อนที่ 108 : จริงงั้นเหรอ?
หลังจากหัวเราะจบ โรแลนด์ก็เดินทางออกไปนอกเมืองเพื่อไปหาฮอร์ก
ฮอว์กกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งและมีรูปร่างใหญ่โตเหมือนกอริลลาขนาดใหญ่ เขานั่งลงบนขั้นบันไดหินและจ้องมองไปที่กล้ามเนื้อที่นูนของเขา ดูเหมือนเขาค่อนข้างพอใจกับมัน
เดิมที่ฮอร์กนั้นออกแบบใบหน้าตัวละครของเขาให้มีจอนผมปรากฏออกมา และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมันก็ตรงกับความตั้งใจของเขาเข้าพอดี
ลิงค์นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ถึงแม้ว่ารูปร่างของเขานั้นจะดูมีกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น ทว่ามันก็ไม่ได้เด่นชัดเหมือนที่เขาเห็นจากคนอื่นๆมา
เหล่าขอทานนั้นล้วนแล้วแต่ตกใจกัน ทว่าก็ไม่ได้หวาดกลัวรูปร่างที่เปลี่ยนไปของฮอร์ก
ยิ่ง“ เจ้านาย” ของพวกเขาแข็งแกร่งมากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งมีที่คุ้มครองและมีความปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น พวกเขามีชีวิตที่ต้องพลัดถิ่น ถูกรังแกและไม่เคยได้อิ่มท้อง ตราบใดที่ผู้นําของพวกเขาสามารถปกป้องพวกเขาได้พวกเขาก็จะไม่มีปัญหาใดๆ พวกเขานั้นไม่มีปัญหาต่อให้เขานั้นเปลี่ยนเป็นมังกรยักษ์ก็ตาม
เมื่อโรแลนด์เห็นฮอร์กมีท่าทางมีความสุข เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา “มุมมองเรื่องความงามของนายนี่เป็นเอกลักษณ์จริงๆ”
“นายจะรู้อะไรกัน? ผู้ชายควรจะเป็นแบบนี้ต่างหาก” ฮอร์กนั้นอยู่ในท่าโพสต์ของนักเพาะกาย กล้ามเนื้อของเขาเต้นราวกับมีหนูอยู่ใต้ผิวหนังของเขามันดูน่าขยะแขยงอย่างมากที่จะจ้องมอง
พวกขอทานของนาย
โรแลนด์นั้นมองด้วยท่าทีรังเกียจและกล่าวว่า “ยกเลิกพวกขอทานของนายซะ ปล่อยให้คดีเด็กสาวหายตัวดําเนินไปสักพักก่อน”
ฮอร์กเงียบไปพักหนึ่ง “นายยอมแพ้แล้วงั้นเหรอ?”
โรแลนด์ส่ายหัวออกมา “จะเป็นงั้นได้ไง ฉันแค่จะลองใช้แผนของฆาตกรเพื่อจับปลาตัวใหญ่ต่างหาก”
ฮอร์กยิ้มออกมา “ฉันเข้าใจแล้ว”
หลังจากกลับไปที่เมือง โรแลนด์ก็ไปยังเกรย์แซนด์
ที่นี่ยังคงเสียงดังเหมือนเช่นเคย แต่เมื่อโรแลนด์เดินเข้ามาเสียงก็เบาลงเรื่อยๆ จนเงียบหายไปในที่สุด
ผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์ให้เกรียติพวกเขาด้วยการปรากฏตัวออกมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าส่งเสียงไม่สุภาพออกมา นอกจากนี้ชื่อเสียงของโรแลนด์ในเดลพอนนั้นก็ไม่ได้ต่ํา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีเรื่องที่พวกเขาทั้งสามคน “ล้อมและสังหาร” พี่ชายคนโตของตระกูลเอ็ดเวิร์ด บุคคลสําคัญเกือบทั้งเมืองในตอนนี้ล้วนแล้วแต่จดจําเขาได้แล้ว
สําหรับคนที่กล้าฆ่าขุนนาง การฆ่าสามัญชนสองสามคนก็อาจจะเป็นเพียงแค่เพื่อความบันเทิงเท่านั้น!
