คุรุการแพทย์ – บทที่ 6 รอยร้าวในการฝึกทหาร

คุรุการแพทย์

บทที่ 6 รอยร้าวในการฝึกทหาร

บทที่ 6 รอยร้าวในการฝึกทหาร

สองชั่วโมงต่อมา

ฟางชิวเสร็จสิ้นการฝึกฝนของตัวเอง การบ่มเพาะอย่างต่อเนื่องตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมาเพิ่มพลังให้กับเขาเป็นอย่างยิ่ง

ชายหนุ่มเดินบนคลื่น ก่อนจะออกจากเกาะกลางทะเลสาบไป

เมื่อฟางชิวกลับมาถึงหอพัก เขาก็ปลุกรูมเมตทั้งสามคน อาการอ่อนล้าของบรรดารูมเมตเผยออกมาผ่านสีหน้า

ฟางชิวพูดขึ้น “ทุกคน คนเราเข้านอนในตอนกลางคืนและตื่นนอนแต่เช้า ในช่วงสามเดือนของฤดูร้อนตามปฏิทินสุริยคติ เมื่อถึงเวลาตีห้าตรงแมลงจะตื่น มันเป็นเวลาของการเสริมสร้างฟื้นฟูพลังหยาง ให้กำเนิดทุก ๆ สิ่ง ไม่ตื่นนอนเวลานี้ถือว่าทำลายพลังหยางในร่างกาย ส่งผลกับสุขภาพไต ตื่นเร็วเข้า! พวกเรามีเรียนวิชาแพทย์แผนจีนภาคปฏิบัติกัน!”

เมื่อรู้ว่าตัวเองอาจมีอาการไตอ่อนแอ ทั้งสามหนุ่มที่กำลังนอนแอ้งแม้งอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกัน

ซุนฮ่าวบ่นโอดครวญไปใส่เสื้อผ้าไป “พวกเรายังไม่ได้มีเรียนตอนนี้สักหน่อย”

“ไตพวกเราปลอดภัยเพราะนายเลย เจ้าน้องเล็ก” โจวเสี่ยวเทียนพูด

หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายและทานมื้อเช้าแล้ว ทั้งสี่คนก็มาถึงลานฝึกทหาร

ที่นี่จะมีการฝึกทหารสามวันต่อสัปดาห์ สำหรับคนธรรมดาแน่นอนว่าทรมานอย่างยิ่ง แต่สำหรับฟางชิวมันเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว

หลังทานมื้อเช้า เฉินชงก็มายังลานฝึกทหารเช่นกัน เมื่อเห็นฟางชิว เขาก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วเรียกฟางชิวทันที “ฟางชิว!”

ฟางชิวหันมามองเฉินชง

ฟางชิวรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่าย เพราะเฉินชงไม่ใช่คนโง่ คงจะเดาหรือมองอะไรบางอย่างในตัวเขาออก ตั้งแต่เมื่อคืนตอนตีสามที่เห็นเขาหายไปอย่างลึกลับ

“มีอะไรเหรอ?”

“นายจะลงแข่งไหม?”

เฉินชงลอบมองการแสดงออกทางใบหน้าของฟางชิว พยายามที่จะค้นหาทุกสิ่งที่ตัวเองกำลังสงสัย

“ไม่ล่ะ ฉันไม่สนใจ” ฟางชิวตอบอีกฝ่าย

“นายอย่ารีบปฏิเสธเร็วนักสิ แค่อยากจะลองประลองฝีมือด้วยน่ะ” เฉินชงเสริม พยายามโน้มน้าวฟางชิวให้ได้

“ฉันก็ยังไม่สนใจอยู่ดี” ฟางชิวยังคงยืนกราน

เฉินชงเมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้แต่เงียบไป ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ ในความคิดของเฉินชงนั้น ถ้าฟางชิวรู้วิชากังฟูจริง ๆ เขาจะต้องตอบรับคำท้าการแข่งขันแน่นอน

หรือเขาจะคิดผิดกัน?

