คุรุการแพทย์ – บทที่ 32 ความรักที่ดับมอดลง

คุรุการแพทย์

บทที่ 32 ความรักที่ดับมอดลง

บทที่ 32 ความรักที่ดับมอดลง

“หายแล้วครับ”

ฟางชิวพยักหน้า

ได้ยินแล้วโหยวเซิงก็รีบลุกขึ้นนั่งบนเตียง สวมรองเท้าแล้วลองยืนบนพื้น ขยับหลังไปทางนู้นทีทางนี้ที

“นี่ฉันหายจริง ๆ เรอะ!”

โหยวเซิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ

“หายแล้วจริงหรือ?”

ซูมู่ตงรีบถาม

ถึงก่อนหน้านี้เขาจะกลัวว่าอุบัติเหตุทางการแพทย์จะเกิดขึ้น แต่เขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนไข้ทุกรายจะหายขาดได้

โดยเฉพาะคนไข้อย่างโหยวเซิง

“ดีมาก ไม่ปวดแล้ว!”

โหยวเซิงบิดตัวต่อ “ดูสิ ฉันก้มได้แล้ว ก้มได้แล้ว!”

หลังพูดจบ เขาก็คว้ามือของฟางชิวและกล่าวชมอย่างตื่นเต้น

“นี่มันหมออัจฉริยะชัด ๆ! เธอเป็นหมออัจฉริยะ!”

คนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ฟางชิวด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าโหยวเซิงหายจริง ๆ

แม้พวกเขาจะเห็นการรักษาของฟางชิวและได้ฟังคำอธิบายแล้วก็ตาม แต่ลึก ๆ แล้วพวกเขาก็ยังไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร

สุดท้ายแล้วคนที่บอกว่าหายแล้วจริง ๆ นั้น…

ต้องมาจากปากคนไข้เท่านั้น!

พอคนไข้อย่างโหยวเซิงพูดออกมาเอง ทุกคนก็มองฟางชิวด้วยสายตานับถือชื่นชม

ชายหนุ่มคนนี้รักษาโรคที่หมอเสิ่นและโรงพยาบาลอู่ซูที่เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อรักษาไม่ได้

นี่มันอะไรกัน?

นี่หรือความแข็งแกร่ง!

เฉาเจ๋อก้มศีรษะด้วยความสิ้นหวัง ใบหน้าพลันคล้ำหมอง

โหยวเซิงหายขาดจริง ๆ

ยกนี้ทำลายความมั่นใจในตนเองของเขาเข้าเต็มเปา

คนที่อายุน้อยกว่าเก่งกว่า นี่มัน…

ทำเอาจิตตก และสลดใจสุด ๆ เลย

“ผู้อำนวยการครับ ฟางชิวเป็นผู้ช่วยแพทย์ในโรงพยาบาลของเราได้ไหม”

เสิ่นชุนยิ้มก่อนจะมองไปที่ผู้อำนวยการ

“ต้องอยู่ได้สิ หมอเก่ง ๆ อย่างนี้ต้องอยู่! เพื่อมนุษยชาติ!”

โหยวเซิงพยักหน้าก่อนซูมู่ตงจะพูดเสียอีก

คนไข้วัยชราผู้นี้ประทับใจทักษะทางการแพทย์ของฟางชิวมาก

ซูมู่ตงพยักหน้า และเอ่ยกับฟางชิวอย่างจริงใจว่า “ยินดีต้อนรับสู่โรงพยาบาลของเรา”

ฝีมือของฟางชิวเป็นพรสวรรค์อย่างแน่นอน

เขาเก่งเกินวัยไปแล้ว!

คนแบบนี้ต้องดึงตัวเอาไว้

“ขอบคุณครับ!”

ฟางชิวกล่าว

“ฮ่า ๆ! เอาเงินไป รีบเอาเงินไป!”

โหยวเซิงหัวเราะ พลางเรียกผู้คุ้มกันที่เฝ้าประตูให้เข้ามา

ผู้คุ้มกันเอากระเป๋าหนังออกมาทันที จากนั้นก็หยิบธนบัตรสามกองออกมาให้โหยวเซิง

โหยวเซิงรับมาทั้งหมดแล้ววางไว้ในมือของฟางชิว

“ไอ้หนู นี่ค่ารักษา ขอบคุณมาก!”

