เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 635 ทำไมต้องหลบ?
สายตาเรียบนิ่งของนภาลัยเจือปนไปด้วยรอยยิ้ม แถมยังดูน่ามองและอ่อนโยนแปลกๆ
ซึ่งมันทำให้ญาณีประหลาดใจ เธอจึงเดินมาหยุดตรงหน้าอีกฝ่าย “……..” เพื่ออ่านความคิดของอีกฝ่ายให้ออก
“คุณนภา ดูนี่! ผักเป็ด!”
จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มาจากด้านหลังของญาณี กำลังวิ่งเข้ามาหานภาลัย พร้อมกับโชว์ผักป่าในมือให้ดู
ญาณีหันไปมองผู้หญิงคนนั้น จึงได้รู้ว่าสายตาอ่อนโยนของนภาลัยเมื่อสักครู่มาจากการที่เธอมองผู้หญิงตรงหน้า
จากนั้นนภาลัยก็เดินเฉียดไหล่เธอไป แล้วสองคนนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปพร้อมกัน “งั้นวันนี้เราเอาผักนี้ไปทำอาหารกินดีไหม?”
“ดีๆ! ต้องอร่อยมากแน่ๆ!”
เมื่อมองตามแผ่นหลังของพวกเธอ รอยยิ้มของญาณีก็แข็งค้าง ในใจรู้สึกฮึดฮัดที่ถูกนภาลัยมองข้าม!
“ทุกคน เรากลับเลยดีไหม? เล่นกันมานานพอสมควรแล้ว กลับไปหาอะไรเติมท้องดีกว่า” มีคนเอ่ยเสนอให้กลับ
“ดีๆ กลับกันเถอะ!”
อันที่จริงพวกเขามาที่นี่นานพอสมควร ตั้งแต่ตีห้าก็ออกเดินทางแล้ว
คนที่อยู่ในน้ำก็เริ่มทยอยขึ้นฝั่ง เตรียมตัวกลับ
พวกเขาเดินผ่านญาณีไป บางคนถึงขั้นเดินชนไหล่ อย่างกับเห็นเธอเป็นมนุษย์ล่องหน
ไม่เพียงแค่เห็นเธอเป็นมนุษย์ล่องหนคนเดียว แต่กับทีมงานของเธอก็ด้วย มองข้ามกันอย่างสมบูรณ์แบบ
“……..” สิ่งนี้ทำให้ญาณีที่แข็งแกร่งมาตลอดรู้สึกเสียหน้า
ตอนที่คนพวกนี้ยังอยู่ที่บริษัทต่างก็เรียกเธอว่าท่านประธานอย่างนั้นท่านประธานอย่างนี้ แถมยังเคารพนอบน้อมสุดๆ
กลุ่มของนภาลัยเดินออกไปไกลแล้ว…..แถมพวกเขายังช่วยพยุงและช่วยจับกันและกัน
“พวกนั้นมาทำไม” หลังจากเดินออกมาไกลแล้ว ในที่สุดก็มีคนเอ่ยแขวะออกมา “คิดว่ามาแล้วจะออกแบบผลงานดีๆเหมือนเราได้เหรอ?”
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนก็หัวเราะเยาะ แววตาที่มีต่อญาณีมีแต่ความดูถูกดูแคลน
ด้านนภาลัยกลับกำลังคิดอีกเรื่อง ใครเป็นคนปล่อยข้อมูลออกไป? ฝั่งนั้นตามมาในตำแหน่งที่ตั้งเป๊ะขนาดนี้ ไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
บริเวณหน้าบ้านมีควันไฟจากการทำอาหารลอยฟุ้ง
คุณป้าทั้งสองทำอาหารเช้าที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารไว้มากมายหลายอย่าง ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูง่ายๆ
หลังจากที่ทุกคนกลับมาจากน้ำตก ล้างมือเสร็จสรรพก็เข้ามาล้อมโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่กลางลานบ้าน
ไม่นานหลังจากนั้น ภาพของคนกลุ่มหนึ่ง เดินเรียบโขดหินตรงมาทางนี้ก็ปรากฏสู่สายตา
“คุณนภา ญานีมาล่ะ”มีคนกระซิบเสียงเบา ทั้งยังมองไปยังคนกลุ่มนั้นอย่างระแวง
นภาลัยเงยหน้า ไม่ได้หันกลับไปมองในทันที ยังคงยืนหันหลังให้ญาณีอยู่อย่างนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
อยากจะหลบก็หลบไม่พ้นสินะ?
ว่าแต่ ทำไมเธอต้องหลบด้วยล่ะ?
คิดได้แบบนี้นภาลัยก็หันหลังกลับไป ช้อนตามองอีกฝ่าย มุมปากยกยิ้มบางๆ พร้อมทั้งตักซุปไก่เข้าปาก
ญาณีมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เอ่ยถามอย่างเรียบนิ่งว่า “ได้ยินมาว่าการคิดอยู่ในกรอบสร้างผลงานที่ดีไม่ได้? ไม่รู้ว่าการมาในที่ที่เป็นธรรมชาติแบบนี้ พวกเธอสร้างผลงานอะไรได้บ้างหรือยัง?”
แม้ว่าทีมออกแบบของR-Alan กรุ๊ปจะไม่ชอบญาณี แต่เพราะค่อนข้างเกรงกลัวทีมออกแบบของทีเอ็ม กรุ๊ป เพราะพวกเขาเป็นศัตรูที่เก่งกาจมาก
ดังนั้นเมื่อเห็นญาณียั่วยุอีกฝ่าย จึงไม่มีใครพูดปรามสักคน
กลับเป็นนักออกแบบผู้ชายฝั่งนภาลัยพูดเปิดศึกว่า “แน่อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ผลงานธรรมดานะ ผลงานชิ้นเอกพวกเราก็สร้างเสร็จแล้ว แต่มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับคุณนี่? คนทรยศ!”
คำว่า “คนทรยศ” ทิ่มแทงหัวใจของญาณีราวกับปลายมีด
เธอมองหน้าชายหนุ่มอย่างเหม่อๆ ด้วยสีหน้าซีดเซียว ทั้งสองเคยแม้กระทั่งถ่ายรูปคู่กัน อีกฝ่ายยังเคยเรียกเธอว่าคุณญาณีอยู่เลย
“”ระวังคำพูดของนายด้วย” ญาณีเอ่ยเตือน “ทุกคนมีทางเลือกเป็นของตัวเองทั้งนั้น นายกล้ารับประกันไหมล่ะว่าจะทำงานที่ทีเอ็ม กรุ๊ปไปตลอดชีวิต?”
ชายหนุ่มไร้คำโต้เถียง
ญาณีเริ่มมีรังสีเยือกเย็น เธอกลอกตา แล้วหันไปมองนภาลัย “เธอไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ? เอาแต่หดหัวเหมือนเต่าในกระดองอยู่ได้ จะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นฉันไปถึงเมื่อไหร่?”
นภาลัยอดยิ้มเยาะออกมาไม่ได้ พอเทียบความอ่อนไหวข้างในแล้ว ดูท่าเธอจะนิ่งกว่าเยอะ
ผ่านไปสักพัก ใบหน้างามล่มเมืองของเธอก็เผยรอยยิ้มบางๆออกมา “ญาณี ฉันก็แค่ไม่อยากให้เธอเจ็บตัวในขณะที่เธอยังหลงผิด”