เฉินชงยังคงสะกดตาไว้ที่ฟางชิว “เมื่อเช้ามืดนายหายตัวไปได้ยังไง ฉันพยายามมองหาแต่ก็ไม่เจอนายเลย”

“อืม… ฉันก็แค่กลับหอพักไปนอนน่ะ” ฟางชิวตัดบท

เฉินชงอยากถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยมากกว่านี้ แต่ในเวลานี้ ครูฝึกได้มาถึงแล้ว เขาเป่านกหวีดให้ทุกคนเข้าแถว

เฉินชงเลยยอมหยุดไว้ก่อนแล้วเดินไปเข้าแถวแต่โดยดี

เขายังคงมองหาโอกาสอื่น ๆ เพื่อจะแอบทดสอบว่าฟางชิวรู้วิชากังฟูหรือไม่?

เฉินชงจะยอมปล่อยฟางชิวไปได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เขาก็ได้พบกับคนที่ตัวเองจะได้ฝึกฝนและประมือด้วยแล้ว!

“ทุกคน! มองขวา! มองข้างหน้า!”

ครูฝึกตะโกนสั่ง ทุกคนที่อยู่ในแถวต่างพากันหันศีรษะอย่างเป็นระเบียบ

“แถวตรง!”

“ตามระเบียบพัก!”

“ดี! ฉันอยากจะบอกทุกคนว่าวันนี้เราจะฝึกการเดินสวนสนามกัน สามแถวแรกหมอบลง! ฉันจะสาธิตการเคลื่อนไหวแบบมาตรฐานให้ทุกคนดู จงตั้งใจดูให้ดี!”

ครูฝึกสาธิตวิธีการเดินสวนสนามอย่างว่องไว ก่อนจะให้ทุกคนเริ่มฝึกฝนเอง

แม้เมื่อวานฝนจะตกทั้งวัน แต่วันนี้กลับอากาศร้อนอย่างไม่น่าเชื่อ

นี่เป็นช่วงฤดูร้อน ดวงอาทิตย์ยังคงฉายแสงเจิดจ้า คนทั้งแถวสามถูกแยกออกจากกันประมาณหนึ่งเมตร พวกเขายังคงยืนนิ่ง แขนขวาแนบอยู่ที่อก ขาซ้ายยกขึ้นค้างเอาไว้

นี่เป็นหนึ่งในการฝึกทหารที่น่าเบื่อที่สุดเลยก็ว่าได้

เท้าจะต้องยกขึ้น นิ้วเท้าต้องตึงและตรง นอกจากนี้เท้าจะต้องอยู่ห่างจากพื้นสิบนิ้ว ไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย

เพียงไม่กี่นาทีต่อมา นักศึกษาทั้งหมดในแถวสามก็ไม่สามารถยืนนิ่งได้อีกต่อไป ร่างกายและขาของพวกเขาเริ่มเอนเอียง ไม่อาจอยู่นิ่งได้

บางคนถึงกับปล่อยให้ขาห้อยลงกับพื้น ก่อนที่จะรีบยกขึ้นเพราะปวดมาก

มีเพียงฟางชิวและเฉินชงเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งได้อยู่ ความแข็งแกร่งทางกายของคนทั้งคู่นั้นสมบูรณ์แบบมากจนครูฝึกอย่างเกาหู่ ต้องมองทั้งสองด้วยความชื่นชม

ผู้บังคับบัญชาต้องการรับสมัครทหาร จึงบอกให้ครูฝึกสอนทุกคนมองหาเหล่าผู้สมัครหรือนักศึกษาที่มีศักยภาพมากพอที่น่าจะไปได้ไกล

ก่อนฤดูร้อนนี้ เหล่าครูฝึกคิดว่าเหล่าน้องใหม่นี้คงไม่น่าจะเป็นยอดฝีมือหรือมีศักยภาพมากนัก แต่หลังจากสองสามวันที่ผ่านมา เขาได้พบว่าชายหนุ่มทั้งสองคนนี้มีศักยภาพขนาดไหน ความแข็งแกร่งของทั้งคู่นั้นนับว่าผิดจากคนทั่วไป ไม่สิ! อาจจะมากกว่าตัวเขาเองด้วยซ้ำ!

เฉินชงนั้นร่างสูงใหญ่ ร่างกายของเขายังเต็มไปด้วยมัดกล้าม เกาหู่ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยว่าน้องใหม่คนนี้เป็นคนที่แข็งแรงอย่างไร

แต่สิ่งที่เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั่นคือน้องใหม่อีกคนที่ชื่อฟางชิว เด็กคนนี้ดูเพรียวและบอบบางกว่าเฉินชง แต่กลับแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ!