ฟางชิวตกใจกับเงินจำนวนมหาศาลนี้ เขาคาดไว้ว่าน่าจะอยู่ที่สามหมื่นหยวน

กำลังขาดเงิน เงินก็มาทันเวลาพอดีเลย

แต่ที่นี่คือโรงพยาบาล การรักษานี้เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจ ไม่รู้ว่าเงินนี้ถือเป็นของโรงพยาบาลหรือเขากันแน่

ฟางชิวมองไปที่เสิ่นชุน เสิ่นชุนจึงมองไปที่ผู้อำนวยการซูมู่ตง

ซูมู่ตงเอ่ยอย่างรวดเร็ว “คนไข้เข้ามารักษาไม่ตามขั้นตอน ไม่ถือว่าได้รักษาที่นี่ อย่างไรนี่ก็คือการทดสอบ เงินนี้เลยเป็นของเธอ เธอสมควรได้รับแล้ว โรงพยาบาลของเราไม่ได้อยากโลภ รับเงินนี่ไปเถอะ”

ซูมู่ตงรู้ว่าอะไรสำคัญกว่าระหว่างเงินและพรสวรรค์

ฟางชิวสมควรได้รับเงินจำนวนนี้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ฟางชิวยังช่วยให้โรงพยาบาลแก้ปัญหาใหญ่ได้ ถึงโรงพยาบาลไม่ให้เงิน คนอื่นก็ต้องให้อยู่ดี!

“ใช่ เอาไปซะ!”

โหยวเซิงรีบเสริม

ฟางชิวได้ยินแล้วก็รับเงินมาเก็บไว้

เขาโล่งใจ ในเมื่อตอนนี้มีเงินแล้ว เขาคงเรียนได้โดยไม่ต้องพะวงเรื่องเงินอีก

เมื่อเห็นว่าฟางชิวได้รับเงินแล้ว โหยวเซิงและผู้คุ้มกันก็จากไปอย่างมีความสุข

ผู้อำนวยการซูมู่ตงก็จากไปเช่นกัน

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เสิ่นชุนก็กล่าวกับฟางชิว “ยินดีต้อนรับสู่แผนกของเรา ฉันหวังว่าหลังจากนี้เราจะได้ช่วยผู้ป่วยจากความทุกข์ทรมานด้วยกันนะ”

“ครับ!”

ฟางชิวพยักหน้าแรง ๆ ขณะตอบรับประโยคนั้น

จากนั้นเสิ่นชุนก็เริ่มเอ่ยถึงค่าตอบแทน เพราะฟางชิวสามารถทำงานได้เพียงช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ เงินเดือนของเขาจึงตั้งไว้ที่พันหยวนไปก่อน

ความมุ่งมั่นของฟางชิวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ฟางชิวคำนวณดูแล้ว เขาทำงานกะสามชั่วโมงในตอนบ่าย ตั้งแต่บ่ายสองครึ่งถึงห้าโมงครึ่ง ได้เงินพันหยวน ทำเพียงสิบสองชั่วโมงต่อเดือน ฟังแล้วถือว่าสมเหตุสมผล

สำหรับค่าคอมมิชชั่นนั้นหมายความว่า ยิ่งพบผู้ป่วยมากเท่าไร ก็ยิ่งได้เงินมากขึ้นเท่านั้น

เพราะเงินสามหมื่นหยวนที่ได้มานี้ ฟางชิวจึงตกลงที่จะมาทำงานในบ่ายวันอาทิตย์ พูดคุยเรียบร้อยแล้วเขาก็อำลาเสิ่นชุน แล้วออกจากโรงพยาบาลไป

สี่โมงครึ่งแล้ว ฟางชิวตั้งใจจะกลับไปทานอาหารง่าย ๆ สักจาน เขาเลยตรงไปที่สวนเพื่ออ่านหนังสือแล้วรอให้เจียงเหมี่ยวอวี๋กลับมา

ในใจเขาส่งเสียงเรียกร้องให้อยากพบเจียงเหมี่ยวอวี๋

เขาเพียงแค่อยากบอกอีกฝ่ายว่าเขาเข้าโรงพยาบาลในเครือในฐานะผู้ช่วยแพทย์ได้แล้ว

ฟางชิวรู้ดี ดอกตูมที่เรียกว่า ‘ความรัก’ กำลังแตกหน่อในหัวใจ

ทันทีที่เขาเดินออกจากโรงพยาบาล ฟางชิวก็ได้รับโทรศัพท์จากเจียงเหมี่ยวอวี๋

“ฟางชิว เราอาจจะแสดงด้วยกันในพิธีเปิดไม่ได้นะ…”

“มีอะไรผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า”

ฟางชิวถาม คิ้วขมวดทันที

“นายมาที่ห้องห้าศูนย์สองก่อนก็ได้ ฉันเรียนอยู่ห้องนี้ แล้วเราค่อยว่ากัน”

เจียงเหมี่ยวอวี๋กล่าว

“โอเค”

ฟางชิววางสาย ขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด

อะไรกันที่มาขัดขวางไม่ให้เราแสดงด้วยกัน?