โรแลนด์นั้นไม่คุ้นชิบกับกลิ่นของแอลกอฮอล์ที่ผสมกับกลิ่นเหงื่อที่เหม็นเปรี้ยว ทว่าเขานั้นทําได้แค่ต้องทนมัน
เขาหาโต๊ะและนั่งลง จากนั้นบาร์เทนเดอร์เข้ามาด้วยท่าทางนอบน้อมและถามอย่างระมัดระวังว่า “ท่านนักเวทย์ท่านต้องการเครื่องดื่มอะไรกันครับท่าน”
“เอาไวน์ผลไม้มาแก้วหนึ่ง” โรแลนด์ยิ้มอย่างสุภาพ “อ้อแล้วก็ฉันต้องการพบกลู”
“ข้าเข้าใจแล้วท่าน” บาร์เทนเดอร์เดินออกไป เช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากด้วยแขนเสื้อขณะที่เขาหันกลับไป
หลังจากนั้นไวน์ก็ถูกเสิร์ฟจากสาวเสิร์ฟ
มันเป็นไวน์ที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถหาได้ในเกรย์แซนด์แล้ว และพวกเขานั้นไม่ได้ขายมันบ่อยนัก อย่างน้อยก็ไม่ขายให้กับคนธรรมดา
หลังจากรอไปได้สิบนาที กลูที่เหงื่อท่วมตัวก็รีบเร่งมาจากทางหน้าประตูทางเข้า
เขายืนอยู่ตรงหน้าของโรแลนด์ด้วยท่าทางนอบน้อม “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าออกไปทําธุระข้างนอกมาและเมื่อข้าทราบข้าก็รีบเร่งมาในทันที”
“ไม่เป็นไร จริงๆแล้วมันเป็นความผิดของฉันมากกว่าที่รบกวนธุระของนาย” โรแลนด์ พูดออกมาในเชิงขอโทษ
กลุรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าโรแลนด์ยังคงพูดคุยได้ง่ายเหมือนเดิม เขานั่งลงตรงหน้าโรแลนด์และเช็ดเหงื่อจากหน้าผากของเขาด้วยผ้าเช็ดหน้าและถามว่า “มีอะไรที่ข้าพอจะช่วยท่านได้หรือไม่?”
โรงเตี้ยมนั้นเงียบมาก ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะไม่ได้พูดเสียงดังนักและไม่มีใครมองมาที่พวกเขา โรแลนด์ก็รู้ดีว่าพวกขี้เมาพวกนั้นกําลังหูฝั่งเพื่อฟังว่าพวกเขากําลังจะพูดคุยอะไรกัน
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะหวาดกลัวในพลังอํานาจ แต่พวกเขาเองก็ชื่นชอบในการทําเรื่องเลวร้ายเช่นกัน ดังนั้นแค่การแอบฟังคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก
เมื่อมองไปทางซ้ายและทางขวาโรแลนด์ก็ถามว่า “นายไม่มีสถานที่ดีกว่านี้แล้วงั้นเหรอ?”
“ใช่ๆ!” กลูยืนขึ้นทันที “ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้านั้นประมาทเกินไป”
เขานั้นรีบยืนขึ้นและเผยมือเพื่อนําทางโรแลนด์
หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้ามายังห้องเล็กๆห้องหนึ่ง
ประตูไม้หนาและผนังทึบมันสามารถป้องกันเสียงเล็ดลอดออกไปได้แน่นอน
พวกเขานั่งลงอีกรอบ โรแลนด์นั้นวางแผ่นไม้เล็กๆที่ได้จากบ้านเอ็ดเวิร์ดลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ถามว่า “นายเคยเห็นลายแบบนี้มาก่อนไหม?”
กลูหยิบขึ้นมาดูก่อนจะพูดขอโทษว่า “ข้าขอโทษทว่าข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน ไม่มีขุนนางคนไหนมีชุดที่มีลายแบบนี้เลย”
ไม่ใช่คนในเดลพอนงั้นเหรอ!
