มใจเล็กน้อย “ป้านิตย์ก็เป็นห่วงคุณมากนะ”
“ผมบอกว่าไม่ต้อง” เขาเบนสายตามา น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “คุณฟังไม่เข้าใจหรอ”
“…” แน่นอนว่าญาณีไม่อยากทำให้เขาโมโห
เธอรีบเบนหัวข้อสนทนา “ความจริงแล้ว…คุณก็ไม่จำเป็นต้องรังเกียจฉันขนาดนี้ สิ่งที่ฉันทำทั้งหมดล้วนทำเพื่อคุณ”
ภีมพลดื่มกาแฟ ในห้วงความคิดปรากฏภาพของนภาลัยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่นะ?
ญาณีค้นพบว่าเขาเหม่อลอย ในใจก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่ยังคงเอ่ยต่อว่า “โอเค ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว เรื่องออกแบบนั้นฉันจะเอาใจใส่ และจะมอบชิ้นงานที่คุณพึงพอใจหนึ่งชิ้น”
เอ่ยจบ เธอก็มองเขา แต่เขากลับขี้เหนียวแม้กระทั่งสายตาที่จะใช้มองเธอ
เธอทำได้เพียงแค่หมุนกายจากไปอย่างรู้ตัว