งานถูกยกเลิก?

หรือเจียงเหมี่ยวอวี๋มีปัญหาฉุกเฉินขึ้นมา?

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาต้องถามให้รู้เรื่อง

ฟางชิวรีบขึ้นไปที่ห้องเรียนห้าศูนย์สอง เขาเห็นเจียงเหมี่ยวอวี๋นั่งอยู่กลางห้อง

ฟางชิวเดินเข้าไปหาเธอ

เจียงเหมี่ยวอวี๋ได้ยินเสียงฝีเท้าก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “นายมาแล้วเหรอ”

“ไง”

ฟางชิวรู้สึกว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋หลบตาเขา ราวกับว่าเธอกลัวเขาอย่างไรอย่างนั้น

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ฟางชิวรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย

“พิธีเปิด…”

“พิธีเปิด…”

ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน แต่แล้วก็หยุดพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงจากอีกฝ่าย

ห้องเรียนเกิดความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง

บรรยากาศเริ่มอึดอัดขึ้นมานิด ๆ

ฟางชิวทำลายความเงียบโดยการพูดว่า “ที่เธอพูดตอนโทรมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เจียงเหมี่ยวอวี๋เงียบไปครู่หนึ่งแล้วเริ่มอธิบายเหตุผล

“คือว่า เมื่อวานตอนบ่ายฉันเปิดเสียงที่พวกเราร้องให้พวกเขาดู พวกเขาบอกว่าเลือกเพลงดีแล้ว ชื่อก็เข้ากับบรรยากาศของพิธีเปิด เพลงเราเลยเป็นเพลงแรก เราจะได้แสดงร่วมกับการเต้นเปิดพิธีด้วย”

“แต่เมื่อเช้า อาจารย์ที่ดูแลงานพิธีเปิดจากสมาคมนักศึกษาแจ้งฉันมากะทันหัน…”

เจียงเหมี่ยวอวี๋กัดริมฝีปาก “เขาบอกฉันว่าเพลงนี้โอเค แต่นักร้องต้องเปลี่ยน ให้คนร้องเป็นรุ่นพี่กับรุ่นน้องดีกว่า ตอนนี้เลยไม่ได้เป็นนายกับฉัน แต่เป็นหลี่ชิงสือกับฉันแทน…”

หลี่ชิงสือ!

ฟางชิวขมวดคิ้ว

เขานึกถึงตอนที่หลี่ชิงสือเตือนเขาไว้ก่อนหน้านี้ว่าตนสนใจเจียงเหมี่ยวอวี๋ ผู้ชายคนนั้นเป็นประธานนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ย่อมมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับสมาคมนักศึกษา

ไม่ต้องพูดก็เห็นกันอยู่

ไม่ใช่รุ่นพี่ร้องเพลงกับรุ่นน้องจะออกมาดีกว่าหรอก

แต่หลี่ชิงสือตั้งใจถีบเขาออกมาต่างหาก!

เจตนาก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง หลี่ชิงสืออยากให้เขากับเจียงเหมี่ยวอวี๋เลิกมาเจอกัน ส่วนตัวเองก็เข้าหาเจียงเหมี่ยวอวี๋แทน

เจียงเหมี่ยวอวี๋ยิ้มขอโทษ “ฉันขอโทษนะ ฉันบอกพวกเขาแล้วว่าไม่มีเวลาแล้ว พวกเราก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็ยืนกรานจะให้เป็นหลี่ชิงสือให้ได้”

“แล้วเป็นไงบ้าง ดีไหม”

ฟางชิวถามอย่างใจเย็น

“ดี!”

