คุรุการแพทย์ – บทที่ 9 มันช่างน่าทึ่ง!

คุรุการแพทย์

บทที่ 9 มันช่างน่าทึ่ง!

บทที่ 9 มันช่างน่าทึ่ง!

ฟางชิวยังรู้ว่าตัวเองไม่ควรเอ้อระเหยนานไปกว่านี้แล้ว เขามาอยู่บนเวทีนี้เพื่อการแสดง หลังจากที่อุ่นเครื่องด้วยมุขตลกไปแล้ว เขาก็เริ่มตั้งสมาธิโดยการหลับตาลง…

เมื่อเห็นฟางชิวเป็นแบบนี้ เหล่าผู้ชมก็เริ่มสงบลง

สายตานับไม่ถ้วนพากันจับจ้องไปที่ฟางชิว ทุก ๆ คนต่างรอดูการแสดงของฟางชิว

พวกเขาอยากรู้ว่าผู้ชายตลกคนนี้จะทำการแสดงแบบไหน?

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ไฟทั้งหมดบนเวทีก็มืดสนิท มีเพียงแสงหนึ่งเท่านั้นที่ส่องมาทางเขา

แสงที่ส่องมานั้นทำให้ฟางชิวดูเหมือนเทวดาที่เพิ่งลงมาจากสวรรค์ ทั้งศักดิ์สิทธิ์และดูหล่อเหลาเกินมนุษย์

ฟางชิวค่อย ๆ ลืมตาอีกครั้งแล้วยกมือของตัวเองขึ้น จากนั้นก็ประสานมือแล้วจรดที่ปาก

เมื่อมาถึงจุดนี้ ผู้ชมก็พากันงุนงงเล็กน้อย “การแสดงฟลูตมือนั่น ที่เขาทำคือการหายใจเข้าออกผ่านมือเท่านั้นเองเหรอ?

ในขณะที่ทุกคนกำลังงงงวย ท่วงทำนองที่คุ้นเคยและไพเราะก็ดังออกมาจากมือของฟางชิว ซึ่งเสียงนั้นก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วบริเวณงานผ่านไมโครโฟน

หลายคนรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองกำลังสั่นไหว ดวงตาของพวกเขาเบิกโพลง ต่างพากันจ้องมองไปที่มือของฟางชิว

นี่มันน่าทึ่งมาก!

น่าทึ่ง!

ความรู้สึกประหลาดใจนี้มันช่างเกินบรรยาย!

สิ่งที่ฟางชิวทำก็มีเพียงแค่การหายใจเข้าออกและใช้มือบรรเลงบทเพลงเท่านั้น

นี่มันล้ำเกินไปแล้ว!

ทันทีที่ท่วงทำนองบรรเลงออกมา ดวงตาคู่งามของเจียงเหมี่ยวอวี๋ก็มองไปยังฟางชิว

มันยิ่งทำให้หญิงสาวนึกประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อพบว่าเขาใช้มือของตัวเองเป็นเครื่องดนตรี และยังเป่าเพลงให้ไพเราะขนาดนี้ได้

เขาเป่าฟลูตมือได้เหมือนกับเป็นฟลูตปกติ ฟางชิวเล่นได้อย่างราบรื่นและไพเราะไร้ที่ติ ไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว

ถ้าเธอไม่ได้เห็นมัน เธอจะไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดว่าจะมีคนที่สามารถเล่นเพลงท่วงทำนองที่ไพเราะจับใจได้โดยใช้เพียงสองมือเปล่า

ในตอนนี้ หลี่ชิงสือที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เธอก็อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฟางชิวจะมีพรสวรรค์ขนาดนี้

ตัวหลี่ชิงสือนั้นได้มีโอกาสเรียนการเล่นเครื่องดนตรีแบบจีนโบราณมาบ้าง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่า ถ้าฟางชิวเป่าฟลูตมือได้ จะต้องสามารถเป่าขลุ่ยไม้ไผ่ได้ด้วยแน่นอน…

หรืออาจจะเป่าโอคารินา*[1] ได้ด้วย!

“พรสวรรค์นี้ถือเป็นเครื่องมือทรงพลังมากที่จะใช้เอาชนะใจสาวมหาวิทยาลัย!”

