เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 527 โกรธแทบระเบิดแล้ว
เสียงปรบมือดังขึ้น
คะนึงนิตย์ในฐานะเป็นผู้ใหญ่ในตระกูลกงพลีก็กล่าวแถลงสั้นๆ เรียบง่ายเช่นกัน หลักๆ คือขอบคุณทุกคน
นี่แทบจะเป็นจุดไคลแม็กซ์ของงานเลี้ยงการกุศล เพราะตั้งแต่เธอเกิดเพลิงไหม้ ก็ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน โลกภายนอกเล่าลือกันด้วยซ้ำว่าเธอตายไปแล้ว
สื่อนับไม่ถ้วนถ่ายเธออย่างบ้าคลั่ง กล้องดังแชะๆ กล้องวิดีโอบันทึกทุกอิริยาบถของเธอ รวมถึงทุกประโยคที่พูด
ในฐานะภรรยาภีมพล รองประธานบริษัทคนใหม่ นภาลัยก็มีการกล่าวแถลงในโอกาสสำคัญเช่นนี้เหมือนกัน——
“ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนกิจการการกุศล และขอบคุณน้ำใจของทุกคนด้วยนะคะ” เธอสุขุมและมั่นใจ สุภาพเรียบร้อย “ฉันเชื่อมั่นมาโดยตลอด หากทุกคนมอบความรักคนละนิด โลกใบนี้จะกลายเป็นโลกที่งดงามค่ะ”
เสียงปรบมือดังครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกคนส่งสายตาอิจฉาให้เธอ
โชคดีทั้งสามชาติจริงๆ ถึงได้แต่งงานเข้าตระกูลกงพลีได้ เงินบริจาคเจ็ดพันห้าร้อยล้านบาท แสดงว่าเงินปกติก็ให้เธอเป็นคนใช้ไม่ใช่หรือไง?
วันนี้งานเลี้ยงมีการถ่ายทอดสดในงาน
ทุกการเคลื่อนไหวในงานถูกถ่ายทอดสดออกไปตั้งแต่แรก รวมถึงหน้าจอแสดงผลในห้างขนาดใหญ่ต่างๆ ในเมืองไนร์ก้าก็ฉายในจังหวะเดียวกัน
“พระเจ้า เจ็ดพันห้าร้อยล้านบาท? ใจกว้างมากอ่ะ!”
“มากกว่าห้าปีก่อนถึงสามเท่า คุณภีมเป็นผู้เสียสละจริงด้วย!”
“ไม่กี่ปีมานี้หาเงินได้เยอะขึ้นใช่ไหม? บริษัทพัฒนาอย่างก้าวกระโดด”
“รวยก็ต้องยอมบริจาคสิ ตอนนี้มีพวกผู้ประกอบการที่ขี้เหนียวเยอะมาก”
“หล่อขนาดนี้ แถมรวยขนาดนี้ น่าอิจฉาภรรยาของเขาจังเลย!”
“นั่นสิ ฉันก็อิจฉา ทุกเช้าลืมตาขึ้นมาก็เห็นสามีหล่อเหลาร่ำรวยแบบนี้ อารมณ์ดีทั้งวันแน่ๆ นี่เป็นความสุขอย่างหนึ่งใช่เปล่า?”