เจียงเหมี่ยวอวี๋กัดริมฝีปากพลางกล่าวต่อ “ประธานหลี่รู้ภาษาจีนกวางตุ้งอยู่แล้ว เขาร้องได้เหมือนนายนั่นแหละ”

“แล้วเธอตกลงไหม”

ฟางชิวได้ยินแล้วก็ได้แต่หัวเราะ

รอยยิ้มของฟางชิวทำให้เจียงเหมี่ยวอวี๋รู้สึกได้ทันทีว่าความสัมพันธ์ของเธอกับฟางชิวห่างไกลออกไปแล้ว

ความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นในหัวใจของเธอ

เธอกัดริมฝีปาก พยักหน้า ก่อนจะก้มศีรษะลงแล้วเอ่ยเสียงต่ำ “อาจารย์ที่รับผิดชอบพูดไปแล้ว ฉันปฏิเสธไม่ได้…”

“ไม่เป็นไร”

ฟางชิวยืนขึ้น กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ยังค้างอยู่บนใบหน้า “ฉันจะตั้งตารอการแสดงดี ๆ ของเธอก็แล้วกัน ตอนนั้นฉันค่อยปรบมือให้เหมือนกับคนอื่นนั้นแหละ”

พูดเสร็จแล้วเขาก็ผละออกไป

“ฟาง…”

เจียงเหมี่ยวอวี๋มองไปยังฟางชิวที่เด็ดเดี่ยวจากไป อยากจะตะโกนแต่ก็ไม่อาจทำได้

เธอรู้สึกแน่นหน้าอก แน่นมาก…

ฟางชิวเดินออกจากอาคาร และหยุดอยู่ตรงบนบันไดหน้าตึก หน้าเงยมองฟ้าที่ครึ้มจัด ใบหน้าผุดพรายรอยยิ้มฝืนเกินทน “ถ้าตอนนี้ฝนตกคงเข้ากับอารมณ์จริง ๆ”

ซู่!

เปรี้ยง!

ฟ้าแลบสีแดงฉานวาบไปทั่วท้องฟ้า ตามด้วยฟ้าร้องดังกึกก้อง

ฝนทำท่าจะตกอยู่รอมร่อ

ฟางชิวฉีกยิ้มกว้างขึ้น “พระเจ้าใจดีจริง ๆ อยากได้อะไรก็ให้ ถึงจะล้มแล้วเหยียบก็เถอะ”

พูดไปแล้วรอยยิ้มเขาก็ค่อย ๆ หายไปจากใบหน้า

ฟางชิวจ้องมองสายฝนที่ลงหนักหน่วงด้วยสายตาว่างเปล่า

เวลานี้มีคนคนหนึ่งถือร่มสีแดงเดินเข้าไปในอาคารเรียน

ชายคนนั้นเห็นฟางชิวแล้วก็แปลกใจ ทว่าสุดท้ายก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมาให้เห็น

เขาคือหลี่ชิงสือ

“รู้ข่าวหรือยัง”

หลี่ชิงสือกล่าวไปหัวเราะไป จากนั้นก็เดินเข้ามาหาฟางชิวแล้วกล่าวต่อเสียงต่ำ “อย่าคิดจะสู้กับฉัน นายไม่คู่ควรจะสู้กับฉันด้วยซ้ำ นี่ยังไม่จบหรอกนะ!”

หลี่ชิงสือยกร่มในมือขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ไม่มีร่มเรอะ แต่ฉันมี ฮ่า ๆๆ…”

จากนั้นเขาก็หัวเราะแล้วเดินเข้าไปในอาคารเรียน

ฟางชิวมองหลี่ชิงสือด้วยสายตาเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบ หลังหลี่ชิงสือจากไปแล้ว ชายหนุ่มก็ยังคงมองตามแผ่นหลังไป

อยากสู้ไหมล่ะ?

ฉัน ฟางชิว ไม่เคยกลัวใคร!

เขายัดเงินเข้าไปในกระเป๋า และเดินจากไปท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

ฟางชิวไม่ได้ใช้พลังปราณ เขาเพียงแค่เดินผ่านสายฝนตกหนัก ปล่อยให้เม็ดฝนซัดลงมาตามเนื้อตัว

ลึกลงไปในใจ ดอกตูมที่เรียกว่ารักเพิ่งแตกหน่อนั้น จมไปกับสายฝนในฤดูร้อนเสียแล้ว…

ฟางชิวเดินกลับไปที่หอพัก เมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ เขาก็แผ่พลังปราณไปทั่วร่าง

เม็ดฝนทั่วร่างระเหยหายไปในบัดดล

ร่างของเขาถูกล้อมรอบด้วยไอน้ำสีขาว

ห้านาทีต่อมา เมื่อไอน้ำหายไปแล้ว ฟางชิวก็ลืมตาขึ้น รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า

ฟางชิวคนเดิมกลับมาแล้ว

ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์นั้น ความรักที่แตกสลายทำได้แค่รบกวนอารมณ์ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

เขาไปที่โต๊ะทำงาน ใส่เงินในลิ้นชักชั่วคราว จากนั้นก็เปิดหนังสืออ่านต่อตามปกติ

เขาปล่อยเจียงเหมี่ยวอวี๋ไปได้จริงหรือ?