“คิดกันเอานะว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่จะไม่อยากได้แฟนที่ทั้งหล่อและเก่งแบบนี้กัน?”

ในฐานะที่เป็นนักแสดงบนเวที หลี่ชิงสือย่อมรู้ดีว่านักแสดงมีอิทธิพลต่อผู้ชมอย่างไร

ชายหนุ่มหันไปมองเจียงเหมี่ยวอวี๋ที่อยู่ในชุดธรรมดาก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ในขณะเดียวกันก็นึกรู้สึกเสียดายที่ตัวเองอยู่ในตำแหน่งประธานสมาคมนักศึกษาแพทย์แผนจีน เขาจึงไม่ได้ขึ้นไปแสดง

ในตอนนี้ ชายหนุ่มไม่สามารถเอาชนะฟางชิวได้เลย

อย่างไรก็ตาม หลี่ชิงสือก็ไม่ได้อิจฉาฟางชิวแต่อย่างใด ไม่ว่าบรรดาสาว ๆ จะคิดอะไรอยู่นั้น สำหรับชายหนุ่มนั้น เขาสนใจและใส่ใจแต่เจียงเหมี่ยวอวี๋เท่านั้น เขาเห็นเธอครั้งแรก หัวใจก็พลันถูกชิงไป เขาจึงตัดสินใจเสร็จสรรพเอาเองเลยว่าเธอคือผู้หญิงที่ตนจะแต่งงานด้วย!

เมื่อเห็นการแสดงเป่าฟลูตมือบนเวทีมหัศจรรย์ยิ่งกว่าที่แสดงให้เธอดูในห้องสมุดเมื่อวานนี้ หลิวเฟยเฟยก็รู้สึกดีและถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ดีที่เขาไม่ได้ทำผิดพลาดในช่วงเวลาสำคัญล่ะนะ”

“แต่มันก็ยังแย่มากที่เขาไม่แสดงความสามารถให้เต็มที่ในห้องสมุดเมื่อวานนี้ ฮึ่ม! ถ้าเขาแสดงบนเวทีเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะต้องให้บทเรียนเขา!”

รูมเมตของฟางชิวทั้งสามคนมองสาว ๆ ที่อยู่รอบตัว ก่อนพบว่าใบหน้าของพวกเธอทั้งตกใจปนชื่นชม ทำให้ทั้งสามได้แต่มองหน้ากันแล้วยิ้มแหย ๆ

ดูเหมือนสิ่งที่พวกเขาคาดเดากันไว้ถูกจริง ๆ ด้วย!

เจ้าน้องเล็กมันเป็นผู้ชายเจ้าเสน่ห์ เขามีทุกอย่างที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนหลงใหล… เป็นศัตรูของผู้ชายทุกคน!

แต่การแสดงและความสามารถของเจ้าน้องเล็กก็ดีมากจริง ๆ! ในฐานะที่เป็นรูมเมตกัน พวกเขาเองก็ภูมิใจในตัวฟางชิวแม้จะอิจฉาก็ตาม

มีเสียงปรบมือดังมากให้กับเจ้าน้องเล็กของพวกเขา!

การแสดงยังคงดำเนินต่อไป

ฟางชิวก็ยังคงเป่าฟลูตมือต่อไป

เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าตัวเองยืนอยู่บนเวที ลืมการมีอยู่ของผู้ชมด้วย

แม้แต่กับทำนองดนตรี!

ดูราวกับว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้…

“ใครเล่นเพลงนี้กันน่ะ? ไม่รู้!”

“เล่นเพลงอะไร? ไม่รู้!”

“เล่นให้กับใครงั้นเหรอ? ไม่รู้!”

ฟางชิวลืมตัวเอง ในขณะที่ผู้ชมที่อยู่หน้าเวทีเริ่มรู้สึกเหมือนหลุดจากโลกสมัยใหม่ ย้อนกลับไปสู่ยุคโบราณที่มีวิวทิวทัศน์เหมือนภาพวาด

พวกเขามองเห็นพื้นที่แถบเจียงหนานที่มีสายฝนโปรยปราย สาวงามในชุดสีขาวกำลังรอพวกเขาอยู่

เสียงของสายลมในฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านเนินเขาสีเขียวลงไปตามลำธารอันคดเคี้ยว…

‘…ช่างฝีมือวาดเค้าร่างด้วยมือที่บริสุทธิ์และดินสอสีดำบาง ความรักและความเกลียดชังทั้งหมดถูกใส่ไว้ในเครื่องเคลือบดินเผาสีฟ้าและสีขาว…’

‘…ข้ารอเจ้าอยู่ แต่เจ้านั้นอยู่หนใด?’