ครูฝึกทหารอย่างเกาหู่ยิ้มไม่ออกเลยขณะที่มองน้องใหม่ทั้งสองคน เขาต้องการจะทดสอบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของทั้งคู่

ปกติแล้วไม่มีใครสามารถนิ่งอยู่ได้แม้แต่นาทีเดียวก่อนจะพักขา แต่นี่เขาไม่ได้ออกคำสั่งให้สับเปลี่ยนขาเพื่อดูว่าชายหนุ่มทั้งสองคนนี้จะสามารถยืนอยู่ได้นานแค่ไหน?

ผ่านไปอีกหนึ่งนาที

น้องใหม่ทั้งสองก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่ฉายแววเจ็บปวดหรือเหนื่อยอ่อนเลยแม้แต่น้อย

เมื่อมาถึงจุดนี้ น้องใหม่คนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถยกขาขึ้นได้อีกต่อไป พวกเขาทั้งหมดต่างพากันวางเท้าบนพื้นหลังจากที่ห้อยขาค้างไว้เป็นเวลานาน

เวลานี้ทุกคนได้สังเกตเห็นทั้งฟางชิวและเฉินชงที่ยังคงยกขาแน่นิ่งไม่ไหวติง พวกเขาอดชื่นชมชายสองคนนี้ไม่ได้ ทั้งสองยังคงยืนตัวตรง ขาไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

“เจ๋งเป้งว่ะ!”

ทุกคนวางขาตัวเองลงพลางมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสอง แล้วก็เห็นว่าครูฝึกนั้นไม่ได้รบกวนอะไรพวกเขาเลย

เฉินชงใช้พละกำลังของตัวเองทั้งหมดเพื่อแข่งกับฟางชิว แต่เมื่อเวลาผ่านไปสี่นาที ในที่สุดก็เกินขีดจำกัดของเขาแล้ว

เฉินชงก็คิดว่าฟางชิวเองก็น่าจะถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน

หลังจากเวลาผ่านไปสามสิบวินาที ขาของเฉินชงที่ยกขึ้นอยู่นั้นก็เริ่มสั่นอย่างแรง

เขาหันไปมองฟางชิวที่ยังคงยืนนิ่งในท่าเดิมราวกับรูปปั้นแล้วอดรู้สึกเจ็บใจไม่ได้

เกาหู่เห็นว่าเฉินชงถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วก็ประหลาดใจมาก เพราะเฉินชงไม่ได้ฝึกฝนกิจกรรมนี้เป็นพิเศษ ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่น่าประทับใจมากที่ตัวเฉินชงเองสามารถยืนได้จนถึงตอนนี้

แต่สำหรับฟางชิวนั้น เกาหู่รู้สึกทึ่งและประทับใจมากยิ่งกว่า!

น้องใหม่คนนี้สามารถยืนอยู่อย่างง่ายดายนับตั้งแต่เริ่มฝึก

ราวกับว่า…

ที่เห็นนั่นไม่ใช่ขาของตัวเอง!

เกาหู่ถอนหายใจ ในที่สุดฟางชิวก็เอาชนะนักเรียนคนโปรดของตนอย่างเฉินชงได้!

นักศึกษาคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้วยสังเกตเห็นว่าเฉินชงใกล้จะถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว จึงต่างพากันประหลาดใจที่ฟางชิวสามารถเอาชนะเฉินชงที่ตัวใหญ่กว่าตัวเองได้เช่นนี้ ทั้งที่พวกเขารู้ดีว่าเฉินชงนั้นเป็นผู้ฝึกกังฟู ทุกคนเลยเดาผู้ชนะไว้ตั้งแต่แรกว่าคงเป็นเฉินชง

จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนต่างพากันถอนหายใจ

ใหญ่ขึ้นอีกแล้ว! เงาของเจ้าน้องเล็กใหญ่ขึ้นอีกแล้ว!

เกาหู่เริ่มรู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์อีกต่อไปที่จะให้เด็กทั้งสองคนนี้ค้างขาข้างเดิมต่อ จึงออกคำสั่งอีกครั้ง “ทั้งสองคน เปลี่ยนข้าง!”

