เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 171 เหมือนตัวตลก
เธอกวาดสายตามองไปกลางฝูงชน ในที่สุดเธอก็พบภีมพลอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่จูงแชมป์และขวัญข้าวเอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกอิจฉา
เขาเป็นพ่อที่ดีจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่ตนเองไม่ใช่แม่
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอย่างช้า ๆ ปราสาทสว่างไสวขึ้น สนามขนาดใหญ่ได้รับการตกแต่งอย่างดี เต็มไปด้วยแสงไฟกะพริบที่สวยงาม
เหล้าชั้นดี ขนม ดนตรี พนักงานบริการสวมเครื่องแบบ แขกที่แต่งตัวสวยงามกำลังสนทนาและหัวเราะ
เป็นค่ำคืนที่รื่นรมย์และดีงามจริง ๆ
แต่กระทั่งกระบวนการทั้งหมดของพิธีก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่เสร็จสิ้นแล้ว แต่ญาณีก็ยังไม่ได้ยินเรื่องการเป็นพรีเซนเตอร์แหวน เธอยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิม มองแขกแยกย้ายกันไป และข่าวดีที่เธอได้ยินตอนบ่ายนั้นมันเป็นเหมือนความฝัน
เมื่อเวลาดึกขึ้นเรื่อย ๆ แขกมากมายเริ่มทยอยกลับ
เธอเฝ้ามองรถขับออกไปจากปราสาททีละคัน…..
ญาณีรู้สึกกระสับกระส่าย เธอขมวดคิ้วด้วยความกังวลและมองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาใครบางคน
สุดท้าย เธอยกกระโปรงขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้า!
เธอเดินมาถึงริมสระว่ายน้ำ เธอมองสาวใช้ชาวฟิลิปปินส์สองคนที่กำลังทำความสะอาดถ้วยชาม ซึ่งพวกเธอเป็นคนที่บอกข่าวดีให้เธอในตอนบ่าย
“คุณญาณี?” สาวใช้ชาวฟิลิปปินส์ทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม “ทำไมคุณไม่ไปเต้นรำค่ะ?” มีคนหนุ่มสาวหลายคนเต้นรำอยู่ไม่ไกล
“ตอนบ่ายพวกคุณบอกฉันว่าคุณเอ็ดจะเชิญฉันและคุณภีมเป็นพรีเซนเตอร์แหวน แต่ทำไมจนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ประกาศข่าวนี้อีก? แขกก็แยกย้ายกลับเกือบหมดแล้ว” เธอถามด้วยความสุภาพ แต่ในใจของเธอนั้นรู้สึกกังวลมาก
สาวใช้ชาวฟิลิปปินส์สองคนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ จากนั้นหันมาสบตากัน
หนึ่งในนั้นกล่าวขอโทษว่า “ต้องขอโทษด้วยที่พวกเราลืมแจ้งคุณ เพราะคุณภีมปฏิเสธ ดังนั้นจึงยกเลิกเรื่องที่จะให้คุณเป็นพรีเซนเตอร์”
“ปฏิเสธ?” ญาณีรู้สึกตกใจและไม่เชื่อ “เขาจะปฏิเสธคำขอของคุณเอ็ดได้อย่างไร?”
“เขาไม่ได้ปฏิเสธที่จะเป็นพรีเซนเตอร์ เพียงแต่เขาปฏิเสธที่จะเป็นพรีเซนเตอร์ร่วมกับคุณเท่านั้น” สาวใช้ชาวฟิลิปปินส์กล่าวตามตรง แต่หลังจากกล่าวจบ เธอก็รู้สึกว่าการพูดแบบนี้มันไม่ค่อยเหมาะสม แต่มีเพียงประโยคนี้เท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ชัดเจนที่สุด
สิ่งที่ตามมาคือความเงียบที่น่าอึดอัด……
“คุณญาณี ขอโทษด้วย พวกเราขอตัวไปทำงานก่อน” คนใช้ชาวฟิลิปปินส์สองคนเก็บถ้วยชามแล้วเดินจากไป
สายลมเย็นยามราตรีพัดมา ทำให้ญาณีรู้สึกตัว ตอนนี้เธอรู้สึกสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง
“ขวัญข้าว ถ้าลูกอายุสิบขวบ พ่อจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ใหญ่กว่างานวันนี้!”