‘…ข้ารอเจ้าอยู่ท่ามกลางสายฝนในเจียงหนาน…’

‘…เจ้าอยู่หนใดกันนะ?’

เหล่าผู้ชมไม่ว่าจะชายและหญิงต่างดูเหมือนจะเห็นตัวเองถือร่มรอรักแท้ของตนเองหวนคืนมา

ช่างเป็นท่วงทำนองที่งดงาม

เป็นเรื่องราวความรักที่แสนสะเทือนใจ

ทุกคนต่างพากันตกอยู่ในภวังค์

ลุ่มหลงอยู่ในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้ว่าเพลงจะจบลงแล้ว แต่ทุกคนก็ดูเหมือนจะยังไม่ตื่นจากภวังค์เสียงเพลงนี้

แต่ละคนล้วนอยู่ในภวังค์ของความปรารถนาที่จะอยู่นานนับพันปี

หนึ่งนาทีหลังจากที่การแสดงจบลง เหล่าผู้ชมต่างตกอยู่ในความเงียบ ไม่ขยับตัวไปไหนราวกับรูปปั้น

หลังจากบทเพลงถูกบรรเลงจบลง เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ลอบถอนหายใจก่อนจะตื่นจากสถานการณ์ที่เหมือนกับฝันอันงดงามกลับมาสู่โลกความเป็นจริง ดวงตาของเธอยังคงขับความว่างเปล่าออกมา

หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองรอชายคนรับมานานนับพันปีให้กลับมาครองรักกับเธออีกครั้ง

“แต่… เขาคนนั้นจะอยู่ที่ไหนกันนะ?”

“เมื่อเขามาถึง พวกเราจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตไหมนะ?”

เธอไม่มีทางรู้ได้เลย

หลี่ชิงสือเหลือบมองไปที่เจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยความหลงใหลเป็นอย่างมาก ดวงตาของชายหนุ่มในยามนี้เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน

บทเพลง ‘Blue and White Porcelain’ ที่ฟางชิวเพิ่งจะเป่าไปดูเหมือนจะทำให้เขาเข้าใจว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋กำลังรอเขาอยู่นับพันปีแล้ว

แล้วในตอนนี้หญิงสาวก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว จะปล่อยเธอไปได้อย่างไร?

สำหรับเรื่องของฟางชิวนั้น หลี่ชิงสือลืมไปแล้ว

นาทีต่อมา เหล่าผู้ชมต่างพากันปรบมือดังลั่นให้กับฟางชิวสำหรับทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้

พวกเขาปรบมือกันจนมือแดง แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกเจ็บแต่อย่างใด

มันน่าทึ่งมาก!

สายตาของเหล่าผู้ชมต่างพากันจับจ้องไปที่ร่างสูงบนเวทีด้วยความชื่นชมและนับถือ

พวกเขาไม่สามารถหาคำอธิบายจากเหตุการณ์ทั้งหมดได้จริง ๆ

ทั้งหมดที่พวกเขาทำได้ก็มีเพียงปรบมือ

เสียงปรบมือดังสนั่นยังคงดำเนินต่อไป

โดยเฉพาะกับสาว ๆ พวกเธอต่างปรบมือราวกับคนเสียสติ ใบหน้าต่างแดงแจ๋เป็นแถบ ๆ

ฟางชิวถูกดึงตัวกลับมายังโลกแห่งความจริงอีกครั้งด้วยเสียงปรบมืออันกึกก้อง ตอนแรกชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ยอมเผยยิ้มออกมา

เขากลับมาอยู่ในภาวะลืมทุกอย่างอีกครั้ง

ในช่วงปีที่สองของเขาในโรงเรียนมัธยม เขาตกอยู่ในภาวะเดียวกันนี้ เป็นจังหวะตอนนี้บรรลุเข้าถึงระดับปรมาจารย์ได้อย่างรวดเร็วพอดิบพอดี