ทุกคนเปลี่ยนข้างขาอย่างรวดเร็วโดยการปล่อยขาซ้ายลงแล้วยกขาขวาขึ้น

การเคลื่อนไหวของนักศึกษาคนอื่น ๆ ดูเอื่อยเฉื่อยมาก มีเพียงฟางชิวเท่านั้นที่ก้าวขาไปข้างหน้า เอามือขวาลงและยกแขนซ้ายขึ้นไว้ที่อก และในเวลาเดียวกันนั้นก็เปลี่ยนมายกขาขวาขึ้น

ท่วงท่าของชายหนุ่มนั้นดูแข็งแรงแต่ก็นุ่มนวลในคราวเดียว

เมื่อเห็นดังนี้ ครูฝึกก็ต้องชื่นชมฟางชิวอีกครั้ง

หลังจากการฝึกช่วงเช้าเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนก็พากันไปทานมื้อกลางวันและพักเบรก

ในช่วงบ่าย การฝึกทหารภาคสนามยังคงดำเนินต่อไป เหล่านักศึกษาต่างพากันเหงื่อแตกพลั่กใต้แสงอาทิตย์อันเจิดจ้า

จะมีก็แต่ฟางชิวเท่านั้นที่ยังคงดูใจเย็นและสงบนิ่งอยู่

มาจนถึงเวลาบ่ายสามโมง นักศึกษาห้องสามซึ่งเป็นห้องเรียนของฟางชิวยังคงฝึกฝนภาคสนามต่อไป ในขณะเดียวกันในอีกห้องหนึ่งก็มีคนคนหนึ่งล้มลงกับพื้น ก่อนจะกุมเท้าของตัวเองแล้วกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

แม้ว่าฟางชิวจะอยู่ไกล แต่เขาสามารถมองเห็นสีหน้าซีดเผือดของนักศึกษาคนนั้นอย่างชัดเจน

มันไม่ใช่อาการบาดเจ็บธรรมดาแน่!

เกาหู่ให้นักศึกษาคนนั้นพักแล้วรีบวิ่งไปที่กลุ่มคลาสเรียนอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จากศูนย์พยาบาลรีบมาถึงอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก

ฟางชิวดื่มน้ำขณะที่มองไปยังพื้นที่ห่างไกลออกไป เขาเห็นคนกำลังโทรเรียก 911

นักศึกษาที่ล้มลงได้ถูกนำตัวไปยังที่ร่มเพื่อพักรอรับการรักษา

รองเท้าและถุงเท้าของนักศึกษาที่ได้รับบาดเจ็บถูกถอดออก กลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์พากันอุ้มนักศึกษาผ่านตัวฟางชิวไป ซึ่งตรงจังหวะกับที่ชายหนุ่มเหลือบมองเท้าขวาของคนเจ็บพอดิบพอดี

อืม… ไม่มีบาดแผลให้เห็นชัดเจน แต่เท้ากลับเจ็บมาก…

ฟางชิวกำลังพยายามนึกถึงอาการกระดูกหักทั้งหมดที่เขาเคยอ่านจากตำราเรื่องของศาสตร์การจัดกระดูกแบบสมัยใหม่เมื่อคืนนี้ นึกออกแล้ว!

ภาวะกระดูกหักล้า!*[1]

อาการกระดูกหักแบบนี้ส่วนใหญ่เกิดจากความเครียดระยะยาวที่ไม่ใช่ทางสรีระวิทยาของระบบโครงสร้างกระดูก และมีแนวโน้มที่จะเกิดในส่วนกระดูกหน้าแข้ง ที่สำคัญมันมีโอกาสสูงที่ผู้ฝึกจะมีอาการนี้ในช่วงการฝึกทหาร

ฟางชิวเกิดแรงกระตุ้นขึ้นมาทันที เขาหันไปมองดูว่าเขาคิดถูกหรือไม่?

ถึงแม้ว่าตัวเขาจะสามารถบรรลุวิชาศาสตร์การจัดกระดูกได้จนถึงขั้น ‘รับรู้’ และ ‘เข้าใจ’ แล้ว แต่ตัวฟางชิวเองก็รู้ดีว่าตนยังต้องฝึกฝนอีกเยอะ

ดังนั้น ถ้าหากเขาต้องการจะพัฒนาทักษะนี้อีก เขาจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้!