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าขาของตนเองหนักมาก แล้วเสียงคุ้นเคยของผู้ชายก็ล่องลอยมากับสายลม ญาณีหันไปมองตามเสียง เธอเห็นภีมพลกำลังนั่งอยู่บนสนามหญ้าที่อยู่ไม่ไกล มือทั้งสองข้างจับไหล่ของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความรัก
ยังไม่ทันที่ขวัญข้าวจะรู้สึกซาบซึ้ง แชมป์ก็เดินเข้าไป “คุณพ่อ! ทำไมไม่จัดงานให้ผมด้วย?!”
ภีมพลมองเขา “ลูกเป็นผู้ชาย แต่นี่เป็นความฝันของเจ้าหญิง เด็กผู้หญิงต้องมีความทรงจำดี ๆ ในชีวิตวัยเด็กบ้าง นี่จะเป็นความมั่นใจสำหรับเธอ เพราะอนาคตน้องสาวจะต้องแต่งงานออกไป ส่วนลูกนั้นแตกต่างกัน ลูกเป็นทายาทสืบทอดของทีเอ็ม กรุ๊ปในอนาคต ลูกไม่สนใจงานเลี้ยงวันเกิดแบบนี้ใช่ไหม? ผู้ชายอย่างพวกเรามีแต่งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จเท่านั้น!”
แชมป์หัวเราะ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว และเขาไม่ได้รู้สึกว่าพ่อลำเอียง
“ถ้าหนูโตขึ้น หนูจะแต่งงานกับผู้ชายที่เหมือนคุณพ่อ!” ขวัญข้าวกล่าวจากก้นบึ้งหัวใจ “ได้ไหมคะ? ”
“ไม่ได้” ภีมพลกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ลูกต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ดีกว่าพ่อ”
ญาณีได้ยินทุกคำ มันเป็นเหมือนหนามที่กำลังทิ่มแทงหัวใจของเธอ
ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดมาก ราวกับลูกศรนับพันแทงทะลุหัวใจ ทุกความทรงจำในวัยเด็กของเธอ เขาเป็นผู้ชายที่เธอตกหลุมรักตั้งแต่อายุสิบเอ็ดขวบ ตอนนี้ยิ่งอยู่เขายิ่งห่างไกลจากเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมืองไนร์ก้า รีพัลส์เบย์ วิลล่า
นภาลัยเพิ่งเดินออกมาจากห้องวิจัยยา เธอกลับไปที่ห้องนอนแล้วมองเงาตัวเองในกระจก มุมปากของเธอช้ำและแก้มบวมเล็กน้อย เธอใช้คอนซีลเลอร์ทาเพื่อปกปิดรอยฟกช้ำ
ต้องกลับไปเอายาแผนโบราณสองชนิดที่หมู่บ้านซันไลต์ เพื่อใช้วิจัยและผลิตรักษาโรคกระเพาะให้ภีมพล เพราะมันไม่มีขายในร้านขายยาทั่วไป
เธอไม่สามารถให้สาวินเห็นบาดแผลบนใบหน้าของตนเองได้ เพราะไม่อยากจะทำให้เขาเป็นห่วง
เธอถูกคะนึงนิตย์ตบหน้าจนฟันโยก และรู้สึกปวดฟันเป็นระยะ ว่ากันไว้ว่าอาการปวดฟันไม่ใช่ความเจ็บป่วย แต่เมื่อปวดขึ้นมาแล้วมันทรมานมาก
หลังจากลงมาข้างล่างแล้ว นภาลัยบอกผ้าไหมว่าตนเองจะไปทำอะไร จากนั้นเธอก็กล่าวว่า “ฉันไม่ได้ขอคำแนะนำ ฉันไม่ใช่นักโทษเช่นกัน ถ้าเธอถามขึ้นมา คุณแค่บอกเธอตามที่ฉันบอกก็พอ” หลังจากกล่าวจบ เธอก็เดินออกจากห้องรับแขกทันที
ผ้าไหมมองร่างที่เดินจากไป สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ คุณนายนภาไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่าย ๆ! เมื่อสักครู่เธอดุดันเช่นกัน!