ชายหนุ่มไม่เคยคาดหวังว่าวันนี้เขาจะบรรลุอีกครั้ง

อาจารย์เคยบอกกับเขาไว้ว่า เมื่อเขาเข้าสู่ภาวะนี้ ชายหนุ่มควรพยายามสัมผัสมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาจะสามารถกลับมาได้เมื่อไร

แต่เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาจึงยังไม่สามารถใช้เวลาในการสำรวจตัวเองมากนัก อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มก็หวังว่า หลังจากนี้จะมีภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง… ที่สาม… และที่สี่ต่อ ๆ มา!

หลังจากโค้งคำนับให้กับเสียงปรบมือของผู้ชมแล้ว ฟางชิวก็เดินลงจากเวที

เมื่อเขากลับเข้าไปในที่นั่งของกลุ่มห้องเรียนตัวเอง รูมเมตทั้งสามก็มองเขาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย พวกเขาพากันยกนิ้วโป้งให้แล้วพูด “เจ้าน้องเล็ก ในเมื่อนายประกาศกับทุกคนว่าพวกเรายังโสด ทำไมนายไม่สนใจจะช่วยแก้ปัญหาโสดให้พวกเราล่ะ?”

“ฉันจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้ยังไง?”

ฟางชิวก็ยังคงรู้สึกไม่ดีอยู่ดี

“อื้ม… มันง่ายจะตาย” ซุนฮ่าวพูดทันทีด้วยความตื่นเต้น “จากการแสดงของนายในวันนี้ นายทำให้สาว ๆ มาจอยกับพวกเราได้ไหม?”

“อะไรนะ?!” ฟางชิวอุทาน

“ความสามารถของนายมันมีเสน่ห์ดึงดูดใจสาว ๆ อยู่แล้ว ไหนจะความดูดีของนายด้วย แล้วยังบรรเลงดนตรีได้ไพเราะอีก!” จูเปิ่นเจิ้งพูดขึ้นทันที

ซุนฮ่าวกับโจวเสี่ยวเทียนก็พูดยืนยันพร้อมกัน “แน่นอน!”

ฟางชิวรู้สึกอายนิด ๆ เขาเลือกที่จะไม่เถียงกับรูมเมตทั้งสามเกี่ยวกับประเด็นนี้อีก ไม่อย่างนั้นเถียงทั้งวันคงไม่มีทางจบแน่ เขาเลยเปลี่ยนเรื่อง “การแสดงของเจียงเหมี่ยวอวี๋กำลังจะเริ่ม ฉันเห็นเธออยู่ที่หลังเวลาเมื่อกี้นี้เอง”

เมื่อฟางชิวพูดถึงเจียงเหมี่ยวอวี๋ รูมเมตทั้งสามก็หันมาสนใจเรื่องนี้ทันที

โจวเสี่ยวเทียนถาม “โกหกน่า…! นี่มันงานเลี้ยงรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยเรานะ แม่เทพธิดาจะมางานแบบนี้ได้ยังไง?”

“ไปให้พ้นเลยไอ้เวร! โอ้ว! แม่เทพธิดาเจียงของฉันมาทำอะไรที่นี่กันน่ะเหรอ? เธอมาสนับสนุนงานปาร์ตี้ของมหาวิทยาลัยไงล่ะ!” ซุนฮ่าวอธิบาย

โจวเสี่ยวเทียนหันมาทางฟางชิวแล้วถาม “เจ้าน้องเล็ก! แล้วเธอจะแสดงอะไรกันน่ะ?”

“โอ๊ย! เจ็บไหล่กับขาหมดแล้ว!” ฟางชิวร้องออกมาด้วยความเหนื่อยล้า ร่างกายของเขาแทบจะแข็งตัวจนเหมือนเป็นอัมพาต

รูมเมตทั้งสามเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบพยุงฟางชิวขึ้นแล้วนวดให้เขา! แต่ก่อนที่พวกเขาจะนวดให้ฟางชิวเสร็จ พิธีกรก็ประกาศขึ้น “ต่อไป โปรดต้อนรับ เจียงเหมี่ยวอวี๋ ตัวแทนนักศึกษาจากสาขาวิชาฝังเข็มและการนวด เธอจะมาร้องเพลง ‘Hélène’ กัน!”