ในเวลานี้ เกาหู่ก็เป่านกหวีดเพื่อเรียกให้นักศึกษารวมตัวกันอีกครั้ง

เมื่อทุก ๆ คนมายืนเข้าแถวแล้ว เกาหู่ก็เริ่มสั่ง “มาเริ่มฝึกกันต่อ!”

“ครับ!/ค่ะ!”

เกาหู่มองมาที่ฟางชิว “เอาเลย!”

นี่เป็นครั้งแรกสำหรับการฝึกทหารภาคสนามที่ฟางชิวพูดว่า “ครับ!”

คนอื่น ๆ ต่างพากันตะโกนขาน “ครับ/ค่ะ” ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง แต่ไม่ใช่กับชายคนนี้!

ครูฝึกเริ่มเกิดความสงสัย

“ผมอยากดูอาการนักศึกษาคนนั้น” ฟางชิวพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

ครูฝึกและเหล่านักศึกษาคนอื่น ๆ ต่างพากันนิ่งงัน พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมฟางชิวถึงได้ขอเช่นนั้น

“เพื่อนร่วมชั้น? หรือว่าเพื่อนของเธอ?” เกาหู่ถามฟางชิว

“ไม่ใช่ทั้งคู่ครับท่าน! แต่ผมมีความรู้ทางการแพทย์ ผมจะช่วยเขา!” ฟางชิวตอบ

คนอื่น ๆ พากันประหลาดใจ

ก่อนที่พวกเขาจะสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง พวกเขาไม่มีใครรู้เรื่องของแพทย์แผนจีนเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้กลับมีใครคนหนึ่งพูดว่าตัวเองมีความรู้ทางการแพทย์และต้องการจะดูอาการของเด็กคนนั้นด้วยตัวเอง? เขาจะมีความสามารถขนาดนั้นเลยเหรอ?

เกาหู่มองฟางชิวด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าคำขอของเด็กคนนี้จะฟังดูแปลก แต่เขาก็อนุญาต

“ห้านาทีพอไหม?”

“ครับ! เวลาเท่านั้นก็พอแล้ว!”

“ดี! ไปได้!”

ฟางชิวซอยฝีเท้าไปทางใต้ร่มไม้ที่นักศึกษาที่ได้รับบาดเจ็บพักอยู่

นอกจากพวกนักศึกษาแล้ว ก็มีเพียงครูฝึกและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์สองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คอยดูแลอยู่

ฟางชิวเข้าไปหาครูฝึก ทำความเคารพแบบพื้นฐานแล้วเอ่ย “ท่านครับ! ผมได้รับคำสั่งจากครูฝึกให้มาดูอาการของเขา!”

ถ้าหากชายหนุ่มไม่โกหก ตัวเขาก็จะถูกไล่ออกไปและไม่มีโอกาสได้ดูอาการบาดเจ็บของนักศึกษาคนนั้น

แต่ครูฝึกไม่คิดอย่างนั้น เขาเห็นด้วยที่จะให้ฟางชิวมาช่วย

หลังจากนั้นฟางชิวก็เดินมาหานักศึกษาที่ได้รับบาดเจ็บ ยกขาของอีกฝ่ายขึ้นแล้วถาม “เจ็บตรงไหนเหรอ?”

คนเจ็บชี้ที่หัวแม่เท้าด้วยใบหน้ากล้ำกลืน

กระดูกฝ่าเท้า!

มันเป็นจุดที่ภาวะกระดูกหักล้ามักจะเป็นกัน

ฟางชิวแนบมือซ้ายของเขาบนหลังเท้าของคนเจ็บ ขณะที่จับนิ้วด้านขวาของอีกฝ่าย

ทันใดนั้น ภาพโครงกระดูกต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นในใจของฟางชิว!

[1] ภาวะกระดูกหักล้า เป็นการหักของกระดูกที่เกิดจากการใช้งานซ้ำ ๆ เช่น ออกกำลังกายหนักมากไป ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าและไม่สามารถรองรับน้ำหนักหรือแรงกระแทก เมื่อกล้ามเนื้อเริ่มอ่อนล้าแล้วจะส่งผลให้เพิ่มแรงกระทำมาที่กระดูกมากขึ้น ทำให้เกิดการแตกหักเล็ก ๆ ขึ้นภายในโครงสร้างของกระดูก

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน