เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 238 สถานการณ์ของภีมพล
แม้ว่าภีมพล จะดูแลเขาอย่างลับๆ ตั้งแต่เด็กจนโต แต่ทั้งสองแทบไม่มีการพูดคุยกันเลย
ไวศิษฎ์รู้ว่าภีมพลไม่ชอบเขา แต่ต้องรับผิดชอบเพราะหน้าที่หรือสิ่งที่ติดค้างไว้
เขาไม่ได้รู้สึกพอใจกับนำผู้หญิงของภีมพลมาไว้ข้างกายมากนัก เพราะนภาลัยไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไป เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เข้าตาไวศิษฎ์
ที่ชั้นบน นภาลัยกินยาอย่างเชื่อฟัง เธอวางแก้วน้ำลงและยังคงนั่งพิงหัวเตียง
เธอไม่ได้รู้สึกเศร้าที่สูญเสียลูกไปเลย และไม่คิดถึงร่างกาย ความคิดทั้งหมดของเธออยู่ที่ภีมพล
ความทรงจำยังคงอยู่ในสภาวะตึงเครียดของห้องฉุกเฉิน
ในคืนนั้น ไม่ว่าในฝันหรือนอกความฝันเธอก็เอาที่คิดถึงภีมพล จนรู้สึกว่าตัวเองมีอาการผิดปกติทางจิต
เธอนอนอยู่บนเตียงกับหมอนข้างและไม่รู้ตัวว่าหลับไปตอนไหน
เธอเหนื่อยล้าและคิดถึงเขามาก… เธอรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก หากเธอข้ามถนนช้ากว่านั้นจะดีกว่านี้หรือเปล่า?
ในหอผู้ป่วยหนักระดับวีไอพี ประเทศนิวยอร์ก
ห้องนอนชั้นในสุดของห้องสวีทสุดหรู ในที่สุดภีมพลก็พ้นขีดอันตรายหลังจากพยายามช่วยเหลือมา 36 ชั่วโมง แต่เขายังไม่ฟื้น
ผ้าก๊อซหนาพันรอบศีรษะของเขา แขนของเขาถูกใส่เฝือกและบาดแผลต่างๆ บนร่างกายของเขาถูกเย็บอย่างดี
ญาณีที่ซูบผอมลงนั่งลงที่หน้าเตียง จ้องมองเขาอย่างมึนงง น้ำตาเริ่มเหือดแห้ง
“เมื่อไหร่เขาจะฟื้น?” คะนึงนิตย์ถามหมอด้วยความเจ็บปวด
หมอดูเคร่งขรึมและตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า “จะฟื้นหรือไม่ ฟื้นเมื่อไรขึ้นอยู่กับโชคของคุณภีม”
หน้าอกของเธอหดตัวลงทันที “คุณหมายความว่ายังไง?”
ในเวลานั้น กรินทร์เอ่ยปากพูดเป็นภาษาจีนว่า “หมายความว่าคุณภีมอาจกลายเป็นเจ้าชายนิทราน่ะครับ” เขาระบุประเด็นสำคัญอย่างเรียบง่ายและชัดเจน
ตูม!