เมื่อได้ยินเสียงประกาศ รูมเมตทั้งสามก็สั่นสะท้าน และไม่ได้สนใจฟางชิวอีกต่อไป พวกเขาพากันมองขึ้นไปบนเวที

ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้น เหล่าหนุ่ม ๆ หลายคนต่างพากันเงยหน้าขึ้นมองไปยังเวทีเพื่อรอเทพธิดาเจียงเหมี่ยวอวี๋ขึ้นมาบนเวที

ไม่มีใครใจเย็นได้เลย เพราะการแสดงถัดไปนั้นเป็นการแสดงของเทพธิดาเจียงคนงามขวัญใจใครหลายคน ตอนนี้พวกเขาจะได้เจอเธอตัวเป็น ๆ แล้ว จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?!

เมื่อเจียงเหมี่ยวอวี๋เดินขึ้นมาบนเวทีอย่างสง่างามพร้อมกับจับไมโครโฟน เพียงเท่านี้เธอก็สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมทั้งหมด

ทันใดนั้น ทั้งเสียงเชียร์ เสียงโห่ร้องดีใจก็ดังไม่หยุด

“เจียงเหมี่ยวอวี๋!

“เจียงเหมี่ยวอวี๋!”

หลายคนต่างพากันลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนเชียร์อย่างสุดเสียงพลางยกมือของตัวเองขึ้นตามไปด้วย

เมื่อมีคนลุกขึ้นยืนปิดกั้นสายตาของคนที่อยู่ข้างหลัง คนข้างหลังก็พากันร้องตะโกนด่า

“ข้างหน้าอะนั่งลงสิวะ! นั่งลง!”

“มารยาทของพวกนายอยู่ไหนกัน? พวกนายกำลังบังคนที่อยู่ข้างหลังอยู่นะ นั่งที่ของตัวเองเดี๋ยวนี้!”

คนข้างหน้าที่หน้าบางและเขินอายก็รีบนั่งลง ขณะที่บางคนยังคงหน้าด้านและหูหนวก ไม่สนใจคำด่าเลยแม้แต่น้อย

ในที่สุดก็เกิดความโกรธทั่วที่สาธารณะ

“นั่งลงเซ่!”

“นั่งลงสิวะ!”

เสียงโวยวายอย่างโกรธจัดดังขึ้นมา

เมื่อสังเกตเห็นความโกลาหลโดยรอบ อาจารย์แต่ละคนจึงเริ่มดึงตัวนักศึกษานั่งลงและไม่ให้ลุกยืนอีก

เจียงเหมี่ยวอวี๋ก้าวมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม แสงไฟสาดส่องมาที่เธอ

เธอดูเหมือนกับดอกบัวที่กำลังเบ่งบานอย่างงดงาม!

“สวยมาก!”

“เธอสวยเกินไปแล้ว!!”

นี่คือสิ่งที่หนุ่ม ๆ ต่างพากันคิด รวมทั้งฟางชิวด้วย

เมื่อเขาบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ หัวใจของฟางชิวแทบจะไร้ความรู้สึกราวกับก้อนหิน แต่ในเวลานี้ ชายหนุ่มต้องยอมรับเลยว่าหัวใจของตัวเองกำลังสั่นไหว

บทเพลงที่ไพเราะค่อย ๆ เริ่มขึ้น

มันกล่อมเกลาหัวใจคนทุกคนเหมือนกับสายลม

เจียงเหมี่ยวอวี๋ยกไมโครโฟนด้วยแขนที่ดูอ่อนนุ่มและงดงามของตัวเองเพื่อร้องเพลงท่อนแรก แต่จู่ ๆ ไฟทุกดวงก็ดับในพริบตา เสียงเพลงหยุดลง พื้นที่โดยรอบพลันตกอยู่ท่ามกลางความมืด…

[1] เป็นขลุ่ยชนิดหนึ่ง มีรูปร่างหน้าตาคล้าย ๆ ไข่

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน