บทที่ 33 นายจะทำอะไรฉันได้!
บทที่ 33 นายจะทำอะไรฉันได้!
เห็นรูปนี้แล้วเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบ ๆ ก็แทบจะอาเจียนข้าวเช้าออกมาด้วยความรังเกียจ
“ให้ตายสิ! หอพักนี้แปลกว่ะ! ไม่สนใจเรื่องสุขอนามัยส่วนตัวเลย นี่เราอยู่กับคนแบบนี้เหรอ”
“ใช่ น่าขยะแขยง!”
“นั่นเรียกว่าที่ที่คนอยู่ได้เหรอ”
…
เมื่อได้ยินเสียงของผู้คนรอบ ๆ แล้วเจ้าของห้องห้าศูนย์หนึ่งทั้งสี่คนก็พลันตีหน้าทะมึน
พวกเขาจำได้แม่นว่าเมื่อเช้าพวกเขาทำความสะอาดแล้วก่อนออกไป ทั้งพื้นและเตียงล้วนสะอาดเอี่ยมอ่อง
สิ่งสำคัญคือไม่มีใครเคยกินเมล็ดแตงโมในหอพัก ไม่มีใครขว้างกระดาษ และไม่มีใครสูบบุหรี่
ขยะทั้งหมดนี้มาจากไหน?
รูปถ่ายแสดงให้เห็นชัดเจนว่าหอพักของพวกเขาหน้าตาเป็นอย่างไร สมาคมนักศึกษาทำผิดพลาดอะไรไปหรือเปล่า
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย?”
จูเปิ่นเจิ้งกดน้ำเสียงต่ำ ใบหน้าคล้ำด้วยความโกรธ
ซุนฮ่าวและโจวเสี่ยวเทียนไม่ได้เอ่ยคำใด ทว่าสีหน้าย่ำแย่พอ ๆ กัน
พวกเขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนมากก็คือ วันนี้เป็นวันแห่งความอัปยศ มีเพียงหอพักของพวกเขาเท่านั้นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์
แค่ห้องห้องเดียวก็ฉาวโฉ่ไปทั่วแล้ว
เดาได้เลยว่าถ้าพูดถึงห้องห้าศูนย์หนึ่งของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนขึ้นมา ทุกคนจะรังเกียจและดูถูกพวกเขาอย่างไร
ทุกคนล้วนรับรู้โดยทั่วกันว่าห้องพักของพวกเขาสกปรกแค่ไหน
แต่มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย พวกเขาทำความสะอาดไปแล้ว ทำไมถึงเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?
พวกเขาไม่เข้าใจเลยสักนิด
ฟางชิวมองไปที่ใบประกาศ สีหน้าเย็นยะเยียบ เขาก้าวไปข้างหน้า ฉีกมันลงท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน
“ทำอะไรของนาย?”
รูมเมตทั้งสามรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วถามด้วยน้ำเสียงต่ำ
“ไปเถอะ กลับห้องกัน”
ฟางชิวกล่าว
เขาเดินนำทั้งสามกลับไปยังห้องพัก
ผู้คนรอบ ๆ มองตามแผ่นหลังของฟางชิวด้วยความประหลาดใจ
มีคนกล้าฉีกใบประกาศด้วย กล้ามาก ถ้าทางมหาวิทยาลัยรู้เข้า ฟางชิวคงถูกเรียกไปตักเตือนจริงจังเอาได้
“เจ้าห้า แปะคืนที่เดิมเถอะ เดี๋ยวมหาวิทยาลัยรู้เข้าก็ซวยหรอก”
ฉินคังหนิงรีบเดินไปหาฟางชิวแล้วตักเตือนออกมา
“เรื่องนี้พุ่งเป้ามาที่ฉัน ไม่ต้องห่วง”
ฟางชิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ชายหนุ่มรู้ดีว่าเรื่องนี้มุ่งเป้าไปที่เขา ไม่มีใครเคยโดนเตือนเรื่องนี้ มีแต่ห้องของเขาเท่านั้นที่โดน ในใบประกาศถึงกับเขียนชื่อเขา และยังบอกว่าเขาเรียนอะไรอีกต่างหาก
ถ้าบอกว่าไม่พุ่งเป้ามาที่เขาต่างหากที่แปลก!
หลี่ชิงสือเป็นประธานนักศึกษา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังโจมตีเขาอยู่!
“นายงั้นเหรอ?”
สามคนในหอพักถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่!”