คงมีเพียงฟางชิวเท่านั้นที่ตอบได้

“เจ้าห้า วันนี้ฝนตก นายกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ซ้อมที่ไหน เราไปดูอีกได้ไหม”

ตกหกโมงเย็น เพื่อนร่วมห้องเขาก็โทรมา

ฟางชิวยิ้มแล้วพูดว่า “หลังจากนี้จะไม่มีการซ้อมแล้ว”

“อะไรนะ! แล้วการแสดงของนายจะไม่ถูกยกเลิกใช่ไหม”

เสียงทั้งสามตะโกนดังลอดเข้ามาในโทรศัพท์

“เปล่า ฉันถูกแทนที่ อาจารย์ที่ดูแลการแสดงเปลี่ยนตัวฉันน่ะ” ฟางชิวอธิบาย

“โกหกน่า! หรือพวกนั้นตาบอดหูหนวกกันไปแล้ว? ไม่ได้ยินเสียงที่นายร้องเหรอ? แล้วที่ต้องแสดงก็เพราะคนพวกนั้นไม่ใช่เหรอไง คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมายกเลิกเอาง่าย ๆ”

เสียงโกรธของจูเปิ่นเจิ้งดังโพล่งออกมาทันที

เสียงของซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนดังโวยวายออกมาเป็นฉากหลัง

เมื่อได้ยินความโกรธของทุกคนแล้ว ฟางชิวก็หัวเราะอย่างมีความสุข เริ่มอุ่นใจขึ้นบ้าง

“ตอนพิธีเปิดฉันคงต้องเป็นแค่ผู้ชมเหมือนกับพวกนาย พวกนายอดจีบสาวแล้วมั้งแบบนี้”

ฟางชิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เขารู้ว่าสามคนนี้ไม่ได้ไปเพื่อดูเขาซ้อม แต่ไปหาสาว ๆ ต่างหาก

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พี่น้องของเราถูกรังแกทั้งที จะไปสนใจเรื่องสาว ๆ ได้ไง! จะจีบสาวน่ะตอนไหนก็จีบได้เว้ย แต่อย่าลืมว่านายยังติดหนี้เราเรื่องรูมเมตของเจียงเหมี่ยวอวี๋นะ”

โจวเสี่ยวเทียนกล่าว

ฟางชิววางสาย ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

ไอ้พวกนี้มันปลอบเขาจริงรึเปล่าวะ?

ทั้งสามกลับมาในตอนเย็น พอฟังเรื่องราวจากปากเขาอีกทีก็ตะโกนด่าหลี่ชิงสือขึ้นมาทันที

และยังบ่นอาจารย์ที่รับผิดชอบการแสดงอีก

จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันปลอบฟางชิวอย่างหนักหน่วง กระนั้นก็ยังไม่ลืมเตือนเรื่องรูมเมตของเจียงเหมี่ยวอวี๋

เพราะฝนตกตลอดทั้งคืน เช้าวันต่อมาอากาศเลยสดชื่นเป็นพิเศษ

ทั้งสี่คนทานอาหารเช้าเสร็จก็กลับไปเอาหนังสือที่หอพัก เดินผ่านกระดานข่าวแล้วก็ได้แต่ยืนตกใจกันเป็นแถบ

[ประกาศตรวจสุขอนามัย

เช้านี้ สมาคมนักศึกษาได้เข้าไปในหอพักนักศึกษา พบว่าห้องห้าศูนย์หนึ่งเต็มไปด้วยเศษกระดาษ เปลือกเมล็ดแตงโมและก้นบุหรี่

นอกจากนี้ ฟางชิว เพื่อนร่วมชั้นวิชาแพทย์แผนจีนห้องสาม มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนมีเตียงที่รกมาก เสื้อผ้าและถุงเท้าเลอะเทอะกระจัดกระจาย ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์เป็นอย่างมาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่านักศึกษาจะรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล

ลงวันที่ 20 กันยายน]

ด้านล่างเป็นภาพปรินต์สีของหอพัก โดยเน้นไปที่เตียงนอนในห้องของพวกเขา

ในภาพนั้น ในห้องพวกเขาเต็มไปด้วยเศษกระดาษ เปลือกเมล็ดแตงโมและก้นบุหรี่

บนเตียงมีถุงเท้าสีดำและชุดชั้นในสองสามชิ้นกองรวมกัน ข้างใต้ลงมาเป็นแอปเปิลวางกองอยู่ราว ๆ สองสามลูก

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน