เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 167 พายุลูกใหญ่กำลังจะมา
เมื่อภีมพลวางสายจึงหันตัวกลับ เขาเห็นลูกๆ วิ่งมาทางนี้ด้วยความรู้สึกดีใจ ใบหน้าอันหยิ่งทะนงตนเผยให้เห็นรอยยิ้มอันหล่อเหลา จากนั้นพลางก้มตัวลงและอ้าแขนทั้งสองข้างออกให้แก่เด็กๆ
“ขี่ม้ามาสนุกมั้ยครับ?”
“สนุกครับ! สนุกมากๆ เลย! นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่พวกเราได้เข้าร่วมงานแข่งม้า”
เด็กๆ กระโจนเข้าอ้อมกอดของเธอ และพูดอย่างตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“ครั้งที่สองเหรอ?” ภีมพลถาม “เมื่อก่อนหม่ามี้เคยพาลูกๆ มาร่วมงานแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“เคยไปมิลานมา!”
เขาลูบศีรษะของลูกๆอย่างแผ่วเบา ทั้งสองคนถูกเลี้ยงดูอย่างลูกคนมีฐานะจริงๆ
ญาณีมาถึงด้านข้างของพวกเขาแล้วเช่นกัน เธอก้มตัวลงพลันนำน้ำสองขวดยื่นให้ทางด้านหน้าของเด็กๆ “น้องแชมป์ น้องขวัญข้าว ดื่มน้ำหน่อยมั้ยเอ่ย? ดูสิเหงื่อไหลท่วมหัวเลยเนี่ย”
“ขอบคุณค่ะคุณน้า!”
เด็กๆ ต่างยื่นมือออกไปรับ ภาพดังกล่าวถูกถ่ายไว้อย่างเหมาะเหม็ง
“คุณพ่อ ช่วยเปิดฝาขวดให้ผมที!” แชมป์นำน้ำที่อยู่ในมือยื่นมาทางด้านหน้าภีมพล
ญาณียิ้มอย่างหวานหยดย้อย พลางก้มตัวลงและเอ่ยถาม “น้องขวัญข้าว ให้น้าช่วยหนูเปิดฝาขวดเอามั้ยเอ่ย?” ระหว่างที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็หยิบขวดน้ำในมือของขวัญข้าวมา
ภีมพลกับญาณีเปิดฝาขวดน้ำแร่พร้อมๆ กัน และก้มตัวลงเพื่อยื่นให้ถึงมือของเด็กสองคนพร้อมกัน ภาพภาพนี้ช่างเป็นความรักอันแสนอบอุ่นเป็นพิเศษ
เด็กๆ แหงนหน้ารับของ “ขอบคุณค่ะ/ครับ” รอยยิ้มอันสดใสถูกถ่ายเอาไว้เรียบร้อย
เวลาที่ภีมพลอยู่กับลูกๆ จะมีความรักของคนเป็นพ่ออย่างเต็มเปี่ยม ขนาดบรรยากาศรอบๆ ล้วนมีแต่ความเมตตา
ส่วนญาณีนั้น เธอทราบดีว่ามีสื่อมวลชนอยู่ในงานด้วย จึงควบคุมกิริยามารยาทของตนเองได้เป็นอย่างดี
รูปหลายใบพวกนั้นคล้ายว่าเป็นรูปครอบครัวอันสมบูรณ์แบบ!
ยามเมื่อภีมพลละสายตาไปจากเด็กๆ แล้ว ตอนที่มองเห็นนักข่าวกำลังถ่ายคลิปเหล่านั้นอยู่ เขาก็เหล่ตามองใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มอิ่มเอมใจของญาณีอย่างรวดเร็วอีกครั้ง จึงหุบยิ้มทันที และจูงมือพาลูกๆ เดินออกไป
เรียกร้องความสนใจ!