ฟางชิวพยักหน้าไปพูดไป “ไม่คิดว่านี่แปลกมากหรือไง พวกเรารู้ว่าห้องเราอยู่สภาพไหน ไม่เหมือนรูปถ่ายแน่ ๆ ใช่ไหมล่ะ”
“สภาเปิดเผยข้อมูลฉันออกมาทั้งหมด เขียนชื่อฉันไว้ด้วย ตั้งใจพุ่งเป้ามาที่ฉันชัด ๆ!”
“ใครเห็นประกาศนี้ต้องมองห้องเราแย่แน่ ๆ ฟางชิว! เขาจะมองว่าเราสกปรกมาก แถมไม่ใส่ใจสุขอนามัยส่วนบุคคลอีกต่างหาก!”
ทั้งสามได้ยินแล้วก็ต่างคิดว่าประโยคเมื่อกี้กล่าวถูก
หากพวกเขาไม่รู้จักฟางชิว พวกเขาก็คงคิดว่าฟางชิวเป็นคนสกปรกตามใบประกาศไปแล้ว
“นายเคยทำให้ใครขุ่นเคืองหรือเปล่า”
โจวเสี่ยวเทียนอดไม่ได้ที่จะถาม
“ฉันทำใครโกรธบ้างไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ มีคนทำให้ฉันโกรธ เรื่องนี้ไม่จบแน่!” ฟางชิวกล่าวเสียงเย็น “กลับไปที่ห้องกันก่อน!”
เมื่อได้ยินเสียงไร้ความเกรงกลัวของฟางชิวแล้ว คนฟังก็ไม่รู้สึกว่าตนรู้จักเจ้าห้าคนนี้อีกต่อไป
ฟางชิวไม่ใช่คนที่ไม่มีพิษมีภัยและเอาแต่ยิ้มแย้ม
แต่เป็นคนที่แข็งแกร่งและดุดันคนหนึ่ง!
“ใช่! ยังไม่จบ!”
จูเปิ่นเจิ้งกล่าว “กล้าดียังไงที่ใส่ร้ายพวกเรา เจ้าห้า เรื่องนี้ไม่จบแน่! คิดว่าเราจะยอมถูกรังแกง่าย ๆ งั้นเรอะ!”
“ถูก! กล้าใส่ร้ายภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบของเราและเจ้าห้าได้ยังไง แล้วเราจะไปจีบหญิงที่หอหญิงได้ไงถ้าข่าวนี้กระจายออกไป!”
ซุนฮ่าวกล่าว
จูเปิ่นเจิ้งและโจวเสี่ยวเทียนต่างพยักหน้าด้วยความไม่สบายใจ
ฟางชิวเหลือบมองพวกเขาโดยไม่พูดอะไรอีก
ช่างเป็นมิตรภาพที่…!
พวกเขากลับมาที่หอพัก พอเปิดประตูก็เห็นว่าทุกอย่างเละเทะกระจัดกระจาย ไม่ต่างกับในรูปเลยสักนิด
เตียงของฟางชิวก็เต็มไปด้วยขยะรกรุงรัง
การดูแลความสะอาดในหอพักจึงพังทลายลงเช่นนี้
สีหน้าของทั้งสี่ดูมืดมนยิ่งกว่าเดิม
“ทำความสะอาดกันเถอะ”
ฟางชิวกล่าวเสียงเย็น
สามคนที่เหลือพยักหน้าแล้วเริ่มทำความสะอาดเงียบ ๆ
ในเวลาเดียวกัน
ที่สำนักงานสมาคมนักศึกษาคณะแพทย์แผนจีน
นักศึกษาคนหนึ่งกระซิบกับหลี่ชิงสือหลังโต๊ะ
“อะไรนะ ฟางชิวฉีกใบประกาศทิ้ง?”
หลี่ชิงสือดีดหลังตั้งตรง ถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ ฉันเห็นกับตา” นักศึกษาคนนั้นพูดด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง
“ได้ กล้าดีนี่!”
หลี่ชิงสือไม่เคยคิดมาก่อนว่าฟางชิวจะกล้าได้กล้าเสียขนาดนี้ แถมยังกล้าฉีกประกาศที่สมาคมนักศึกษาเป็นคนแปะอีกต่างหาก
เขาไม่รู้ว่าจะประเมินฟางชิวอย่างไรอีกแล้ว
โง่หรือสมองทึบดี?