ทว่ามันก็ไม่น่าแปลกใจนัก บางทีอีกฝ่ายอาจจะไม่ต้องการใช้เกมง่ายเกินไปก็ได้เลยพยายามหาวิธีให้เขาเข้าใจผิดไปในทางอื่น
“นายไม่รู้ก็ไม่เป็นไร” โรแลนด์พูดต่อว่า “ฉันอยากจะถามเกี่ยวกับประวัติของกลุ่มเกรย์แซนด์สักหน่อย พวกนายนั้นเล่นตามกฏใช่ไหม…”
เมื่อได้ยินดังนั้น กลูกหลั่งเหงื่อเย็นออกมา
ทุกคนในเดลพอนนั้นรู้ว่าบุตรทองคําพวกนี้นั้นเป็นคนดี ไม่ว่าจะเป็นตอนที่พวกเขาพบเจอ อาชญากรรมพวกเขาก็จะลุกขึ้นมาเพื่อหยุดมันและช่วยเหลือเหยื่อทางกายภาพ
ไม่ต้องพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลักๆที่เกิดขึ้นเมื่อสองเดือนก่อน ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ ขุนนางหนุ่มที่ชื่อเบทต้านั้นหักแขนของโจรไปมากมายและเตะพวกนักต้มตุ๋นไปแล้วก็หลายคน
นอกจากนี้ยังมีบุตรทองคําอีกสองคนที่อยู่นอกเมืองกําลังหาทางช่วยเหลือพวกขอทาน แก๊งเล็กๆขนาดเพียงไม่กี่คนที่รีดไถพวกขอทานนั้นต่างถูกตัดขาดแหล่งรายได้ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามไปเจรจาด้วยเหตุผลและไม่มีเจตนาที่จะก่อความรุนแรง แต่ท้ายที่สุดพวกเขานั้นก็ยังถูกจัดการจนไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างทิศเหนือ ใต้ ออก, ตกได้
โรแลนด์ที่อยู่ตรงหน้าเขานี้นั้นเป็นคนที่เจรจาด้วยได้ง่ายที่สุดทว่ากลับลึกลับที่สุด
เป็นทั้งนักเวทย์ทางการและดํารงตําแหน่งปัจจุบันเป็นถึงรองประธานของหอคอยเวทย์
เขานั้นกําลังสืบสวนคดีของเด็กสาวที่หายตัวไป
เหล่าขุนนางนั้นไม่พอใจกับการกระทําของโรแลนด์และมองว่าเขาเป็นพวกไร้ประโยชน์ไม่ก็มองว่าเขาเป็นพวกอวดรู้
อย่างไรก็ตามกลุรู้ดีว่าขุนนางพวกนั้นกลัวว่าโรแลนด์จะสืบค้นเจอบางสิ่งและสามารถมาต่อว่าพวกเขาได้
การดูถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรงบนพื้นผิวไม่สามารถปกปิดความกลัวในใจพวกเขาได้
นี่คือสาเหตุที่คําพูดของโรแลนด์ในช่วงครึ่งแรกสร้างความหวาดกลัวให้กับกลอย่างมาก
“แม้วิธีการของพวกนายจะมีบางอย่างที่ผิดอยู่ก็ตาม แต่พูดตามตรงพวกนายก็มีความเคร่งครัดมากที่สุดแล้ว” โรแลนด์ยิ้มให้กลที่มีสีหน้าซีดราวกับจะตายและพูดว่า “ฉันนั้นมีบางอย่างที่ต้องการให้นายช่วย”
“ได้โปรดพูดต่อ” กลูถอนหายใจยาวออกมา
“ฉันต้องการชื่อและอายุของเด็กสาวที่หายตัวไปทั้งหมดในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาในบริเวณใกล้ๆป่า มันน่าจะดียิ่งขึ้นหากนายพอจะทราบเวลาที่พวกเธอถูกฆ่าทิ้ง”
กลูพยักหน้าอย่างหนัก “ข้าจะทํามันเอง”
ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน แต่กลูก็ไม่กล้าปฏิเสธเขา เขากลัวว่าหากเขาปฏิเสธกลุ่มเกรย์แซนด์จะกลายเป็นพวกชั่วร้ายในสายตาของโรแลนด์
โรแลนด์ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขู่ใครสักคนสําเร็จ ไปได้ด้วยดีทว่าจากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่า “ฉันไม่มีเงินหรือของใดๆ”
“มันไม่จําเป็นเลยท่าน มันเป็นความกรุณาอย่างยิ่งที่กลุ่มเกรย์แซนด์ของพวกเราได้รับใช้ท่าน”
“ฟังฉันนะ” โรแลนด์พูดต่อ “พวกเราบุตรทองคํานั้นให้ความสําคัญในการแลกเปลี่ยนกันอย่างเท่าเทียม นายและเจ้านายของนายสามารถเลือกเด็กที่ดูท่าทางฉลาดที่สุดในบรรดาทั้งหมดและส่งพวกเขาไปยังหอคอยเวทย์ ฉันจะเลือกหนึ่งถึงสองคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดและทําให้พวกเขานั้นกลายเป็นนักเวทย์ฝึกหัด”
กลูวางมือลงบนโต๊ะอย่างแรง เขาลุกขึ้นมาในทันทีและมองไปที่โรแลนด์อย่างไม่น่าเชื่อ “จริงงั้นเหรอท่าน?”