ญาณีชะเง้อมองแผ่นหลังของพวกเขาที่เดินจากไป จนเกิดอาการตะลึงเล็กน้อย และรู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจ
รีพัลส์เบย์ วิลล่า เมืองไนร์ก้า
ภายในห้องวิจัยยาที่อยู่ชั้นบน
นภาลัยหาเวลาว่างในการพัฒนาตัวยารักษาอาการโรคกระเพาะ เธอหวังว่าสามารถรักษาอาการโรคกระเพาะของเขาให้หายขาดก่อนที่เธอจะจากไป
เมื่อเธอโทรศัพท์ดังขึ้น พอเห็นว่าชื่อที่ปรากฏขึ้นมา นภาลัยอารมณ์ดีขึ้นถนัดตา เธอถอดถุงมือออกจากนั้นจึงกดรับสาย “ฮัลโหลค่ะ”
“ยุ่งอยู่เหรอ?” เสียงภีมพลอันคุ้นเคยและแสนอบอุ่น
“อื้อค่ะ”
“ไตร่ตรองคำถามนั้นของผมอย่างจริงจังบ้างมั้ยครับ?”
“คำถามไหนคะ?”
ภีมพลเตือน “ก็คำถามนั้นไงที่คุณพูดว่ารอให้ผมกลับไปแล้วจะให้คำตอบผม”
“…” แก้มนภาลัยแดงระเรื่อ เธอรักเขาแล้วนี่ ถ้าไม่รัก จะมัวมานั่งทนรับการรังแกเหยียดหยามอยู่ที่นี่ทำไมกัน?
แต่จะรักเขาได้มั้ย? ระยะห่างเหมือนมีแม่น้ำเป็นหมื่นๆ สายมาขวางกั้น
“ทำไมเหรอ? คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” ภีมพลเป็นปีศาจ มักจับสัมผัสได้ว่าเธอกำลังคิดเตลิดไปไกล
เธอเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “คุณจะกลับมาเมื่อไหร่คะ?”
“จะเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ครับ” เสียงของเขาคล้ายเป็นกระแสน้ำอุ่นไหลผ่าน “คุณอยากได้ของขวัญอะไรมั้ย? ผมซื้อให้”
“ฉันซื้อเองไม่ไหวเหรอคะ?” เธอถามติดตลก
“ไม่ใช่แบบนั้น”
“แล้วคุณรู้ความหมายของของขวัญมั้ยล่ะ?” นภาลัยเดินมาหยุดด้านหน้าหน้าต่าง เธอมองวิวทิวทัศน์ที่อยู่นอกหน้าต่าง “ของขวัญก็คือสิ่งของที่นำไว้เซอร์ไพรส์ ดังนั้นตอนที่ส่งของขวัญให้แก่คนอื่นไม่ต้องไปถามว่าเขาอยากได้อะไร”
เธอพูดอย่างอารมณ์ดี “แค่คุณให้ ฉันก็ดีใจมากค่ะ และจะมองเป็นสิ่งของอันทรงคุณค่าไว้ตลอด!” ทำอย่างกับกำลังสอนเขาว่าจะเริ่มรักยังไงอย่างงั้น
เมื่อภีมพลได้ยินคำพูดนี้ เขาเองก็อารมณ์ดีตาม “ตกลง ผมจำไว้แล้ว” เขาหัวเราะออกมา
เธอเองก็หัวเราะตาม แต่ในใจนั้นกลับรู้สึกขื่นขมเล็กน้อย
“แม่คุณกลับมาแล้วแหละ” นภาลัยมองเห็นรถลีมูซีนลินคอล์นขับเข้ามาในลานบ้าน เธอหุบยิ้มทันควัน พลันพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอวางสายก่อนนะคะ”
“ผมต้องยินดีกับคุณด้วย” ภีมพลแย่งพูด
“อะไรนะ?”
เขาหัวเราะ “ยินดีที่คุณสยบคนที่เอาใจยากที่สุดของแม่ผมได้ในเวลาแค่วันสองวันเอง!”
เธอไม่เข้าใจในความหมายของเขา
แต่เมื่อมองเห็นคะนึงนิตย์ลงจากรถ ผ้าไหมกำลังประคองให้เธอเดินมุ่งหน้าเข้ามาในห้องนั่งเล่น ไม่แน่อาจจะมุ่งตรงขึ้นชั้นบนเลย เธอเกิดอาการไม่สบายขึ้นมาเล็กน้อย
ชั้นล่าง นภาลัยเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นหน้าตาถมึงทึง เอ่ยถามด้วยเสียงเย็นเฉียบ “นภาลัยล่ะ?”
“ค่ะคุณนาย เธออยู่ข้างบนค่ะ” มีคนรับใช้ตอบเสียงแผ่วเบา
เธอเดินขึ้นชั้นบนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ในมือถือสัญญาที่มีมูลค่าเป็นพันล้านฉบับนั้นเอาไว้