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่ย่อมทำให้เขามีโอกาสทำเรื่องให้ดังยิ่งขึ้น เขาจะพลาดไปได้อย่างไร
“ให้คณะกรรมการวินัยไปขวางเขาที่ประตูหอพัก! กล้าฉีกใบประกาศได้ยังไง!”
หลังจากพูดจบ หลี่ชิงสือก็ขอให้นักศึกษาคนนั้นเข้ามาใกล้ จากนั้นก็กระซิบบางอย่างออกไปคำสองสามคำ
นักศึกษาคนนั้นพยักหน้าแล้วออกไปด้วยรอยยิ้ม
…
ที่หอพัก
หลังจากที่ทำความสะอาดแล้ว พวกเขาก็เห็นว่าใกล้ถึงเวลาเรียนจึงรีบเดินออกจากหอพักพร้อมกับแบกหนังสือไปด้วย
ทันทีที่เขามาถึงประตูหอพัก ฟางชิวก็ถูกเพื่อนร่วมชั้นอายุมากกว่าหลายคนหยุดเขาไว้
“นายคือฟางชิวใช่ไหม?”
ตัวแทนสมาคมนักศึกษาที่สวมแว่นมองฟางชิวขึ้นลงแล้วถามอย่างดูถูก
มาแล้วสินะ!
ฟางชิวเยาะเย้ยอยู่ในใจ
เขาฉีกใบประกาศเพื่อให้อีกฝ่ายมีโอกาสมาที่ประตู เขาแค่อยากดูว่าอีกฝ่ายต้องการใส่ร้ายเขามากแค่ไหน!
“ใช่”
ฟางชิวพยักหน้า
“เรามาจากสมาคมนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ได้ยินว่านายฉีกใบประกาศ? ใครบอกให้ฉีกมันออก”
นักศึกษาแว่นไม่ได้ปล่อยให้ฟางชิวพูดเลย เขาเอาแต่ถามฟางชิวอย่างเข้มงวด
“ผมนี่แหละที่บอก”
ฟางชิวกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
“ได้ความคิดนี้มาจากไหน? ทำผิดแล้วยังไม่สำนึกอีก!”
นักศึกษาคนนั้นด่าต่อ “ยังเคารพกฎอยู่ไหม ที่นี่คือมหาวิทยาลัย ไม่ใช่บ้านที่จะทำอะไรตามอำเภอใจ!”
เสียงของเขาดังมากจนดึงดูดความสนใจของนักศึกษาทุกคนที่ผ่านมากันหมด ทุกคนต่างเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“โฮ่ แล้วทีนี้จะทำอะไรกับผมล่ะ”
ฟางชิวมองไปที่นักศึกษาที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างนิ่งงัน
แล้วจะทำอะไรผมงั้นหรือ?
ประโยคนี้ทำให้นักศึกษาทุกคนตกใจ
โอ้มายก๊อด!
สุดว่ะ!
มีคนพูดต่อหน้าคณะกรรมการวินัยว่าแล้วจะทำอะไรผมด้วยเว้ย!
นักศึกษาที่สวมแว่นระเบิดความโกรธออกมา นิ้วชี้ไปที่ฟางชิวค้างไว้ โดยที่พูดอะไรไม่ออกสักคำ
“แก… ไปสมาคมนักศึกษากับฉัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันทำอะไรแกไม่ได้!”
ได้ยินแล้วนักศึกษารุ่นพี่หลายคนก็เข้ามารวมตัวกัน
จูเปิ่นเจิ้ง ซุนฮ่าว และโจวเสี่ยวเทียนกลัวว่าฟางชิวจะโดนรังแก พวกเขาจึงล้อมตัวฟางชิวเอาไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับตั้งตนเป็นศัตรูกับคณะกรรมการวินัยทันที
“ทำอะไรน่ะ หรืออยากเดือดร้อนเหรอ ไม่กลัวโดนทำโทษรึไง”
นักศึกษาแว่นตำหนิทั้งสามที่ยืนล้อมฟางชิวไว้ด้วยท่าทางถือดี
ถึงจะอย่างนั้นทั้งสามก็ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน
“ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ พวกเราต่างเป็นนักศึกษาอยู่ มาอวดดีอย่างนี้ได้ยังไง!”
ซุนฮ่าวกล่าวอย่างดูถูก
“ถ้าฉันเป็นพ่อแม่ของหมอนี่ ฉันคงตีให้ตายไปแล้ว!”