ไม่มีการโต้แย้งใดๆ แต่คำพูดนั้นทำให้คะนึงนิตย์และญาณีตัวสั่นสะท้าน ที่ก้นบึ้งของหัวใจของเธอเจ็บปวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะมองเขาด้วยความประหลาดใจ
ครึ่งเดือนต่อมา…
ณ เมืองไนร์ก้า ดวงจันทร์กำลังลับขอบฟ้าและดวงอาทิตย์เริ่มฉายแสง
แสงแดดยามเช้าที่สวยงามส่องลงมายังวิลล่าหลังใหญ่ริมทะเล แสงนวลตาส่องเข้ามาทางหน้าต่างและสาดส่องลงบนเตียงนุ่มอย่างเงียบสงัด
นภาลัยลืมตาช้าๆ เธอนอนตะแคงโดยไม่ขยับ เพียงแค่กะพริบตา น้ำในตาก็ไหลออกมาอย่างอธิบายไม่ถูก…
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เธอลืมตาขึ้นจากการนอนหลับ เธอมักจะรู้สึกสิ้นหวังอยู่เสมอ
เธอยังคงพูดน้อยมากและปิดกั้นตัวเอง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอยังเฉยเมยเหมือนหุ่นเชิดไม่มีความคิดใดๆ
พี่กุ้งเปิดประตูเข้ามาพลางเดินมาที่เตียง “คุณนภา วันนี้อากาศดี คุณอยากจะลงไปทานอาหารเช้าที่ชั้นล่างไหมคะ?คุณชายศิษฎ์กำลังรอคุณอยู่”
นภาลัยทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของเธอ
พี่กุ้งกล่าวเสริมว่า “เขาบอกว่าถ้าคุณไม่ลงไป เขาจะยกอาหารขึ้นมา”
นภาลัยยังคงเฉยเมยและน้ำตาที่เย็นชาก็เปื้อนหมอน
เธอคิดถึงภีมพลมาก…
ครึ่งเดือนผ่านไป เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง
เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจระหว่างคุณชายศิษฎ์กับเธอ พี่กุ้งถอนหายใจและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณนภา ช่วงนี้คุณชายศิษฎ์อ่อนแอมาก เขายังยืนกรานที่จะรีบไปที่กองถ่ายทุกวัน เขาสูญเสียเลือดไป 2,000 มิลลิลิตร แต่ยังออกไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้คุณ แถมยังเป็นลมไปแล้วถึงสองครั้ง”
2,000 มิลลิลิตร?
การแสดงออกของนภาลัยตกตะลึง เธอพยุงตัวเองขึ้นและสบตากับอีกฝ่ายด้วยความไม่เชื่อ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพี่กุ้ง “คุณยินดีที่จะลงไปข้างล่างไหมคะ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอคุณที่ประตู คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ได้ค่ะ” แถมหมอยังบอกอีกว่าหลังจากครึ่งเดือนผ่านไป เธอควรลุกขึ้นเดินถึงจะถูกต้อง ไม่ควรนอนอยู่ในห้องทุกวัน
พี่กุ้งจากไปและปิดประตูเบา ๆ
ห้านาทีต่อมา
นภาลัยเปิดประตูห้องนอน 2,000 มิลลิลิตร? เขาบ้าไปแล้วเหรอ?
เธอปรากฏตัวต่อหน้าพี่กุ้งในชุดเสื้อผ้าที่สะอาดเรียบร้อย
พี่กุ้งยิ้มทักทายเธออย่างกระตือรือร้น “คุณนภา อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์” เธอไม่มีอารมณ์ใด แค่เหลือบมองเธออย่างสงบแล้วเดินไปที่บันได
หลังจากที่นภาลัยลงบันไดและเดินเข้าไปในห้องอาหาร เธอก็ได้กลิ่นหอมของดอกลิลลี่ในอากาศ และเห็นดอกลิลลี่สีเหลืองสองดอกที่บาร์
กลีบดอกยังคงเปื้อนน้ำค้างอยู่ และดูเหมือนเพิ่งจะใส่เข้าไปใหม่
“คุณนภา คุณชายศิษฎ์ไปร้านดอกไม้เพื่อซื้อดอกไม้พวกนี้ในตอนเช้า เขาบอกว่าคุณต้องมันแน่ๆ”
เธอเห็นไวศิษฎ์ในชุดสเวตเตอร์สีขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ทานอาหารพร้อมแก้วนมในมือ มองขึ้นไปที่เธอ
ดวงตาทั้งสองมาบรรจบกัน
ไวศิษฎ์ประหลาดใจ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่แสดงอารมณ์ แต่เขาก็ยังสง่างามเสมอ