เผยลับจับใจ ซุปเปอร์สาวบ้านนอก บทที่ 714 ภูมิหลังวริศ
ก่อนป้าจำปีจะไปไม่ได้ปิดประตู ฉะนั้นเธอกลับมาอย่างรวดเร็ว ก็เห็นฉากนี้พอดี——
“คุณหนู!!” เธอตกใจแทบตาย!
ป้าจำปีตกใจกลัวไม่หยุดหย่อน รีบกลับห้องไปสวมรองเท้าให้เธอ!
จากนั้นก็เตะเศษเครื่องเคลือบเซรามิกออกไปอย่างฉาบฉวย “รีบสวมค่ะ อย่าเหยียบมัน!”
จารวีเหมือนหุ่นไม้ สวมรองเท้าแตะด้วยการช่วยเหลือจากป้าจำปี แล้วถูกเธอพยุงไปนั่งโซฟา
“โอ๊ยตาย ทำไมเป็นแบบนี้ได้คะ?” ป้าจำปีรีบไปหากล่องยา “ไม่ว่ายังไงก็อย่าทำร้ายตัวเองสิ! กลับไปคุณนายจะปวดใจเอานะคะ!”
สีหน้าจารวีเรียบเฉย จ้องมองชุดเครื่องนอนสี่ชิ้นที่ป้าจำปีซื้อกลับมาตรงประตูอย่างแปลกใจ เธอยังเสียใจมาก ยังไม่ระบายความโกรธ
ดึกป่านนี้แล้ว วริศคงไม่กลับมาแล้ว……
“เขาทำแบบนี้ได้ยังไง……” จารวีรู้สึกหุนหันพลันแล่นอยากร้องไห้ ไม่รู้สึกถึงความเจ็บที่แผล แค่รู้สึกหัวใจมีเลือดออก
ป้าจำปีทำแผลให้เธอด้วยความสงสารจนเสร็จ ก็ถอนหายใจแล้วตอบรับ
“ไปเปลี่ยนชุดเครื่องนอน” จารวีสั่ง
“ค่ะ คุณหนู”
เมื่อป้าจำปีหิ้วถุงตรงประตูเข้ามาในห้องนอน ก็ตกใจจนตะลึงกับสถานการณ์ภายในห้อง! เหมือนสนามรบหลังจากพวกปีศาจกวาดล้างเลย!
จารวีเห็นเธออึ้งอยู่ตรงประตู ในใจก็ยิ้มขมขื่น “ไม่ต้องเก็บกวาด เปลี่ยนมันซะ คืนนี้เราจะนอนบนเตียง”
ไม่เก็บกวาด?
รอให้คุณวริศกลับมาเห็นเหรอ?
ในใจป้าจำปีรู้สึกหดหู่ ถ้าทำแบบนี้ ความสัมพันธ์ก็มีแต่จะยิ่งแข็งทื่อไม่ใช่เหรอ?
“รีบเปลี่ยนสิ” จารวีก็รู้สึกเหนื่อยมากแล้ว “รีบเปลี่ยนรีบนอน” เสียงเธอมีความอ่อนเพลีย
“คุณหนู ฉันซื้อขนมเค้กมาฝาก อยู่ในถุงข้างนอก”
“ฉันไม่อยากกิน ไม่อยากอาหาร”
ป้าจำปีก็ไม่มีอะไรจะโน้มน้าวแล้ว รู้สึกได้ว่าเธอเหนื่อยแล้ว จึงรีบเปลี่ยนชุดเครื่องนอนที่ซื้อมาใหม่ และไม่สนว่าบนพื้นจะยุ่งเหยิงมากแค่ไหน
ค่ำคืนค่อยๆ มืดลง……
ภายในวิลล่าตระกูลแตงมณี เบญญาล็อกตัวเองในห้องนอนหลังอาหารเย็น
เธอนอนไม่หลับ หยิบกระดาษปากกามาวาดการ์ตูน
วาดๆ อยู่ ก็รู้สึกได้ทีละนิดว่าตัวคนที่วาดภายใต้ปากกามันค่อนข้างคล้ายวริศ
“วาดเขาทำไมเนี่ย?” เบญวางปากกาลง ขมวดคิ้ว แล้วรีบขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วโยนลงถังขยะ
ภายในห้องเงียบสงัด
จากนั้นก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์ จึงโน้มเอวไปหยิบมาจากถังขยะ คลี่ก้อนกระดาษยับยู่ยี่ออกมา จากนั้นก็มองคนบนนั้นอีกครั้ง สุดท้ายก็ใส่มันในลิ้นชัก
ภายในห้องนอนใหญ่ ประตูห้องล็อกเช่นกัน
ธามเมธีเอาข้อมูลวริศส่งให้คุณิตา
“ฉันนึกว่าคุณลืมไปแล้วจริงๆ” ผู้หญิงคนนั้นยกสายตาขึ้นมองเขา
“เรื่องที่คุณภรรยาสั่ง ไม่กล้าลืมหรอก”
เธอนั่งบนเก้าอี้ หลุบตาอ่านอย่างตั้งใจทีละบรรทัด
ธามเมธีกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า อ่านข้อมูลมาแล้ว รู้สึกพึงพอใจกับนายคนนี้มาก
“เขามีคู่หมั้นแล้ว? ลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลสาระทาแห่งเมืองวาเรน?” คุณิตายกสายตาขึ้น ราวกับโดนตีแสกหน้า “ตระกูลสาระทาที่มั่งคั่งจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ มีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองวาเรนมาก!”
“คุณอ่านต่อข้างล่างสิ” ชายวัยกลางคนสุขุมเยือกเย็นมาก “คู่หมั้นคนนี้เป็นแค่คู่หมั้นในนาม”
ในข้อมูลแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าตระกูลสาระทาทำกิจการขนส่งสินค้า ครอบครองบริษัทเมืองท่าและกิจการหลายแห่ง มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้าน
จารวีคนนี้มีชีวิตอยู่ดีกินดีตั้งแต่เด็ก มีนิสัยเอาแต่ใจแบบคุณหนู และเป็นโรคเจ้าหญิง
คุณิตาอ่านต่อข้างล่าง อ่านไปอ่านมา สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “วริศคือทายาทเศรษฐีหลบๆ ซ่อนๆ?” ในนั้นแนะนำข้อมูลของบ้านวริศโดยละเอียด
“ใช่” ธามเมธีพูด “เขาเป็นลูกชายของวฤนท์ธม เดชอุป ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการเรื่องงานหมั้น หมั้นตั้งแต่ตอนเพิ่งเกิด ไม่ใช่ความรักระหว่างสองคน ฉันสืบมาแล้ว วริศไม่มีประวัติเรื่องเดทกับจารวีคนนี้ ร่างกายและจิตใจเขาสะอาดบริสุทธิ์”
“งั้น?” คุณิตาวางข้อมูลแล้วยืนขึ้น “คุณคงไม่อนุญาตให้เขามาจีบเบญหรอกนะ?”