โจวเสี่ยวเทียนดูถูกคณะกรรมการวินัยเช่นกัน
จูเปิ่นเจิ้งถ่มน้ำลายลงบนพื้นด้วยความขุ่นเคือง
“อุ๊บ!”
คนที่ยืนอยู่รอบ ๆ เห็นแล้วก็ขำกันคิกคัก
พวกเขาไม่เคยเห็นใครกล้าหือกับคณะกรรมการวินัยเช่นนี้
ที่ทุกคนไว้หน้าคณะกรรมการวินัยก็เพราะกลัวว่าถ้าถูกจับจะโดนหักคะแนน พอโดนหักคะแนนก็ไม่ได้ทุน ไม่ได้ทุนก็จะเรียนไม่จบตามกำหนด
พวกเขาจึงทำได้แค่โกรธ และไม่กล้าแย้งอะไรออกมา
แต่วันนี้มีคนช่วยพูดแทนแล้ว
จะไม่ดีใจอย่างไรไหว!
ยิ่งกว่านั้น ทั้งสี่คนนี้นั้นยังเท่มาก คนหนึ่งพูดออกมาโต้ง ๆ ว่า ‘แล้วทีนี้จะทำอะไรผมล่ะ’ อีกสามก็คอยเย้ย ร่วมมือสมบูรณ์แบบมาก
“กล้า… กล้าดียังไง!”
นักศึกษาแว่นบ้าไปแล้ว
“วันนี้ถ้าไม่ไปก็รอโดนลงโทษได้เลย!”
พูดจบเขาก็ทำท่าเหมือนจะโทรไปฟ้องใครให้มาจัดการ
“อย่าโทรเลย เดี๋ยวนายก็มีสายเข้าแล้ว”
ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของทุกคน ฟางชิวก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก
“หมอเสิ่น นี่ผมเอง ผมมีปัญหานิดหน่อย ช่วยอะไรผมอย่างนึงได้ไหมครับ…”
ฟางชิวอธิบายทุกอย่างแล้ววางสายลง
คนรอบข้างต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ฟางชิวบอกว่าเขาถูกใส่ร้าย มีคนเอาขยะไปทิ้งกองไว้ในห้องพัก
ความผิดย้อนคืนไปที่สมาคมแล้ว
น่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ
รูมเมตทั้งสามมองฟางชิวอย่างสงสัย ไม่เคยได้ยินว่าฟางชิวมีแบ็กอัปคอยดันหลัง แต่ตอนนี้ฟังแล้วได้ยินอยู่ว่ามีแน่ ๆ
นักศึกษาแว่นและรุ่นพี่คนอื่นต่างลังเลใจ
พวกเขายังไม่แน่ใจว่าฟางชิวโทรหาใคร
แต่ดูเหมือนมีอำนาจมากพอให้ไม่กล้าทำอะไรอีก
ทั้งสองฝ่ายเงียบใส่กัน ส่วนคนที่ยืนมุงก็ยังคงยืนดูอยู่
ไม่นานเสียงเรียกเข้าก็ขัดจังหวะขึ้น
นักศึกษาแว่นสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ เขาได้ยินเสียงเรียกเข้าของตนเอง
คนรอบข้างที่ได้ยินเสียงเรียกเข้าก็พากันขมวดคิ้ว
เพราะท่าทางนักศึกษาแว่นเปลี่ยนไปในพริบตา
คนถูกมองไม่สนใจสายตารอบตัว เมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากหลี่ชิงสือ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฟางชิวคงไม่ได้โทรหาผู้มีอิทธิพลที่ไหนหรอก
ทว่าทันทีรับสาย ใบหน้าของนักศึกษาสวมแว่นก็เปลี่ยนไปทันที เขาเอาแต่พยักหน้าแล้วพูดว่า “ครับ!” “ครับ!” อยู่นั่น
หลังจากวางสาย เขาก็มองฟางชิวด้วยความโกรธระคนกลัวเกรง
เขาโกรธที่ฟางชิวทำให้เขาเสียหน้าและศักดิ์ศรีในที่สาธารณะ
และกลัวที่ฟางชิวมีคนหนุนหลังอยู่จริง ๆ ถึงขั้นทำให้หลี่ชิงสือต้องโทรมาบอกเขาให้รีบถอยออกมา
การออกมาหาเรื่องฟางชิวครั้งนี้เขาออกมากะทันหันไร้แผนการ แต่เห็นได้ชัดว่าหลี่ชิงสือมีแผนการใช้เขาเป็นเครื่องมือ!