ผู้หญิงจำนวนมากยืนนิ่งด้านหน้าห้างที่มีผู้คนเบียดเสียด ดูการถ่ายทอดสดด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน และรู้สึกเดือดพล่านเลือดร้อนตามมา
ณ เมืองไนร์ก้า ในคอนโดแห่งหนึ่ง
ญาณีนั่งโซฟาในห้องรับแขก เธอนั่งไขว่ห้าง จ้องมองจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะชาอย่างเยือกเย็น ภาพการถ่ายทอดสดความละเอียดเฟรมสูงกระตุ้นความทรงจำอันไม่มีสิ้นสุดของเธอ
ห้าปีก่อน สิบปีก่อน สิบห้าปีก่อน เธออยู่เคียงข้างภีมพลเสมอ เธอจะยืนตำแหน่งนั้นกล่าวคำปราศรัย และจะได้รับเสียงปรบมืออันนับไม่ถ้วน
แต่วันนี้……คนเปลี่ยนแต่วิวทิวทัศน์ยังเหมือนเดิม
เพื่อค่ำคืนนี้ วริศเตรียมการมาหลายเดือน ญาณีรู้ข้อเท็จจริงนี้
สมัยก่อนจะมีการถ่ายทอดสดทุกครั้ง ฉะนั้นเธอจึงคาดการณ์ว่าคืนนี้จะถ่ายทอดสด
จ้องมองหน้าจออย่างเยือกเย็น เมื่อเธอเห็นคะนึงนิตย์จูงมือนภาลัยขึ้นมาก่อน ฉากนี้มันทิ่มแทงหัวใจเธออย่างสุดซึ้ง
รอยยิ้มบนหน้าพวกเธอมีความสุขเช่นนี้ มันเสแสร้งออกมาไม่ได้เลย เป็นการแสดงออกด้วยใจจริง
เมื่อเทียบกับสภาพซึมเศร้าของตัวเองในทุกวันนี้ คนในตระกูลกงพลีใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผย จู่ๆ ญาณีก็รู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่า
เธออยู่ในสภาพยับเยิน เธอเต็มไปด้วยบาดแผล พยายามฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
เธอไม่ยินยอม ราวกับโอบอุ้มความหวังอันลวงตาเพียงน้อยนิดอยู่ ปฏิเสธการเชื้อเชิญจากบริษัทอื่นอยู่เสมอ
เธอทำให้ R-Alan กรุ๊ปไม่พอใจ โอ้อวดชัยเดช เธออาจจะอันตรายถึงแก่ชีวิต
แต่ภีมพลล่ะ? นภาลัยล่ะ? คนในตระกูลกงพลีล่ะ?
พวกเขาห้าคนในครอบครัวออกงานกันอย่างชื่นมื่น แถมแม่สามีลูกสะใภ้ยังสวมชุดสีเดียวกันอีก! เป็นการแสดงความรักให้คนทั้งโลก!
นี่เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่วัน?
ป้านิตย์โดนนภาลัยซื้อมาเป็นพวกได้สำเร็จแล้วเหรอ?
ในภาพวิดีโอ ใบหน้าผู้หญิงสองคนนั้นมีรอยยิ้มที่สะดุดตาที่สุด แผดเผาดวงตาญาณีให้เจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง เธอตบปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดูไม่ลงอีกต่อไป!
ทำหน้าเย็นชานั่งที่โซฟา อารมณ์ยากที่จะสงบเป็นเวลานาน ยิ่งคิดยิ่งโกรธ ในดวงตาเต็มไปด้วยรังสีแห่งความอาฆาตแค้น!
เสแสร้ง!
ความรักที่คะนึงนิตย์มีให้เธอเป็นการเสแสร้งทั้งนั้น! คำมั่นสัญญาที่ให้เธอก็เป็นคำหลอกลวง!
ภีมพลไม่รักตน ญาณียอมรับได้ ยังไงก็ไม่เคยรักอยู่แล้ว
แต่คะนึงนิตย์ล่ะ?
คะนึงนิตย์ยอมรับญาณีอย่างเธอเป็นลูกสะใภ้แห่งตระกูลกงพลีด้วยใจจริง!! เธอเป็นแบบนี้ได้ยังไง?!
เธอเคยมอบคำสัญญาและความหวังนับไม่ถ้วน เธอยอมรับนภาลัยได้ยังไง?!
ญาณีรับไม่ไหวแล้ว ความอัปยศสุดจะพรรณนาลุกลามจากฝ่าเท้าเธอมายังหัวใจ เลือดพุ่งเข้าไปในสมองเธอ เธอรู้สึกตัวเองโกรธแทบระเบิดแล้ว!